War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1830
ตอนที่ 1,830 : ความโกรธของจ้าวเติง!

‘เช่นนั้นการที่พวกมันจะเข้าใจผิด คิดว่าจี้เอ๋อใช้ยันต์เต๋าเทพเคลื่อนระดับสูงก็ไม่แปลก..’

จ้าวเติงลอบคิดในใจ

“เท่าที่ข้ารู้ทุกคนที่อยู่ในขอบเขตอริยะเซียนขั้นกลางขึ้นไปที่มิได้ปิดด่านบ่มเพาะอยู่ ล้วนออกไปตามล่าตัวหลิงเทียนทั้งสิ้น แล้วไฉนเหลือแต่พวกเจ้าเล่า จ้าวตงกับคนอื่นๆอยู่ที่ใด”

จ้าวเติงมองถามศิษย์สกุลจ้าวขอบเขตอริยะเซียนขั้นกลางเบื้องหน้า ในใจยังบังเกิดสังหรณ์ร้ายขึ้นมาประการหนึ่ง

“เรียนท่านรองจ้าวตำหนัก…ทุกคนที่อยู่ในขอบเขตอริยะเซียนขั้นเชี่ยวชาญที่ออกมาล่าหลิงเทียน ล้วนถูกหลิงเทียนฆ่าตายหมดแล้ว…กระทังศิษย์พี่จ้าวตงก็ถูกฆ่าตายเช่นกัน”

ไม่นานก็มีคนรวบรวมความกล้าตอบจ้าวเติงออกไป

“ว่าอะไร!?”

จ้าวเติงที่ได้ยินคำตอบนี้ สีหน้าถึงกับเปลี่ยนไปทันใด หนังศีรษะรู้สึกด้านชาประหนึ่งโดนฟ้าผ่า “กระทั่งจ้าวตง…ก็ถูกฆ่าตายแล้ว?”

จ้าวตงนั้นเป็นศิษย์สกุลจ้าวที่ติดอันดับแรกๆในรายนามฟ้าลี้ลับ พลังฝึกปรือบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นสูงสุด…ทว่ากลับต้องมาถูกหลิงเทียนฆ่า?

“หลิงเทียน!”

ลูกตาจ้าวเติงวูบวาบด้วยประกายดุร้าย ท่าทางยังโกรธแค้นปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน

หลิงเทียนฆ่าจ้าวคง และสังหารหมู่ศิษย์สกุลจ้าวที่มีพลังฝึกปรือขอบเขตอริยะเซียนขั้นเชี่ยวชาญ การกระทำนี้ไม่ต้องบอกเลยว่าไม่ต่างอะไรจากบ่อนทำลายรากฐานสกุลจ้าว!

แม้จ้าวตงกับคนที่ตกตายไปอาจไม่ใช่เสาหลักของสกุลจ้าว แต่หลังจากนี้หลายสิบกระทั่งนับร้อยปี พวกมันก็คืออาวุโสที่สามารถพึ่งพาได้ของสกุลจ้าว…

ทว่าตอนนี้จ้าวตงกับคนอื่น…ตกตายหมดสิ้นแล้ว!

ยังตกตายด้วยน้ำมือหลิงเทียน!

เรื่องนี้จะไม่ให้จ้าวเติงโกรธได้อย่างไรไหว!

จังหวะนี้คล้ายจ้าวเติงจะลืมเรื่องราวเรื่องหนึ่งไปเสียแล้ว…

นั่นก็คือ…หากจ้าวตงกับศิษย์สกุลจ้าวคนอื่นๆไม่มาไล่ล่าหลิงเทียน พวกมันจะดับอนาถเช่นนี้หรือ?

แน่นอนว่าหากจะกล่าวว่าจ้าวเติงลืมเลือนก็ไม่ถูกซะทีเดียว..มันย่อมไม่ลืม เพียงแค่มันไม่ได้คิดเช่นนั้น!

เพราะในสายตาของมัน คนสกุลจ้าวของมันสามารถฆ่าผู้อื่นได้…แต่ผู้อื่นห้ามแตะต้องคนสกุลจ้าวของมัน!!

“พวกเจ้าพบจี้เอ๋อตั้งแต่เมื่อใด?”

สูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง จ้าวเติงก็พยายามระงับโทสะในใจ

มันมองไปยังกลุ่มศิษย์สกุลจ้าวเบื้องหน้าค่อยกล่าวถามออกมาอีกรอบ

“หลังจากที่หลิงเทียนฆ่าจ้าวตงกับทุกคนแล้วจากไปได้พักหนึ่ง ศิษย์น้องเล็กก็มาถึง”

หนึ่งในนั้นกล่าวตอบ

“เช่นนั้นหมายความว่าพวกเจ้าอยู่ในเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ด้วย?”

หน้าจ้าวเติงจมลงโดยพลัน “แล้วไฉนหลิงเทียนมันไม่ฆ่าพวกเจ้า?”

“อาจเป็นเพราะพลังฝึกปรือพวกเราอ่อนด้อยเคลื่อนไหวเชื่องช้า จนหลิงเทียนคร้านเสียเวลาย้อนกลับมาฆ่าพวกเรา หรือบางทีมันไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตา เลยไม่อยากลดตัวลงมาฆ่า…ข้าเองก็ไม่อาจรู้ได้ท่านรองจ้าว…”

ผู้ตอบได้แต่ยิ้มออกมาเจื่อนๆ หากแต่สหายของมันบางคนก็ยิ้มอย่างยินดี

‘จี้เอ๋อต้องไล่ล่าหลิงเทียนไปแน่…หรือว่าจี้เอ๋อจะถูกหลิงเทียนฆ่า? เป็นไปไม่ได้! หลิงเทียนนั่นมันก็แค่อริยะเซียนขั้นสูงสุด มันไม่มีทางทำร้ายจี้เอ๋อได้!’

จ้าวเติงครุ่นคิดไปร้อยแปดพันเก้า แต่สุดท้ายร่างมันก็พุ่งวูบออกไปทางเดิม ทางที่ต้วนหลิงเทียนมุ่งหน้าไปแต่แรก…

มันมั่นใจได้เรื่องหนึ่ง อย่างไรเสียลูกชายมันก็ต้องไล่ตามหลิงเทียนไปแน่…

เช่นนั้นหากมันคิดหาเบาะแสการตายของบุตรชาย ก็มีเพียงแต่ต้องมุ่งหน้าไปตามทางนี้!

“ท่านรองจ้าวแลดูสีหน้ามิค่อยสู้ดีสักเท่าไร ทั้งยังรีบร้อนจากไปแบบนี้…ไม่รู้เกิดเรื่องอันใดหรือไม่?”

จ้าวเติงรีบร้อนจากไปโดยไม่บอกกล่าว พาลให้ศิษย์สกุลจ้าวขอบเขตอริยะเซียนขั้นกลางทั้งหลายฉงนใจ พวกมันคล้ายสัมผัสได้ถึงความรีบร้อนของอีกฝ่าย…

“คงมิใช่ว่าเกิดเรื่องกับศิษย์น้องเล็กหรอกนะ?”

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเปิดประเด็นนี้ขึ้น แต่ทุกคนถึงกับเงียบลงใช้ความคิดทันที

“อ่า…อาจเป็นเช่นนั้นจริงๆ”

หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็เริ่มเห็นด้วย

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกมันจะกล่าวกันมากมายแค่ไหน สุดท้ายนี่ก็เป็นแค่การคาดเดาของพวกมันทั้งสิ้น ไม่นานพวกมันก็หยุดพูดถึงเรื่องนี้

หากพวกมันยังพูดกันไม่เลิก กระทั่งเรื่องนี้แพร่งพรายล่วงรู้ไปถึงหูอาวุโสผู้พิทักษ์ขึ้นมา พวกมันได้เดือดร้อนหนักแน่!

จ้าวเติงค่อยๆพุ่งร่างไปตามทาง สำนึกเทวะแผ่ออกไปสุดกำลังตรวจสอบทุกแห่งหนอย่างละเอียดยิบ

ไม่นานมันก็พบศพจ้าวตงและศิษย์สกุลจ้าวคนอื่นๆ

แม้จะได้รับทราบมาแล้วว่าจ้าวตงกับคนอื่นๆตกตาย แต่พอจ้าวเติงได้เห็นร่างไร้วิญญาณที่ตกตายบนพื้นเกลื่อนกลาด ยังอดไม่ได้ที่จะมีโทสะขึ้นมาอย่างคับแค้น “หลิงเทียน…สกุลจ้าวไม่มีวันเลิกราต่อเจ้า!!”

“หากใต้ฟ้านี้มีสกุลจ้าวต้องไม่มีเจ้า! พวกเรามิมีวันอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้อีก! ข้าจ้าวเติงขอสาบานต่อฟ้าหากข้าฆ่าเจ้าไม่ได้ข้าไม่ขออยู่เป็นคน!!”

น่าเสียดายที่การตีโพยตีพายของจ้าวเติง ต้วนหลิงเทียนถูกลิขิตไว้ให้ไม่ได้ยิน

แต่ถึงจะได้ยินต้วนหลิงเทียนก็คงได้แต่ยิ้มเยาะ

แล้วยังไง? ใครสน?

ก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ว่าสกุลจ้าวก็พยายามฆ่าเขาให้ตายอยู่แล้วหรือไง?

ถ้าไม่ใช่จะส่งคนมามากมายหมายฆ่าเขาทำเพื่อ? ยังจะมาพล่ามเรื่องไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้หาสวรรค์วิมานอะไรอีก?

“จี้เอ๋อ…”

เนื่องจากจ้าวเติงร้อนใจเรื่องการตามหาฆาตกรสังหารจ้าวจี้ มันจึงหักห้ามใจระงับโทสะ เพียงมองร่างจ้าวตงกับคนอื่นๆ ด้วยสายตาสะทกสะท้อนอีกครั้ง ค่อยจากไปทันที

หลังเหินมาตามทางอีกสักพักมันก็พบศพอีกศพหนึ่ง

“สตรีนางนี้เป็นใครกัน?”

ร่างที่จ้าวเติงพบ เป็นร่างของน้องสาวโอวหยางเจิ้ง

กล่าวให้ชัดก็คือ โอวหยางหลัวที่ถูกตราผนึกมารฆ่าตาย!

อย่างไรก็ตาม จ้าวเติงไม่รู้จักนาง

แต่ถึงแม้จ้าวเติงจะไม่รู้จักนาง มันก็ทำการสำรวจศพของโอวหยางหลัวอย่างละเอียด

หลังจากตรวจพบบางอย่างมันก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ “ร่างกายไร้ร่องรองถูกทำร้ายอันใด…ดูเหมือนจะถูกฆ่าตายด้วยอำนาจจิตหรือทักษะวิญญาณ! ผู้ที่ลงมือสังหารนางสมควรเป็นยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญสำนึกเทวะ และมีทักษะวิญญาณสังหารอันร้ายกาจ!!”

ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ ผู้ฝึกตนไม่ว่าจะยุทธ์หรือเต๋า ก็จะมีผู้ที่เกิดมามีพลังวิญญาณสูงล้ำเหนือคนธรรมดาอยู่เสมอ และคนกลุ่มนี้มักมีข้อได้เปรียบเรื่องการใช้ทักษะทางวิญญาณและสำนึกเทวะ…

ยอดฝีมือที่มีพลังวิญญาณสูงล้ำเหล่านี้ บางคนมีทักษะวิญญาณอันร้ายกาจ สามารถพิฆาตผ่านอากาศได้ง่ายดาย! ฆ่าคนอย่างไร้ร่องรอย!!

แต่สุดท้ายก็เป็นศพของสตรีที่ไม่รู้จัก จ้าวเติงจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก มันเริ่มตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยละเอียดต่อ และไม่นานมันก็พบร่องรอยบางอย่าง

ร่องรอยการหลบหนีของจ้าวจี้!

แน่นอนว่าในสายตาจ้าวเติงมันเป็นแค่ร่องรอยบางอย่างเท่านั้น แต่ไม่ทราบว่าเป็นร่องรอยการหนีตายของจ้าวจี้

อย่างไรก็ตามมันเลือกจะมุ่งหน้าไปตามทางนี้

ครึ่งชั่วยามต่อมาจ้าวเติงก็ได้พบร่างจ้าวจี้ในที่สุด…และเมื่อมันเห็นร่างไร้วิญญาณของบุตรชายนอนทอดกลายอยู่บนพื้นดินร้างผู้คนอย่างอนาถา หยาดน้ำใสๆอดไม่ได้ที่จะเอ่อล้นท่วมลูกตาสีแดง “จี้เอ๋อ…ผู้ใด…ผู้ใดมันทำกับเจ้าเช่นนี้? จี้เอ๋อ…ลูกพ่อ!!”

ตอนนี้จ้าวเติงแทบไม่หลงเหลือกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้ว มันร่ำไห้ออกมาแทบวายปราณ

ผ่านไปพักหนึ่งจ้าวเติงก็รู้ตัว ว่าต่อให้มันร่ำไห้ทั้งหมดอาลัยตายอยากต่อไปแค่ไหน จ้าวจี้ก็ไม่อาจฟื้นคืน กระทั่งไม่อาจล้างแค้นให้ลูกชายคนเดียวของมันได้! มันจึงพยายามสงบจิตสงบใจ และเริ่มตรวจสอบร่างไร้วิญญาณของลูกชายคนเดียวด้วยสองมือที่สั่นระริก…

และการตรวจสอบนี้ทำให้มันพบเบาะแสประการหนึ่ง

มันพบว่าทั่วร่างจ้าวจี้กลับไร้ซึ่งบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายใดๆ กระทั่งรอยขีดข่วนแม้แต่น้อยก็ไม่มี “อันใดกัน…ตามตัวจี้เอ๋อเองก็ไร้บาดแผล…หรือจะถูกทำลายจิตวิญญาณจนตายตก? หรือว่า…ผู้ที่ลงมือสังหารจี้เอ๋อกับสตรีนางนั้นจักเป็นคนๆเดียวกัน?”

“เป็นตัวบัดซบที่ไหนฆ่าลูกชายของข้ากันแน่!?”

จ้าวเติงตะโกนขึ้นฟ้าอย่างคับแค้น มันแทบเป็นบ้าอยู่รอมร่อ เพราะนอกจากเรื่องนี้แล้วมันก็ไม่พบอะไรเพิ่มเติมเลย… ร่องรอยและเบาะแสใดๆขาดหายไปเสียแล้ว

มันเองก็พยายามตรวจสอบร่องรอยรอบๆอย่างละเอียด แต่กลับไม่พบอะไรเพิ่มเติม

‘ด้วยความเร็วของจี้เอ๋อ หากมุ่งหน้ามาทางนี้สมควรตามหลิงเทียนนั่นทันแล้ว…อย่างไรก็ตามตลอดทางข้ากลับมิเห็นศพหลิงเทียน! เช่นนั้นก็ไปตามทางที่หลิงเทียนมุ่งหน้าไปหลังออกจากตำหนักฟ้าลี้ลับก่อนแล้วกัน’

เมื่อคิดถึงจุดนี้ จ้าวเติงก็เตรียมไล่ตามต้วนหลิงเทียนต่อ

แน่นอนว่าร่างจ้าวจี้ถูกเก็บไว้ในแหวนพื้นที่อย่างดี

ตอนนี้นอกเหนือจากความโศกเศร้าแล้วใบหน้าจ้าวเติงนั้นเต็มไปด้วยโทสะแค้นอันเกรี้ยวกราดนัก

จ้าวตงเอย เหล่าศิษย์อริยะเซียนขั้นเชี่ยวชาญเอย กระทั่งลูกชายคนเดียวของมัน ทั้งหมดล้วนตกตาย! ทั้งยังตายในขณะออกมาตามล่าหลิงเทียน…ทำให้มันเร่งรุดเดินทางตามล่าต้วนหลิงเทียนต่อด้วยความเร็วสูงสุด!

แน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เนื่องอะไรเลย เขาที่ฟื้นพลังเสร็จแล้วก็ออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ และเริ่มเดินทางไปยังตำหนักเมฆาครามต่อ

อย่างไรก็ตามแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่รู้ว่ามีคนกำลังไล่ตามมาด้วยความเร็วสูง แต่เขาก็ได้วางมาตรการป้องกันไว้แล้ว

หลังจากฆ่าจ้าวจี้ตาย ต้วนหลิงเทียนก็ลบร่องรอยของตัวเองทั้งหมด กระทั่งยังเปลี่ยนไปใส่ชุดสีเทา

นอกจากนี้ใบหน้าของเขายังเปลี่ยนไปอย่างพลิกฟ้าคว่ำดิน กลายเป็นไอ่หนุ่มหน้ามึนแลดูไร้พิษสงคนหนึ่ง ไม่มีความหล่อเหลาหลงเหลือสักเพียงนิด หากจับไปโยนไว้ในกลุ่มคนก็คงยากจะแยกแยะได้

เรียกว่าตอนนี้ต่อให้มารดาเขาอย่างลี่หลัวมาอยู่ตรงหน้า ก็จดจำไม่ได้!

“หืม?”

ต้วนหลิงเทียนที่เร่งรีบเดินทาง อยู่ๆพลันได้ยินเสียงแหวกฝ่าสายลมด้วยความเร็วสูงล้ำดังขึ้นจากด้านหลัง

‘เร็วอะไรจะขนาดนี้! ด่านพลังฝึกปรือคนผู้นี้อย่างน้อยๆก็ต้องเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญ!’

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจอย่างตื่นตระหนก หากแต่ความเร็วในการเดินทางยังคงเดิม สีหน้าท่าทางไม่เผยพิรุธอะไรแม้แต่น้อย

“หลิงเทียน!”

ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงเรียกหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง กลิ่นอายพลังเย็นเยือกขุมหนึ่งยังแผ่มาเพ่งเล็งที่ตัวเขาเขม็ง

‘จ้าวเติง!?’

ได้ยินเสียงเรียกดังกล่าวต้วนหลิงเทียนจดจำได้ทันทีว่าเสียงใคร รองจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับ จ้าวเติง!

แต่เขาไม่ได้แปลกใจอะไรเท่าไหร่ ที่จ้าวเติงจะโผล่มาแบบนี้

เขาฆ่าจ้าวจี้…และตราบใดที่จ้าวจี้ทิ้งไข่มุกวิญญาณไว้ที่ตำหนักฟ้าลี้ลับ จ้าวเติงย่อมรู้ได้ทันทีว่าจ้าวจี้ถูกฆ่าตาย มันต้องรีบออกจากตำหนักฟ้าลี้ลับและไล่ตามเบาะแสเท่าที่มีมาทันทีแน่

สำหรับยอดฝีมือที่กู่ลี่ฝากฝังให้ขวางทางจ้าวเติงและยอดฝีมือของสกุลจ้าวนั้น เขาคิดไว้แล้วว่าอาจจะขวางได้ไม่นาน เพราะคนเหล่านั้นอาจมาช่วยกู่ลี่เพราะเห็นแก่หน้ากู่ซืออวิ๋น แต่คงไม่มีใครอยากล่วงเกินผู้พิทักษ์อาวุโสอีกคนเพราะคนที่กำลังจะออกจากตำหนักฟ้าลี้ลับ

เมื่อรู้ว่าหลานชายสุดที่รักอย่างจ้าวจี้ตายตกจ้าวจินต้องคุ้มคลั่งแน่ แล้วพวกมันจะกล้าหยุดจ้าวเติงจากการตามหาฆาตกรฆ่าลูกชายได้อย่างไร?

ต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้แปลกใจอะไรที่ถูกจ้าวเติงเรียกหาว่าหลิงเทียนแบบนี้ เพราะแม้เขาจะเปลี่ยนแปลงรูปโฉมได้ แต่รูปร่างของเขายังเหมือนเดิม

หากมองจากด้านหลัง เขาก็ยังเหมือนเดิมทุกประการ

“ท่านผู้เฒ่า ท่านเรียกหาข้าหรือ แต่ข้าชื่อเสี่ยวหนิวนะ?”

(*วัวน้อย)

ต้วนหลิงเทียนค่อยๆหันมามองจ้าวเติงไกลตาด้วยท่าทางงุนงงคล้ายตัวโง่งมตัวหนึ่ง

จ้าวเติงถึงกับขมวดคิ้วทันใดเมื่อแลเห็นหน้าตาธรรมดา ทั้งแววตาซื่อบื้อของต้วนหลิงเทียน

เป็นไปได้อย่างไรกัน!?

ชายเบื้องหน้ามัน มีรูปร่างเหมือนหลิงเทียนทุกประการ มองจากด้านหลังแทบจะเป็นคนๆเดียวกันแท้ๆ ไฉนใบหน้ากลับไม่ใช่หลิงเทียน?

สำนึกเทวะของมันแผ่พุ่งออกไปตรวจสอบอย่างละเอียดทันที แต่มันก็ไม่พบร่องรอยการปลอมแปลงรูปโฉมอะไรเลย เรื่องนี้ทำให้จ้าวเติงรู้สึกผิดหวังถึงขีดสุด!

อีกทั้งเมื่อเผชิญกับคำถามด้วยสีหน้าโง่งมของต้วนหลิงเทียน จ้าวเติงก็คร้านจะตอบคำอะไร เมื่อพบแล้วว่าไม่ใช่หลิงเทียนแปลงโฉม มันก็วูบร่างหายไปต่อหน้าต่อตาต้วนหลิงเทียน

เห็นเช่นนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก แผ่นหลังยังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น

‘โชคดีนักที่วิชาแปลงโฉมของผู้เฒ่าหั่วลึกล้ำสุดหยั่ง สำนึกเทวะไม่อาจตรวจพบ…ไม่งั้นวันนี้ข้าได้ตายแน่!’

คิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาช่างโชคดีนัก

‘ไปต่อดีกว่า…ด้วยความเร็วระดับนี้อีกไม่กี่วันก็ถึงตำหนักเมฆาครามแล้ว…’

คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาร่างต้วนหลิงเทียนก็เหินทะยานไปต่อทันที