บทที่ 502 ห้องเจ้าสาว
ขบวนของเจ้าสาวเป็นขบวนที่ยิ่งใหญ่มากเต็มไปด้วยเสียงของฆ้องและกลองดังไปทั่วท้องถนน พวกเขาเดินมากันจนถึงจวนสกุลกู้
กู้หวนเนี่ยนลงจากหลังม้า ใช้เท้าเตะที่เกี้ยว สี่เหนียงเปิดม่านออก
“เจ้าสาวลงจากเกี้ยวได้” น้ำเสียงร่าเริงของสี่เหนียงดังขึ้น
ฝ่ามือใหญ่เต็มไปด้วยแผ่นหนังด้านดูแข็งแรง มั่นคง ยื่นมาที่ตรงหน้าของฝางเหมี่ยว ฝางเหมี่ยววางมือของนางไว้บนฝ่ามือของเขา
เขาดึงนางลงมา แล้วแบกนางไว้ที่หลังของตน แผ่นหลังของเขากว้างใหญ่ จนนางเอนนอนลงได้อย่างสบายใจ เมื่อได้กลิ่นกายของเขาทำให้ฝางเหมี่ยวรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น
“กอดข้าไว้แน่นๆ” เขาพูดเสียงทุ้มต่ำ ฝางเหมี่ยวรีบเอาแขนโอบกอดเขาทันที
กู้หวนเนี่ยนอุ้มเจ้าสาวไว้บนหลังก่อนจะเดินข้ามเตาอั้งโล่เพื่อเข้าไปยังจวนด้านใน ตอนนี้ได้เวลาฤกษ์งามยามดีแล้ว พวกเขาทำพิธีเคารพฟ้าดิน ฮูหยินกู้นั่งเป็นประธานอยู่ที่บนสุดของห้องโถงใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดหวนเนี่ยนก็ได้ตบแต่งภรรยาเสียที นางรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน
สวรรค์! รู้ดีว่านางรอคอยวันนี้มานานเพียงไหนแล้ว
บ่าวสาวโค้งคำนับเคารพซึ่งกันและกัน
ถังหลี่และเว่ยฉิงนั่งอยู่ท่ามกลางแขก เขามองไปที่เจ้าสาวกับเจ้าบ่าวที่ทำพิธีคำนับฟ้าดินไปด้วยกัน การคำนับกันและกันนี้เป็นสัญญาประหนึ่งว่าพวกเขาจะแก่เฒ่าและมีใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดไป
เว่ยฉิงจับมือถังหลี่แน่น
หลังจากเสร็จพิธีก็ส่งเจ้าสาวเข้าเรือนหอ ส่วนเจ้าบ่าวแยกมาต้อนรับแขก
…
ในเรือนหอเทียนมงคลสีแดงที่จุดเอาไว้กำลังลุกโชน
ฝางเหมี่ยวนั่งอยู่บนเตียง นางสวมผ้าคลุมหน้า ใส่เสื้อเจ้าสาวหลายชั้น นับว่าโชคดีที่นางเป็นคนออกกำลังกายทุกวัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เช่นนั้นคงถูกชุดเจ้าสาวที่มีน้ำหนักมากเช่นนี้กดทับจนหายใจไม่ออกเป็นแน่
ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวทำให้นางไม่กล้าขยับตัวมากนัก แต่ภายในห้องที่ไม่คุ้นชินเช่นนี้ทำให้ฝางเหมี่ยวรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ใต้เท้า…ท่านจะมาเมื่อไหร่นะ…
ฝางเหมี่ยวไม่รู้ว่านางนั่งอยู่ตรงนั้นนานเพียงไหนแล้ว รู้สึกได้อย่างเลือนรางว่าด้านนอกฟ้าเริ่มมืดลง ท้องของนางเริ่มร้องครวญคราง หญิงสาวกุมท้องตัวเองเอาไว้ ตอนนี้นางหิวมาก
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ฝางเหมี่ยวขยับตัวนั่งตรงทันที ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออก มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับกลิ่นสุราจางๆ เขาคือสามีของนาง
ฝางเหมี่ยวไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ที่ไหนเพราะความประหม่าเขินอาย ผู้มาเยือนปิดประตูลงเดินมาที่ด้านหน้าของฝางเหมี่ยว
หญิงสาวมีผ้าคลุมหน้าปิดอยู่ นางจึงเห็นเพียงรองเท้าปักลายเมฆมงคลคู่หนึ่งเท่านั้น
หัวใจฝางเหมี่ยวเริ่มเต้นถี่เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ดูเหมือนเขาจะไปหยิบอะไรบางอย่างบนโต๊ะ อึดใจต่อมาหน้าคลุมหน้าของนางก็ถูกเปิดขึ้น เห็นดวงตาที่เป็นประกายสดใส ฝางเหมี่ยวเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่สวมชุดแต่งงานสีแดง ใบหน้าหล่อเหลาดูสง่างาม เขาคือใต้เท้ากู้
กู้หวนเนี่ยนมองฝางเหมี่ยวอย่างตกตะลึง นางงดงามมาก ใบหน้าเป็นสีแดงระเรื่อ ผิวของนางราวกับครีมนมบราวนี่ออนไลน์
“ใต้เท้า…” ฝางเหมี่ยวเรียกเบาๆ
กู้หวนเนี่ยนจึงได้สติกลับมา
“เหมี่ยว…เหมี่ยว…” เขาตื่นตระหนกสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์
“เจ้าหิวไหม?”
“ไม่หิวเจ้าค่ะ” ฝางเหมี่ยวกล่าว อึดใจต่อมา ขนมชิ้นหนึ่งก็ถูกส่งเข้ามาในปากของฝางเหมี่ยวเป็นขนมที่มีกลิ่นหอมมาก นางเผยอปากรับเอาไว้
“ข้าให้คนไปเตรียมมาให้เจ้า”
ไม่น่าแปลกที่ขนมยังร้อนอยู่ ทั้งหอม กรอบและอร่อยมาก นางไม่เคยกินขนมที่อร่อยเช่นนี้มาก่อน ฝางเหมี่ยวกินไปหลายชิ้น จนท้องเริ่มแน่น
“เครื่องประดับผมของเจ้าหนักเกิน ข้าจะถอดให้เจ้า” กู้หวนเนี่ยนว่า หญิงสาวพยักหน้ารับ
ในยามปกติใต้เท้ากู้จะเป็นคนที่ทำอะไรรวดเร็วและเด็ดขาด แต่ตอนที่เขาจับศีรษะของฝางเหมี่ยว เขาดูเงอะงะและเผลอดึงผมของนางเข้า กู้หวนเนี่ยนรีบดึงมือออกอย่างกระวนกระวาย เพราะกลัวว่าตัวเองจะทำให้ฝางเหมี่ยวเจ็บ
“ใต้เท้า..ข้าไม่เป็นไร” ฝางเหมี่ยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม กู้หวนเนี่ยนตอบรับในลำคอ เขาเบามือลงมากยิ่งขึ้น
ไม่นานนัก เขาก็ถอดเครื่องประดับบนศีรษะของนางออกจนหมด ฝางเหมี่ยวรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
“เสื้อผ้า…” กู้หวนเนี่ยนมองไปที่ชุดซับซ้อนของนาง
“ใต้เท้า…ท่านช่วยถอดมันให้ข้าทีเถอะ” ฝางเหมี่ยวพูดเบาๆ
กู้หวนเนี่ยนเข้าไปปลดเสื้อผ้าออกจากกายของนาง กลิ่นหอมของหญิงสาวโชยเข้ามาที่ประสาทสัมผัสของเขา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสุราหรือกลิ่นหอมของฝางเหมี่ยว ใบหน้าของเขาเริ่มร้อนขึ้นสีระเรื่อแดง
กู้หวนเนี่ยนต่อสู้กับผ้าคาดเอวที่ยุ่งยากค่อยๆ ถอดออกทีละชิ้น เมื่อเสื้อคลุมตัวนอกถูกถอดออก ฝางเหมี่ยวเหลือเพียงเสื้อคลุมชั้นกลางทำให้เห็นเรือนร่างที่สง่างามของนาง ฝางเหมี่ยวเป็นหญิงสาวที่รูปร่างอวบ หากมีช่วงเอวคอด รูปร่างของนางดีมาก
“ใต้เท้าก็ถอดเสื้อออกด้วยสิเจ้าคะ” ฝางเหมี่ยวกล่าว เสื้อคลุมของเขาดูเทอะทะ เขาจะไม่อึดอัดหรือ?
แต่เมื่อพูดแบบนี้ดูเหมือนว่าจะมีความหมายอื่นแฝงอยู่ ใบหน้าของกู้หวนเนี่ยนแดงขึ้น เขาถอดเสื้อคลุมออกชุดเจ้าบ่าวลงไปกองที่พื้น กู้หวนเนี่ยนสวมเสื้อชั้นกลางนั่งข้างๆ ฝางเหมี่ยวเขาไม่รู้ว่าจะวางมือไว้ตรงไหนดี เขาควรจะทำอย่างไรต่อ…เข้าห้องหอ…
กู้หวนเนี่ยนรู้สึกร้อนวูบวาบ เขากลืนน้ำลาย
“ใต้เท้า…” ฝางเหมี่ยวเอนตัวเข้าไปหาวางมือเล็กๆ ของนางไว้บนอกของกู้หวนเนี่ยน ตอนนี้สัตว์ร้ายของเขากำลังตื่นขึ้น
เขาคว้ามือของนางดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดของตนเอง ร่างในอ้อมกอดของเขานุ่มนิ่ม ใบหน้าของหญิงสาวงดงามเหมือนผลท้อในฤดูใบไม้ผลิ ดวงตาของเขานุ่มลึกกู้หวนเนี่ยนจุมพิตที่ริมฝีปากของนาง
“ข้า…ใต้เท้า…”
“เรียกข้าว่าหวนเนี่ยน…หวนเนี่ยน…”
“หวนเนี่ยน…”
“เหมี่ยวเหมี่ยว ข้าจะดีต่อเจ้าไปชั่วชีวิต”
เทียนถูกเป่าดับ ที่ด้านนอกพระจันทร์ยังคงส่องแสงอยู่กลางท้องฟ้า
…..
ถังหลี่และเว่ยฉิงนั่งดูดวงจันทร์ด้วยกัน หญิงสาวนั่งพิงไหล่ของเว่ยฉิงไว้ ในที่สุดงานแต่งงานของพี่ชายของนางก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ถังหลี่รู้สึกโล่งใจเช่นกัน
“ฮูหยินดูสิ”
ถังหลี่หันหน้าไปมองเห็นว่ามือขวาของเว่ยฉิงกำแน่นเป็นกำปั้น เขาโบกมือไปมาสองครั้ง มีดอกไม้โผล่ออกมาจากกำปั้นของเขา ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกาย สามีของนางสามารถเล่นมายากลได้จริงหรือ?
“ฮูหยิน ชอบไหม?” เว่ยฉิงถาม
ถังหลี่พยักหน้า
เว่ยฉิงเสียบดอกไม้สีแดงสดเข้าที่ผมของนาง ดอกไม้ทำให้หญิงสาวงดงาม แต่ภรรยาของเขากลับงดงามกว่าดอกไม้มากนัก
วันนี้เป็นวันแต่งงานของพี่เขยและพี่สะใภ้ ค่ำคืนวสันต์มีค่าพันตำลึงทอง[1] เว่ยฉิงเอนตัวไปหาภรรยา
“ฮูหยิน เราเข้านอนกันเถอะ?”
ถังหลี่มีงานยุ่งหลายวันแล้วและนางเหนื่อยมาก หญิงสาวพยักหน้าและพริบตา ต่อมาเว่ยฉิงก็อุ้มนางขึ้นและเข้าห้องไป ถังหลี่นอนอยู่บนเตียงมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาของสามีที่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้นางหลับตาลง
…
วันถัดมา
เว่ยฉิงตื่นขึ้นอย่างสดชื่น เมื่อเห็นกู้หวนเนี่ยนที่สดชื่นเช่นกัน ทั้งสองมองหน้ากันอย่างมีเลศนัย หลังอาหารกลางวันถังหลี่และเว่ยฉิงก็กลับไปที่จวนโหวพร้อมกับลูกๆ ทั้งสี่คน
ในขณะที่เดินอยู่ถังหลี่เห็นบัณฑิตหลายคนกำลังถือตำราเดินผ่านไป ฤดูหนาวเพิ่งผ่านพ้นไปตอนนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว เวลาหมุนเวียนผ่านไปอีกปีหนึ่ง ปีนี้สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งอายุสิบสี่ปี เว่ยจื่ออี้อายุสิบสามปีและซานเป่าอายุเก้าขวบ ถังหลี่มองไปเด็กๆ ที่สูงขึ้นแล้วถอนหายใจ เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน
[1] 春宵一刻值千金 มาจากวรรคหนึ่งของกลอน《春宵》(ชุนเซียว: ค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิ) ซึ่งประพันธ์โดยกวีในยุคราชวงศ์ซ่งนามว่าซูชื่อ เป็นกลอนที่กล่าวถึงความงดงามของค่ำคืนในฤดูใบไม้ผลิ ในวรรคนี้ใช้คำว่า 春 หรือฤดูใบไม้ผลิมาแทนความสุขเรื่องมงคล เช่น งานสมรส ดังนั้น 春宵 หรือค่ำคืนฤดูใบไม้ผลินี้จึงมักใช้สื่อถึงคืนเข้าหอของคู่บ่าวสาว กล่าวคือวรรคนี้กำลังจะสื่อความหมายว่า คืนแรกของคู่บ่าวสาวมีค่ายิ่ง ไม่อาจจะปล่อยเวลาให้สูญเปล่า