บทที่ 511 คืนวันแต่งงาน ชั่วนิจนิรันดร์

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

ตอนของลั่วฝานหวา

เข็มนาทีของนาฬิกาที่แขวนอยู่บนร้านอาหารวนมาจนถึงรอบที่สองแล้ว ลั่วฝานหวามองเห็นแล้วว่าตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มครึ่งแล้ว หลังจากนั้นจึงเอ่ยปากพูดกับจินเยว่ฉีตรงหน้าว่า “เยว่ฉีครับ ผมส่งคุณกลับบ้านดีไหม?”

วันนี้ เป็นวันหมั้นหมายของพวกเขา ในช่วงกลางวันหลังจากที่ทักทายแขกเหรื่อเสร็จ เขาก็ถือโอกาสไปเดินเล่นและรับประทานข้าวกับเธอ จนกระทั่งมาจนถึงตอนนี้

ในเมื่อพวกเขาก็หมั้นหมายกันแล้ว ถึงแม้ว่าเขาเองนั้นก็มีความรู้สึกดี ๆ ต่อเธอ แต่ทว่า ความรู้สึกดีเช่นนี้ยังคงจำเป็นที่จะต้องเลี้ยงดูมันต่อไป ถึงจะสามารถทำให้หลังจากที่แต่งงานกันไปแล้วชีวิตคู่จะได้ไม่จืดชืดซ้ำซากและจำเจ

“ค่ะ” จินเยว่ฉีพยักหน้า ก่อนจะหยิบโค้ตแล้วเดินตามลั่วฝานหวาออกไปจากร้านอาหาร

บนถนน แสงไฟสาดส่องตกกระทบบนพื้นผิวถนนให้ความรู้สึกเลือนรางเล็กน้อย จินเยว่ฉีเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพยามค่ำคืน แต่ทว่ากลับเป็นในตอนที่รอไฟสัญญาณจราจรอยู่นั้นเอง สายตาก็ถูกโปสเตอร์ที่หน้าโรงถนนข้างถนนดึงดูดไปเสียแล้ว

“อ๊ะ——” จินเยว่ฉีส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ

ทางด้านข้าง ลั่วฝานหวามองตามสายตาของเธอไป “อะไรหรือครับ?”

จินเยว่ฉีเอ่ยอธิบายว่า “ฉันไม่ทราบเลยค่ะว่าหนังเรื่องนี้เข้าฉายตั้งแต่เมื่อไหร่ ในตอนแรกที่เป็นประกาศออกมา ก็วางแผนเอาไว้ว่าหลังจากที่เข้าฉายแล้วจะไปดูน่ะค่ะ!”

มุมปากของลั่วฝานหวายกยิ้มขึ้น “อยากดูหรือครับ ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ!”

พูดไป ผ่านไฟสัญญาณจราจรแล้ว เขาก็เลี้ยวหัวกลับไปจริง ๆ หลังจากนั้นก็จอดรถเอาไว้ที่ลานจอดรถที่หน้าประตูของห้างสรรพสินค้าเอาไว้

ทั้งสองคนขึ้นไปยังชั้นสอง แต่กลับค้นพบว่าภาพยนตร์นั้นได้รับความนิยมอย่างผิดปกติ ถึงแม้ว่าจะมีที่นั่งอยู่จริง ๆ แต่ทว่าก็เป็นเพียงที่นั่งชิดมุม อีกอย่างทั้งสองที่นั่งนั้นก็ต้องแยกกันนั่งด้วย

จินเยว่ฉีอดที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยไม่ได้ ความรู้สึกห่อเหี่ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“อยากดูมาเลยหรือครับ?” ทางด้านข้าง ลั่วฝานหวาเอ่ยถาม “ผมมีวิธีครับ”

“อะไรหรือคะ?” จินเยว่ฉีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “หนังได้รับความนิยมมากเกินไปแล้วค่ะ อีกอย่างตอนนี้ก็ดึกแล้วด้วย ฉันดูแล้วโรงหนังที่อื่น ๆ สองสามแห่งพวกนี้ก็ไม่มีตั๋วแล้ว”

“ผมจะพาคุณไปที่หนึ่งเองครับ อยากจะดูกี่รอบก็แล้วแต่คุณเลยครับ!” ลั่วฝานหวาพูดไป ก่อนจะจับมือเธอแล้วดึงขึ้นรถ

เมื่อเห็นเขามีท่าทีลึกลับ เธอจึงอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ว่า “ที่ไหนหรือคะ?”

“กลัวว่าผมจะขายคุณหรือไงครับ?” ลั่วฝานหวาเลิกคิ้ว “แต่ว่านะครับ วันนี้พวกเราหมั้นหมายกันแล้ว ถ้าหากว่าคุณหายตัวไป ผมก็จะเป็นคนที่น่าสงสัยมากที่สุด เห็นได้อย่างชัดเจนเลยนะครับว่าผมจะไม่โง่มากขนาดนั้นหรอกนะ”

จินเยว่ฉีอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ดูท่าแล้ว คุณที่ช่ำชองในการหยอกล้อผู้หญิงจังเลยนะคะ! บอกมาเลยนะคะ ก่อนหน้านี้หลอกผู้หญิงไปกี่คนแล้ว?”

ลั่วฝานหวายกมือขึ้นข้างหนึ่งแสดงท่าทางจำยอมออกมา “คุณภรรยาในอนาคตผู้ยิ่งใหญ่ครับ ผมคบหาคุณเป็นแฟนสาวเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นนะ!”

เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเธอไม่เชื่อ แต่ทว่า เมื่อครู่นี้ก็เพียงแค่เอ่ยถามออกไปเท่านั้นเอง ไม่ได้จริงจังอะไร

ในเมื่อเขาก็พึ่งจะกลับมาจากต่างประเทศด้วย ปีนี้ก็อายุสามสิบเอ็ดแล้ว หล่อเหล่าร่ำรวย จะไม่เคยคบหากับผู้หญิงคนไหนเลยได้อย่างไรกัน?

แต่ทว่า เรื่องเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ผ่านพ้นไปแล้ว พวกเขาเลือกที่จะหมั้นหมายกัน นั่นก็เป็นเพราะว่าเพื่ออนาคตของทั้งสองฝ่าย

เพราะฉะนั้นแล้ว จินเยว่ฉีจึงตามน้ำของลั่วฝานหวาไปว่า “จริงหรือคะ? ถ้าอย่างนั้นแล้วฉันก็หยิบของล้ำค่าได้มาแล้วจริง ๆ สินะคะเนี่ย!”

ขับรถมากันยี่สิบนาที รถยนต์ก็มุ่งหน้าเข้าไปในเขตเล็กที่หรูหราแห่งหนึ่ง ลั่วฝานหวาจนรถหยุดลงตรงหน้าบ้านสไตล์ยุโรปหลังหนึ่ง หลังจากนั้นก็เอ่ยว่า “ยินดีต้อนรับคุณจินเยว่ฉีเข้ามาในบ้านพักอันซอมซ่อของกระผมครับ!”

จินเยว่ฉีอันที่จริงในตอนที่ลั่วฝานหวาขับรถมาจนถึงที่นี่ เธอเองนั้นก็คาดเดาได้ไม่น้อยแล้ว

นี่เป็นบ้านของเขา คงจะเป็นบ้านที่เขาซื้อด้วยตนเอง ตั้งแต่ออกมาจากตระกูลลั่วแล้วมาอยู่คนเดียว

พูดขึ้นมาแล้ว โดยปกติแล้วชายหญิงที่คบหากันแบบผิวเผิน ราวกับว่าล้วนแล้วแต่จับมือถือแขนกันภายในหนึ่งสัปดาห์ ไม่ถึงหนึ่งเดือนก็ขึ้นเตียงด้วยกันแล้ว

พวกเขาก็รู้จักมักจี่กันมาไม่น้อยแล้ว แม้กระทั่งวันนี้ก็หมั้นหมายกันแล้ว ก็คงจะไม่ต้องวางตัวอะไรต่อกันมาแล้ว แทบจะรู้สึกด้อยกว่าแล้วอย่างนั้นหรือ?

ดังนั้นแล้ว เขาพาเธอไปที่บ้านของเขา ก็คงจะมีแผนการลับ ๆ อะไรเอาไว้บางอย่างหรือเปล่านะ?

หัวใจของจินเยว่ฉีกระตุก ราวกับว่ากำลังลังเลอยู่ครู่หนึ่งเลยทีเดียว

ลั่วฝานหวาเห็นท่าทางลังเลของเธอ ดังนั้นแล้วจึงอดที่จะหัวเราะออกมาเสียงดังไม่ได้ “วางใจเถอะครับ ผมพาคุณมาดูหนังจริง ๆ นะครับ บ้านของผมมีโรงหนังในบ้านอยู่ อีกอย่างหนึ่ง หนังที่คุณพูดถึง ผมเองก็สามารถนำมันมาได้ครับ”

ทันใดนั้นเองจินเยว่ฉีก็รู้สึกว่าตนเองนั้นมีความคิดไม่ดีอยู่เล็กน้อยไปเสียแล้ว ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะช้อนสายตาขึ้น “คุณนำมันมาได้อย่างไรกันคะ? ไม่ใช่ว่าวันนี้พึ่งจะเข้าฉายไปหรือไงคะ?”

“ความลับครับ” ลั่วฝานหวาพูดไป ก่อนจะเดินนำไปทางด้านหน้าก่อน

เธอรีบเดินตามไปทันที ก่อนจะมาถึงที่ประตูหน้าบ้านของเขาแล้ว

เขาเปิดประตูออก ทันใดนั้นเอง ความสะอาดเรียบร้อยในบ้านก็ปรากฏสู่สายตาทันที

คิดไม่ถึงเลยว่าบ้านของชายโสดตัวคนเดียวนั้นจะสามารถสะอาดสะอาดสะอ้านมากถึงขนาดนี้ จุดนี้จึงทำให้จินเยว่ฉีตะลึงลานเล็กน้อย

เธอเดินเข้าไป ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาเนื้อผ้าสไตล์ยุโรป ยกยิ้มขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยถามว่า “ฝานหวาคะ นึกไม่ถึงเลยนะคะว่าคุณจะมีรสนิยมในการใช้ชีวิตมากขนาดนี้!”

ความทันสมัยภายในตัวบ้านไม่ได้ทำให้ขาดความอบอุ่นเลย มีต้นไม้สีเขียวสูงอยู่สองสามต้น มันให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นไปอีก

“อันที่จริงแล้วผมเป็นคนที่ค่อนข้างติดบ้านน่ะครับ” ลั่วฝานหวาเอ่ย “งานเลี้ยงมากมายมันไม่สามารถไม่เข้าร่วมได้จริง ๆ ครับ ส่วนเวลาว่างที่เหลือ ผมล้วนแล้วแต่ชื่นชอบที่จะอยู่ในบ้านเพียงแค่คนเดียวครับ ดังนั้นแล้ว สถานที่ที่ตัวเองมักจะอยู่บ่อย ๆ จะไม่ใช่ใจหน่อยได้อย่างไรกันล่ะครับ จริงไหม?”

จู่ ๆ เธอก็รู้สึกชื่นชอบประโยคนี้ของเขาเป็นอย่างมาก หากจะเอ่ยถึงชีวิตแต่งงานของพวกเขาหลังจากนี้แล้ว เธอเองก็มีความคาดหวังขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว

ในเมื่อพวกเขานั้นเป็นคู่สมรสกันแล้ว ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่ได้มีความรู้สึกพื้นฐานอะไรเลยจริง ๆ ก็ตาม

ลั่วฝานหวาเทน้ำผลไม้ให้แก่จินเยว่ฉีสองแก้ว ก่อนจะดึงม่านหน้าต่างขึ้น หลังจากนั้นก็เปิดอุปกรณ์ในการฉายหนัง

เธอมองเขาพูดคุยกับใครสักคนบนอินเทอร์เน็ตอยู่สองสามประโยค หลังจากนั้นไม่นาน ก็เห็นหนังที่เธอรอคอยและคาดหวังเอาไว้สูงมากส่งกลับมาให้แล้วจริง ๆ

เขาสัมผัสได้ถึงสายตาของเธอ จึงอดไม่ได้ที่จะหันศีรษะไปยิ้มให้เล็กน้อย “รู้สึกแล้วหรือยังครับว่าในอนาคตแต่งกับผมแล้วจะต้องคุ้มค่ามาก ๆ น่ะ แม้กระทั่งเงินดูหนังก็ประหยัดได้มากขึ้น?”

“ที่คุ้มค่านั้นมันเป็นคุณไม่ใช่หรอกหรือไงคะ?” จินเยว่ฉียิ้มก่อนจะเอ่ยว่า “เชื้อเชิญผู้หญิงมาดูหนัง นี่ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่สิทธิของผู้ชายหรือไงกัน?”

ทั้งสองคนพูดคุยกันไปพร้อม ๆ กับหัวเราะ อุปกรณ์ฉายหนังทางด้านหน้าถูกลั่วฝานหวาเปิดออกมาแล้ว หนังเริ่มแล้ว เขาจึงปิดไฟทั้งหมด

นี่เป็นหนังเกี่ยวกับความรักเรื่องหนึ่ง เป็นเพราะว่าฉบับนวนิยายจินเยว่ฉีได้เคยอ่านแล้ว ดังนั้นแล้ว เธอจึงรอคอยที่จะดูฉบับภาพยนตร์อยู่เสมอ อีกทั้งนางเอกที่เล่นในหนัง ก็เป็นนักแสดงที่เธอชื่นชอบเป็นอย่างมากมาโดยตลอดด้วย

จินเยว่ฉีรู้เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ แต่ทว่า ในเมื่อภาพยนตร์มันไม่ใช่นวนิยาย มันจะต้องมีการแก้ไข้บทอยู่บ้างเล็กน้อย

ดังนั้นแล้ว ในตอนที่เห็นแล้วว่ามันไม่เหมือนกัน เธอจึงหันศีรษะไปเอ่ยกับลั่วฝานหวาว่า “อ๊ะ ตรงนี้แก้ไขได้ไม่ดีเท่าแบบเดิมเลยค่ะ ควรที่จะเป็นนางเอกไปหาพระเอกที่ชั้นล่างของบริษัทแล้วพบเจอกับการกลั่นแกล้งนี่นา……”

อันที่จริงแล้วลั่วฝานหวาไม่ได้มีความสนใจต่อหนังรักเช่นนี้มากนัก แต่ทว่าก็ยังคงที่จะพยักหน้าคล้อยตามต่อไป

ภาพยนตร์ค่อย ๆ ดำเนินเรื่องมากขึ้นทีละเล็กทีละน้อย อีกทั้งจินเยว่ฉีดูแล้วก็เริ่มรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับหนังมากขึ้นด้วย

เป็นเพราะว่าทุ่มเทไปกับมันมาก ในตอนที่เธอหยิบแก้วขึ้นมานั้นเองจึงไม่ทันที่จะได้สนใจว่าเป็นแก้วใบไหน ก่อนจะหยิบยกขึ้นมาดื่มเสียแล้ว

ทางด้านข้าง ลั่วฝานหวาเห็นว่าแก้วที่เธอดื่มไปเมื่อสักครู่นี้นั้นเป็นของเขา นัยน์ตาดำขลับจึงค่อย ๆ เข้มเล็กเล็กน้อย

เพียงแต่ว่าหนังรักนั้นย่อมที่จะต้องมีฉากรัก ๆ ใคร่ ๆ กันอยู่แล้ว

แรกเริ่ม เป็นเพียงแค่จูบธรรมดาเท่านั้น อันที่จริงแล้วก็ไม่ถือว่าอะไรมากนัก แต่ทว่าในตอนที่ภาพยนตร์นั้นดำเนินมาจนถึงในสามส่วนสี่ของเรื่องแล้ว กลับค่อย ๆ ดุดันเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

ฉากนี้ ในฉบับนวนิยายถือว่าเป็นจุดพีคเลยทีเดียว ดังนั้นแล้ว แบบฉบับภาพยนตร์นั้นย่อมที่จะต้องถ่ายทำกันอย่างละเอียดอยู่แล้ว

เพียงแต่ว่าที่ฉายในโรงภาพยนตร์นั้นเป็นฉบับที่ถูกเซนเซอร์ตัดออกแล้ว ที่น่าเสียดายเลยก็คือ ภาพยนตร์ที่ลั่วฝานหวานำมาได้ มันกลับเป็นฉบับที่ยังไม่ถูกตัดออก

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ภายในห้องรับแขก จึงมีภาพของการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงขึ้น มีเสียงครางกระเส่า บรรยากาศภายในห้องรับแขกทั้งห้องจึงไม่เหมือนเดิมในทันที

จินเยว่ฉีรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ภายในหัวใจสวดภาวนาว่าขอให้ฉากนี้จากไปโดยเร็ว

จะทราบได้อย่างไรกันล่ะ เพียงแค่พระเอกนางเอกในหนังแค่แปรเปลี่ยนท่วงท่ากลับยิ่งเร่าร้อนมากขึ้นเช่นนี้

หัวใจของเธอเต้นระรัวในทันที รู้สึกว่าร่างกายโดยรอบนั้นแปรเปลี่ยนเป็นแข็งเกร็ง แม้กระทั่งเดิมก็ไม่กล้าที่จะหันไปมองลั่วฝานหวาที่อยู่ทางด้านข้างเลย

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เพื่อที่จะคลี่คลายความรู้สึกกระสับกระส่ายเช่นนี้ จินเยว่ฉีจึงรีบยืนตัวตรงทันที ก่อนจะเอื้อมหยิบแก้วชามารินน้ำ

แต่ทว่าในตอนที่เธอยืนมือออกไปนั้นเอง ลั่วฝานหวาก็ยืนมือออกไปเช่นกัน

พวกเขาแตะเข้าที่แก้วใบเดียวกัน มือชนปะทะเข้าด้วยกัน ราวกับว่าถูกไฟช็อตไปครู่หนึ่งเลย

แสงไฟเลือนรางภายในตัวห้อง ความสัมพันธ์กับคู่หมั้นคู่หมาย ถ้าหากจะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นมา นั่นก็ต้องโทษสภาพแวดล้อมที่ก่อตัวขึ้นในตอนนี้เสียแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว สายตาทั้งสองคู่ประสานเข้าหากัน ฮอร์โมนร่างกายของผู้ชายก็เริ่มพรั่งพรูขึ้นมาโดยธรรมชาติ ความรู้สึกต้องการนั้นส่งผลกระทบต่อความคิด ลั่วฝานหวาจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ทีละนิด

ในตอนที่ริมฝีปากทั้งสองประกบเข้าหากันนั้นเอง ทั้งสองคนก็ต่างชะงักไปกันหลายวินาทีเลยทีเดียว

แต่ทว่า วันนี้ที่งานหมั้นหมายของพวกเขาเองนั้นก็เคยจูบกันมาก่อนแล้ว นี่แทบจะไม่นับว่าเป็นอะไรเลย

แต่ทว่า เสียงของภาพยนตร์ยังคงดำเนินต่อ เสียงครางกระเส่าดังเข้ามาสั่นสะเทือนในกกหู เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จูบดูดดื่มเช่นเดิมภายใต้สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนเดิม มันย่อมก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ต่างอย่างเดิมออกไป

จินเยว่ฉีไม่อาจบอกความรู้สึกของตนเองได้ชัดเจนนัก บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าหัวใจนั้นเต้นระรัวมากเกินไป สมองจึงขาวโพลนไปหมด จนกระทั่งเธอถูกเขากดตัวลงเข้ากับโซฟา ในตอนที่ความแข็งขืนของเขาดันขึ้นมาแล้ว เธอยืนมือไปคว้าจับแขนของเขาเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยถามเขาอย่างตื่นตระหนกว่า “พวกเราจะแต่งงานกันจริง ๆ ใช่ไหมคะ?”

ลั่วฝานหวาพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยอย่างมั่นใจ “แน่นอนครับ”

เธอผ่อนคลายแรงออกมาเล็กน้อย เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันเป็นสัญญาณว่าเธอยินยอมแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาจึงกดมันเข้าไปข้างใน

ในระหว่างการเคลื่อนไหว จินเยว่ฉีค่อย ๆ หลุดออกจากภวังค์ตื่นตระหนกออกมา มองเห็นสร้อยคอพระพุทธรูปองค์เล็กที่ลำคอของเขาแล้ว มันขยับตัวเคลื่อนไหวขนเข้ากับตำแหน่งทรวงอกของเขาถี่มาก

ในตอนนั้นเองประจวบเหมาะเข้ากับแสงในภาพยนตร์นั้นสว่างขึ้นมาแล้ว ดังนั้นแล้ว เธอมองเห็นพระพุทธรูปองค์เล็กที่ทำจากโลหะและความบริสุทธิ์ของทองได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังเป็นเพราะว่าเชือกสีแดงที่สีซีดจางไปเนื่องจากเป็นเวลาหลายปีแล้วด้วย

จู่ ๆ ภาพหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในสายตาทันที เธอหวนนึกถึงเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อนเรื่องหนึ่งได้ในทันที

ในตอนที่เธอยังเรียนชั้นประถมอยู่ มีครั้งหนึ่งที่ข้ามถนนแล้วไม่ทันได้ดูให้ชัดเจน ก็ถูกพี่ชายคนหนึ่งช่วยเหลือเอาไว้

นั่นเป็นเรื่องที่เกิดในฤดูร้อน เธอจำได้ว่าพี่ชายคนนั้นชื่อลั่วหวา เป็นเพราะว่าช่วยเธอเอาไว้ แขนของเขาจึงเป็นแผลถลอกไปรอยหนึ่งด้วย

เธอมองเห็นว่าเลือดไหล ตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขากลับดึงพระแก้วในอกของเขาออกมา ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร เธอดูนี่สิ ของที่แม่ของฉันให้กับฉันปกป้องรักษาฉันเอาไว้ พวกเราไม่เป็นไรแล้วล่ะ”

หลังจากนั้น เธออยากที่จะขอบคุณ แต่ทว่ากลับไม่ได้พบเจอเขาอีกเสียแล้ว

จินเยว่ฉีรีบกุลีกุจอมองไปยังแขนของลั่วฝานหวาอย่างรวดเร็ว ที่นั่น เผอิญว่ามีรอยแผลเป็นที่กลายเป็นรูปพระจันทร์อยู่รอยหนึ่งพอดี หัวใจของเธอเต้นระรัวดั่งกลอง “ฝานหวาคะ ก่อนหน้านี้คุณชื่อลั่วหวาหรือเปล่าคะ?”

เขาตกตะลึง “คุณรู้ได้อย่างไรกันครับ? แต่ทว่าหลังจากที่ผมเข้าเรียนมัธยมปลายแล้ว จึงเปลี่ยนชื่อไปแล้ว”

พูดจบ เขาก็พุ่งเข้าไปหาในทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้นที่ข้างใบหูของเธอราวกับลงโทษเธอว่า “เวลาทำรักกันต้องตั้งใจนะครับ!”

ทันใดนั้นเองใบหน้าของเธอแดงซ่านในทันที จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าระหว่างพวกเขานั้น มันมีอะไรไม่เหมือนกันจริง ๆ

หลังจากที่ค่ำคืนบ้าคลั่งผ่านพ้นไปแล้ว มาจนถึงวันที่สอง จินเยว่ฉีมีแม้กระทั่งความรู้สึกไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับลั่วฝานหวาเล็กน้อย

แต่เขากลับหัวเราะ “ชอบไหมครับ?”

หัวใจของเธอราวกับว่าเป็นขนนกที่ปลิวว่อนไปทั่ว มีระลอกคลื่นเล็ก ๆ ซัดผ่านเป็นวงกลมอย่างสวยงาม เธอตื่นเต้นจนไม่เป็นตัวของตัวเอง “ฉันไม่รู้ค่ะ”

แต่เขาราวกับเป็นปกติอย่างมากเลยก็ไม่ปาน ก่อนจะพาเธอลงไปชั้นล่างเพื่อซื้ออาหารเช้า

กลับนึกไม่ถึงเลยว่า ในตอนที่ทั้งสองคนลงมาต่อแถวร้านขายอาหารเช้าที่ชั้นล่าง กลับมีมือใหม่หัดขับรถคนหนึ่งเหยียบคันเร่งโดยที่นึกว่าเป็นเบรก ก่อนจะขับพุ่งตรงมาทางลั่วฝานหวาเต็ม ๆ

ประจวบเหมาะเข้ากับเขาที่มีสายโทรศัพท์เข้ามาสายหนึ่งทันที รับโทรศัพท์จึงไม่ทันได้จับสังเกต เธอตะลึงลานเป็นอย่างมาก ก่อนจะใช้แรงสุดกำลังแล้วผลักเขาออกไปหนหนึ่ง

เธอถูกรถเฉี่ยวชนจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ก่อนจะล้มไปบนพื้น

ในตอนนั้นเอง ลั่วฝานหวาที่ตกตะลึงจนวิญญาณหลุดหลายไปแล้ว เขาวิ่งกลับมาหาอย่างรวดเร็ว “เยว่ฉี คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”

แขนของเธอถูกข่วนจนเป็นรอยแผล มีเลือกไหลซึมออกมา แต่ทว่ากลับเป็นเพราะว่าเขาเป็นห่วงก็เลยราวกับว่าไม่เจ็บเลย

เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ แผลเล็กน้อย” ราวกับว่าเป็นคำพูดเมื่อหลายปีก่อนที่เขาเคยเอ่ยกับเธอเลย

เขากลับอุ้มเธอขึ้นมา ตื่นตระหนกจนโทรศัพท์มือถือร่วงลงไปแล้วก็ไม่ก้มลงไปเก็บ ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในคอนโดมิเนียมแล้วจัดการทำแผลให้กับเธออย่างรวดเร็ว

ภายในตัวห้อง เขาหยุดเลือดและพันแผลให้เธอแล้ว สายตายังคงมองไปยังแขนของเธอระคนสงสัย ภายในหัวใจเต็มไปด้วยความเวทนา “ทำไมถึงโง่ขนาดนี้ล่ะครับ?”

เธอหัวเราะ เป็นเพราะว่าเมื่อหลายปีก่อนคุณเองก็เคยโง่เช่นกันนี้นี่คะ

เขาสบตามองเธอหัวเราะ จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าหายใจหัวใจมีของอะไรบางอย่างพังทลายอีกทั้งยังตีตื้นขึ้นมาทันที ไม่นานนักมันก็กลายเป็นต้นไม้สูงใหญ่เทียมฟ้า

เขาสวมกอดเธอเอาไว้แน่น “เยว่ฉี ขอบคุณนะครับ”

ที่แท้แล้ว ฉันได้พบเจอกับคุณ มันเป็นเหตุไม่คาดฝันที่งดงามที่สุดเลยค่ะ