บทที่ 445 ลูกชายที่โตแล้วจะมีความคิดเป็นของตัวเอง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 445 ลูกชายที่โตแล้วจะมีความคิดเป็นของตัวเอง

บทที่ 445 ลูกชายที่โตแล้วจะมีความคิดเป็นของตัวเอง

ทำเหมือนตัวเองเดินอยู่ในครรลองคลองธรรม ตีตราชี้หน้าคนอื่น แต่ดันไม่คิดว่าจะทำได้ไหม แล้วยังมาร้องขอคนอื่นอีก!

เหอะ! เธอไม่มีทางไว้ใจคนอย่างหม่าว่านกั๋วหรอก

ถึงจะช่วยเป็นล่ามให้ฟรี ๆ แต่ยังไงหม่าว่านกั๋วก็ต้องจ่ายเงินเป็นกอบเป็นกำให้ และจะต้องเอามาใส่กระเป๋าให้ได้

เธอลอบคิดเงียบ ๆ และไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร

“ผู้อำนวยการหู หัวหน้าหลี่ หนูขอโทษจริง ๆ นะคะ ทำให้พวกคุณต้องขบขันแล้ว!” ตอนนั้นเองที่จำได้ว่ายังมีลูกค้ายืนรออยู่

ไม่รู้สิ่งที่แสดงให้เห็นในวันนี้จะทำพวกเขาตกใจหรือเปล่า ก่อนหน้านี้พวกเขาอุตส่าห์พูดไว้ดีแล้วเชียวว่าจะมาพบปะกับลูกค้าที่ร้านของเรา

ส่วนพวกผู้อำนวยการหูรู้สึกอับอายมาก เดิมทีมันก็ดีอยู่หรอก แต่ก็ต้องมาพังทลายลงเพราะพฤติกรรมของผู้อำนวยการหม่าเนี่ย เพราะเขาเป็นคนที่พวกเราพามา ด้วยเหตุนี้แหละจึงละอายใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อเหลือเกิน

แม้จะอยากอยู่กับฉือเก๋อต่อก็ตาม

“คุณฉือ ผมโชคดีจริง ๆ ครับที่ได้พบคุณวันนี้! คุณสอนเธอมาได้ดีจริง ๆ นะครับ” ผู้อำนวยการหูไม่ลืมชมเสี่ยวเถียน

ชายชรามองเด็กสาว ก่อนเบนสายตาไปยังชายผู้นั้นแล้วคลี่ยิ้ม

เสี่ยวเถียนเป็นลูกศิษย์ของเขา และเธอก็ฉลาดจริง ๆ แทบไม่ต้องสอนอะไรเลย

แถมเธอยังคุยเรื่องยาก ๆ กับเขาบ่อยครั้งอีกด้วย

เห็นฉือเก๋อไม่ได้ว่าอะไรต่อ ผู้อำนวยการหูก็รีบขยิบตาให้เสี่ยวเถียน “สาวน้อย ไว้พบกันวันหลังนะ!”

หลังจากเอ่ยอย่างสุภาพก็จากไปอย่างสันติที่สุด และมันทำให้ฉือเก๋อประทับใจผู้อำนวยการหูกว่าเดิม

ชายชรามองคนกลุ่มนั้น แล้วยิ้มให้เสี่ยวเถียน “ผู้อำนวยการหูเป็นคนดีนะ!”

เธอก็คิดเช่นนั้น “คุณปู่ฉือ เมื่อกี้หนูไม่ได้ทำให้ปู่เสียหน้าใช่ไหมคะ?”

ตอนนี้เธอมีกลิ่นอายความเป็นศิษย์ลับของฉือเก๋ออยู่ ทุกการเคลื่อนไหวย่อมเกี่ยวกับเขาเสมอ ถ้าทำไม่ดี คนอื่นจะคิดว่าปู่สอนไม่ดี

ฉือเก๋อหัวเราะ เด็กคนนี้เพิ่งจะนึกได้หรือไง?

“เสียหน้าก็ช่างมันไปสิ ใครใช้ให้ปู่รับเด็กบ้าบิ่นแบบนี้มาล่ะ?” ฉือเก๋อพูดแกล้ง

อีกฝ่ายยิ้มสดใส

“คุณปู่ ทำไมช่วงนี้พี่อี้หย่วนไม่มาด้วยเลยคะ?”

ตอนนั้นเองที่สังเกตได้ว่าคนเป็นพี่ไม่ได้ตามมาด้วย

“ช่วงนี้เขายุ่งตลอดเลย ขนาดปู่เป็นปู่ของเขายังไม่รู้เลยว่ายุ่งอะไรนัก!” ฉือเก๋อเอ่ยอย่างไร้หนทาง

ลูกชายที่โตแล้วจะมีความคิดเป็นของตัวเอง และหลานชายที่โตแล้วก็มีความคิดเป็นของตัวเองเช่นกัน!*[1]

เขาอยากจะถามนะ แต่เสี่ยวหย่วนเอาแต่บอกว่าเดี๋ยวก็รู้เองแหละ หลังจากถามอยู่หลายรอบสุดท้ายก็ล้มเลิก

หลานชายของเขาไม่เด็กแล้ว รู้ความดี เขารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร

เสี่ยวเถียนได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้สนใจต่อ แล้วยิ้มเรียกให้ฉือเก๋อมานั่ง

“แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ? ไม่อยู่หรือ? คนหัวรั้นพวกนี้ทำให้หลานจัดการคนเดียวล่ะ?”

ตอนนั้นเองที่นึกได้ว่าทำไมไม่เห็นคนบ้านซูเลย? เพราะเป็นคนที่บ้านนี้ประคบประหงมมากที่สุด ไม่น่าจะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้สิ!

เมื่อครู่เกิดเรื่องเยอะแยะไปหมด ตามนิสัยของพวกเขาแล้วจะต้องออกมาช่วยเสี่ยวเถียนในทันที

“อาหารไม่พอค่ะ ปู่ของหนูเลยออกไปซื้อ” เธอยิ้ม “เย็นนี้มีลูกค้าสั่งแกะทั้งตัว ย่ากับแม่ก็เลยยุ่งกันอยู่ในครัวค่ะ”

ส่วนพี่ ๆ ออกไปข้างนอกพอดี

เพราะคิดว่าเป็นคนรู้จักก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จึงไม่ได้พาคนมาด้วย

ใครจะไปรู้ว่าจะเจอกับไอ้ประสาทคนหนึ่ง

“คุณปู่ ทำไมวันนี้ถึงมีเวลามาหาได้คะ?” เธอไม่อยากคุยเรื่องไม่น่ายินดีต่อจึงเปลี่ยนเรื่อง

“เสี่ยวหย่วนไม่อยู่น่ะ อยู่คนเดียวเบื่อ ๆ ก็เลยมาคุยกับปู่ของหลานน่ะ”

ที่บ้านมีกันอยู่สองคนปู่หลาน ไม่คึกคักหรือมีชีวิตชีวาเลย แถมหลานก็ไม่อยู่บ้านทั้งวัน แม้แต่วันหยุดก็ไม่อยู่

ในฐานะคนแก่นะ เขาเสียใจมาก ไม่อยากห่างไกลจากคนอื่นแบบนี้เลย

ไม่รู้ว่ามีใครขายเรือนสี่ประสานใกล้ ๆ ตระกูลตู้กับตระกูลซูไหม ถ้าซื้อมาสักหลังจะมีคนให้คุยด้วยหรือเปล่า?

“คุณปู่ฉือกินข้าวหรือยังคะ?”

“กินแล้ว” เขายิ้ม “จะมากินข้าวที่บ้านเธอได้ยังไงล่ะ?”

ตอนที่กำลังสนทนากัน คุณย่าซูใส่ผ้ากันเปื้อนขณะเดินออกจากครัว และเผอิญได้ยินเข้ากับประโยคนั้นพอดี

“คุณพูดอะไรเนี่ย บ้านเราทำร้านอาหารนะ จะขาดคุณไปได้ยังไง?”

คุณย่าซูบ่น “แต่วันนี้เราทำซี่โครงหมูกับเนื้อแกะตุ๋นนะ คุณน่าจะกินสักหน่อย!”

ทว่าชายชรากลับรีบปฏิเสธ

“ไม่ดีกว่า ๆ ท้องไม่ค่อยดีน่ะ ไม่อยากกินอีกแล้วด้วย”

หลายปีมานี้ท้องเขาไม่ค่อยดีเลย ต้องขอบคุณเสี่ยวเถียนที่ช่วยเอาไว้

“ถ้างั้นก็อยู่รอคุยกับตาแก่ก่อนก็ได้นะ ตอนเย็นเรากินข้าวด้วยกันน่ะ” คุณย่าซูรู้ดีจึงไม่บังคับต่อ

“ได้สิ งั้นไม่เกรงใจแล้วกันนะ!” ฉือเก๋อไม่ใช่คนเสแสร้ง และตอบตกลงทันที

“คุณย่า ไม่ใช่ว่าวันนี้ลูกค้าจะกินแกะทั้งตัวหรือคะ?” เสี่ยวเถียนสงสัย

“ไม่ต้องห่วง ย่าแบ่งไว้แล้ว ไม่กินในส่วนของลูกค้าหรอก” หญิงชรายิ้ม

เด็กคนนี้เหมือนจะชอบเงินมาก แต่เวลาทำธุรกิจจึงเต็มไปด้วยความรับผิดชอบ

เธอพึงระลึกไว้ว่าการทำธุรกิจต้องอยู่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์และไม่คดโกง ไม่งั้นจะทำไปได้ไม่นานหรอก และยังหวังอีกว่าร้านอาหารจะพัฒนาเป็นสาขาย่อยได้ จึงไม่อยากประมาท

“คุณย่า อยากให้ชวนพี่ใหญ่กับปู่ย่าบุญธรรมมาไหมคะ?” เด็กสาวยิ้ม “บ้านเราไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันมาสักพักแล้วค่ะ”

หญิงชรายิ้ม “เด็กคนนี้ยังนึกถึงปู่ย่าบุญธรรมเสมอเลย!”

เสี่ยวเถียนไม่ได้ปฏิเสธ และทำเพียงยิ้มออกมา

ทำไมจะไม่รู้ว่าย่าเป็นคนแบบไหนล่ะ?

แล้วเธอก็แค่พูดลอย ๆ เท่านั้น

ถึงเธอจะไม่ได้พูด แต่ย่าก็น่าจะให้พี่ ๆ ไปชวนตู้ถงเหอกับอวี่รุ่ยหยวนมาอยู่ดี

“งั้นเดี๋ยวไปชวนบ้านป้าเถาฮวาด้วยแล้วกัน”

ตอนนั้นคุณย่าซูให้คนไปจัดการแล้ว

“คุณฉือ เสี่ยวหย่วนล่ะ? ทำไมยังไม่มาอีก?” หญิงชรามองไปรอบ ๆ แต่กลับไม่เห็นวี่แววของเด็กคนนั้นจึงเอ่ยถาม

“ยุ่งน่ะ ไม่รู้ว่าช่วงนี้เขากำลังทำอะไร” ชายชราเอ่ยอย่างหมดหนทาง

อีกฝ่ายยิ้ม “พอพูดถึงเด็ก ๆ ที่บ้าน ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไรเหมือนกัน ไม่อยู่บ้านกันเลย!”

คุณย่าซูหมายถึงหลานชายคนโต ๆ อุตส่าห์เข้ามาอยู่ในเมืองหลวงเพื่อจะได้เห็นกัน แต่ใครจะรู้เล่าว่าเจ้าพวกนั้นไม่กลับบ้านเลย แม้แต่วันหยุดด้วยซ้ำ

*[1] ลูกชายที่โตแล้วจะมีความคิดเป็นของตัวเอง