บทที่ 490 ยู่หลิวซูถูกใส่ร้าย

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 490 ยู่หลิวซูถูกใส่ร้าย

น้ำพุในบ่อโบราณก็ไม่รู้ว่าน้ำจะไหลออกมาอีกครั้งเมื่อไหร่ ครั้งนั้นเมื่อไม่กี่ปีก่อน พวกเขาก็ทนไปจนน้ำในบ่อมาให้รู้แล้วรู้รอด ถ้ากินไป ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนตายกี่คน

เพื่อชีวิตของชาวบ้านมากมายในหมู่บ้านฝันฮั๋ว

เขาก็ยอมเป็นคนเลว!

“ขอโทษที ผ้าสีแดงนั่นไม่ใช่ของข้า หากผู้ใหญ่บ้านไม่เชื่อ ก็สามารถไปค้นดูได้”

หลานเยาเยาพูดโกหกด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง ดูจริงใจจนชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง คนของฮ่องเต้ด้านนั้นก็ไม่พูดอะไร ก็มีเพียงผู้ใหญ่บ้านที่ยังยืนหยัด

“เทพธิดากล่าวสาบานเช่นนี้ งั้นก็ต้องล่วงเกินแล้ว”

ผู้ใหญ่บ้านสั่งให้ชาวบ้านไปค้น ชาวบ้านก็กลัวหัวหด

อย่างไรเสีย ของที่ต้องไปหา ก็คือของ ของเทพธิดา นางมีลูกน้องเยอะขนาดนั้น และแต่ละคนก็ท่าทางดุร้าย อีกอย่างก็ได้ยินมาว่า เทพธิดาเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง พวกเขามิบังอาจ?

ผู้ใหญ่บ้านใช้ไม้เท้าแทงหนักๆไปที่พื้นอย่างไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของพวกเขา และตัดสินใจไปค้นเอง

“พวกเจ้าไม่ไป ข้าไปเอง”

ผู้ใหญ่บ้านหมุนตัวจะไป หลานเยาเยาก็เรียกเขาเอาไว้

“ช้าก่อน!”

“เทพธิดาอยากจะพูดอะไร?” ผู้ใหญ่บ้านคิดว่าเทพธิดาจะเปลี่ยนใจ

“ในเมื่อจะค้น เพื่อความยุติธรรม งั้นก็ต้องค้นทุกคน”

ที่หลานเยาเยาพูดเช่นนั้นก็เพราะมีสองสามวัตถุประสงค์

ประการแรก

ตั้งแต่เมืองหลวง จนถึงหมู่บ้านฝันฮั๋วเขตทะเลทราย ก็เป็นช่วงเวลาที่นาง แต่นางไม่ได้เห็นหน้าโหลวเย่วสักครั้งเดียว ไม่นางรีบเดินจนเกินไป หรือไม่ก็โหลวเย่วไม่เคยลงจากรถม้าเลย

ตอนนี้ ห้องที่นางอาศัย ถูกจัดให้อยู่ข้างฮ่องเต้

อีกอย่าง ตั้งแต่เมื่อวาน นางไม่เห็นเย่หลีเฉินเลย นางรู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องอะไร

ก็เลยถือโอกาสเอาเรื่องนี้มาทำให้รู้แล้วรู้รอดชัดเจนกันไปเลย

ประการสอง

ฆาตกรที่แอบหนีไปต่อหน้านาง นางรู้สึกว่าคนนี้จะต้องอยู่ตรงหน้า แอบซ่อนอยู่ในกลุ่มคน นางจะต้องหาเขาออกมาเองให้ได้

เมื่อได้ยินว่าต้องค้นทุกคน

เดิมทีฮ่องเต้ก็ไม่อยากยอม แต่พอคิดว่าถ้าเขาไม่ยอม คาดว่าเทพธิดาก็คงไม่ยอมให้คนอื่นไปค้นของนาง ดังนั้นเขาจึงยอมด้วยความยินดี เพราะอยากรู้ว่าเทพธิดานั้นซ่อนอะไรไว้หรือไม่

พวกเขาต่างยินยอมแล้ว

เหล่าชาวบ้านแน่นอนว่าไม่มีความคิดเห็นใดๆ

ในไม่ช้า การค้นหาก็เริ่มขึ้น แน่นอนว่าต้องเริ่มจากเหล่าชาวบ้าน เป็นอย่างที่คาดไว้ ที่ค้นไม่เจออะไรสักอย่าง

ตอนค้นคนนอก!

หลานเยาเยาก็ได้เห็นโหลวเย่วสมปราถนา และก็เห็นเย่หลีเฉิน พวกเขาทั้งสองอยู่ในห้องด้วยกัน เมื่อตอนที่โหลวเย่วเห็นหลานเยาเยา ก็มีท่าทางลุกลี้ลุกลน และละอายใจ

ส่วนเย่หลีเฉินก็จับมือนางไว้แน่นตลอด ส่งสัญญาณให้นางสงบ

หลานเยาเยาไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากค้นเสร็จ ก็ไปค้นบ้านอื่นพร้อมกับกลุ่มคน

พอตอนมาถึงห้องนาง ผู้ใหญ่บ้านพาคนเข้าไปค้นหาด้วยตนเอง แต่กลับไม่พบอะไร ทำให้ผู้ใหญ่บ้านมองนางด้วยความสงสัยอยู่นาน

ในที่สุด!

เสื้อผ้าที่คู่กับผ้าสีแดงนั้นถูกหาเจออยู่ในห้องของยู่หลิวซู

ทำให้ทุกคนประหลาดใจ!

แม้แต่ยู่หลิวซูเองก็ยังมึนงง

ก่อนหน้านี้เขาไปทำอย่างอื่น ไม่ได้ไปที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั่น รู้เพียงแค่ว่าที่นั่นมีคนตาย ส่วนอะไรอย่างอื่น ก็ไม่รู้แล้ว

ทำไมจู่ๆถึงได้กลายเป็นคนที่ดูหมิ่นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว?

ชุดนั่น เห็นๆอยู่ว่าเป็นชุดที่เจ้าสำนักให้เขาเมื่อคืน……

เขาย้ายสายตาไปมองหลานเยาเยาทันที กลับพบว่าหลานเยาเยายักไหล่น้อยๆ ด้วยท่าทางที่อยากช่วยแต่ทำอะไรไม่ได้

ก็เข้าใจขึ้นมาทันที

เขาถูกเจ้าสำนักใส่ร้ายให้แล้ว!

ไม่มีวิธีแล้ว เขาทำได้เพียงพูดยืดหน้าชูคอ ตบอก บอกทุกคนเสียงดังว่า

“ถูกต้อง ชุดนี้เป็นของข้า”

หลังจากนั้น ผู้ใหญ่บ้านก็สดุดีอย่างปวดใจ ให้กับความยิ่งใหญ่ของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเหตุนี้ก็นับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ที่ล่วงเกินต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ยู่หลิวซูเป็นเพียงลูกน้องของเทพธิดา ให้เขาอยู่ต่อก็ไม่มีประโยชน์อะไร ในตอนที่ผู้ใหญ่บ้านกำลังคุยโวโอ้อวดบลาๆอยู่นั้น ยู่หลิวซูก็ถูกทำโทษให้สารภาพบาปอยู่ที่ใต้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หนึ่งวันหนึ่งคืน

นี่เป็นการลงโทษอะไรกัน?

ชาวบ้านคนนึงถามผู้ใหญ่บ้านเสียงเบาเป็นการส่วนตัวว่า “ทำไมถ้าเป็นเทพธิดา ต้องให้นางอยู่ต่อเพื่อให้ ผ่านวิกฤตนี้ไปพร้อมกับหมู่บ้านฝันฮั๋ว แต่พอเป็นยู่หลิวซูจึงแค่ทำโทษให้สารภาพบาปอยู่ที่ใต้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หนึ่งวันหนึ่งคืนหล่ะ?”

“เทพธิดาสั่งให้ฝนตกได้ แต่ยู่หลิวซูทำไม่ได้ จะให้เขาอยู่ไปทำไม? ให้เสียน้ำเปล่าประโยชน์หรือ?”

ถึงตอนพระอาทิตย์ตกดิน

หลานเยาเยาก็ออกจากห้องไปยังสถานที่ลับตาคน มองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร นางก็รีบเอาน่องไก่ที่ปกปิดเอาไว้นานแล้วออกมาแทะ

หลังจากเดินไปสักพัก และน่องไก่ที่สีเหลืองทองเย้ายวนก็เหลือเพียงแต่กระดูก นางก็โยนไป เช็ดๆมือและเคาะหน้าต่างข้างๆ

“พระอาทิตย์ก็ตกแล้ว ทำไมถึงมีคนมาเคาะหน้าต่างอีก?”

ในห้องมีเสียงสงสัยของผู้ชายดังออกมา แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบของอีกคนที่อยู่ในห้อง แต่ได้ยินเสียงฝีเท้า ที่เดินมายังหน้าต่าง

“แอ๊ด……”

หน้าต่างถูกผลักออก ใบหน้าที่แสนคุ้นเคยก็ปรากฏตรงหน้าหลานเยาเยา

“เป็นเจ้า!”

คนที่เปิดหน้าต่าง หลังจากเห็นหลานเยาเยา เห็นได้ชัดว่ารู้สึกเหลือเชื่อมาก แต่หลังจากนั้นก็โล่งใจ สายตามองเข้าไปในห้องแว็บนึง และถามเสียงเบาว่า:

“เจ้ามาหาจาวหยาง?”

หลานเยาเยาดีกับจาวหยางขนาดนั้น ช่วงนี้ไม่เห็นหลานเยาเยามาก้าวก่ายเรื่องของจาวหยาง ก็คิดว่านางจะไม่เข้ามายุ่งแล้ว

คิดไม่ถึงว่าจะมาตอนนี้ แถมยังใช้วิธีนี้……

“ฝ่าบาทปกปิดนางดีขนาดนั้น ประตูห้องยังมีองครักษ์วังหลวงเฝ้าไว้ ท่านคิดว่าข้าจะมาผิดที่หรือ?”

เย่หลีเฉินกระพริบตา

ถ้าหลานเยาเยาส่งเสียงอื้มอย่างเย็นชาแบบเมื่อก่อน เขาจะไม่รู้สึกว่ามีอะไร แต่พอหลานเยาเยาอธิบายแบบนี้ เขาก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาทันที

นี่คืออธิบาย?

อธิบายกับเขา หรืออธิบายกับจาวหยาง?

หลังจากนั้นเมื่อเห็นสายตาของนาง มองไปที่พระราชธิดาจาวหยางที่อยู่บนเตียงในห้อง สายตาของเย่หลีเฉินก็ดูหดหู่ จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้น หันข้าง ให้ที่แก่หลานเยาเยา และให้นางข้ามหน้าต่างเข้ามา

อิจฉาจาวหยางจริงๆ ที่ได้ความเป็นห่วงและคิดถึงของนาง……

เมื่อไหร่กันที่เขาจะมีตำแหน่งเล็กๆในใจนางบ้าง?

พอรู้สึกตัวว่าตนเองคิดอะไรอยู่ เย่หลีเฉินก็แย้งกับตัวเองเล็กน้อย

เย่หลีเฉิน เจ้าคิดอะไรอยู่? นางเป็นอาสะใภ้เจ้านะ

หลังจากหลานเยาเยาเข้าไป

จาวหยางที่นั่งอยู่บนเตียง เห็นได้ชัดว่านางระมัดระวังตัวเกินไป หลบสีหน้า และพยายามหลบสายตาของหลานเยาเยาอย่างสุดความสามารถ

“โอ้ ไม่เจอกันนาน โหลวเย่วไม่ชอบข้าแล้วหรอ? มา รับไป”

พูดจบ!

หลานเยาเยาหยิบน่องไก่อีกอันที่กำเอาไว้นานแล้ว โยนไปให้โหลวเย่ว และถือวิสาสะไปนั่งข้างโหลวเย่ว สายตาก็จับจ้องไปยังขาไก่ ที่โหลวเย่วรับไปไว้ในมือ ก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้

“……”จู่ๆดวงตาของโหลวเย่วก็แห้งไป

เทพธิดาคือหลานเยาเยาจริงๆ หลานเยาเยาที่นางรู้จักกลับมาแล้ว……

เย่หลีเฉิน:“……”

เทพธิดาที่เขารู้จักหายไปแล้ว……

ที่แท้ รูปร่างแรกๆของหลานเยาเยาก็มีชีวิตชีวาน่ารักเช่นนี้ ความเจ็บปวดในใจก็เอ่อขึ้นมาอีกครั้ง

ที่แท้ ตนเองก็เคยพลาดหลานเยาเยาที่ดีที่สุดไป ตอนที่อยากจะหันกลับไป นางก็ไปไกลแล้ว และก็ไม่มีทางเข้าไปในหัวใจนางได้อีก

“โหลวเย่ว มือถือน่องไก่เมื่อยไหม? อยากให้ข้าช่วยรึเปล่า?”

ตอนนี้ระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของนาง ได้เข้าสู่รูปแบบการจำศีล ถ้าจะเปิดใหม่อีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่

น่องไก่สองอันนี้นางนั้นหยิบออกมาก่อน มันเย็นหมดแล้ว แต่นางยืมหม้อของท่านทวดมาทำให้ร้อน และกลัวว่ามันจะเย็นอีก นางจึงกำมันไว้ตลอด

เดิมทีวางแผนว่าจะให้พวกเขาคนละน่อง

แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อนางทนกลิ่นที่ยั่วยวนของน่องไก่ไม่ไหว จึงแทะน่องไก่ของเย่หลีเฉินไป

แค่กๆ!

เรื่องนี้ นางพูดออกมาไม่ได้