ตอนที่ 475

My Disciples Are All Villains

ตอนที่ 475 ทางเลือกของหญิงสาว

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย

บางที่อาจเป็นเพราะวจงหยางถามชื่อของนาง หญิงสาวคนนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นท่ามกลางแสงจากดวงตะวัน แต่ถึงแบบนั้นนางก็ไม่ได้ตอบสนองอะไร นางยกหอยสังข์ในมือขึ้นมาก่อนที่จะวางมันลงบนริมฝีปากเบาๆหญิงสาวคนนั้นเริ่มเม้มปากบางๆของนางเล็กน้อยก่อนที่ เสียงเปาหอยสังข์จะดังก้องไปทั่วทั้งแท่นบูชาสวรรค์

เสียงที่เกิดจากหอยสังข์ทั้งฟังดูลึกล้ําและไพเราะไปในตัว โทนเสียงและท่วงทํานองของมันฟังดูเป็นเอกลักษณ์ราวกับเป็นเสียงเรียกจากใต้ท้องทะเล เสียงที่เรียงร้อยกันเป็นบทเพลงทําให้ทุกคนที่ได้ยินนึกหวนถึงเรื่องราวในอดีตอันสวยงาม

เสียงเพลงแผ่ซ่านเข้าไปในป่า

พรึบ! พรึบ! พรึบ!

ฝูงนกปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มันมีทั้งอินทรีขนาดใหญ่จนไปถึงนกกระจอก ในขณะเดีย วกันสัตว์ร้ายจากบนบกก็ค่อยๆคืบคลานเข้าหาแท่นบูชาดวงตาของพวกมันเปล่งแสงสีเขียวเข้มมันเป็นสัญญาณของสัตว์ที่สามารถบ่มเพาะตัวเองได้ สัตว์ปาเหล่านี้จะดูดซับพลังจากทั่วทั้งท้องฟ้าและผืนดินจนแข็งแกร่ง พวกมันเป็นสัตว์ร้ายที่ทั้งป่าเถื่อนและแข็งแกร่งสัตว์ร้ายที่ทรงพลังถือเป็นศัตรูของมวลมนุษยชาติ

เสียงของหอยสังข์ได้ทําให้ฝูงชนต่างก็ตกตะลึง เมื่อทุกคนเริ่มรู้สึกตัว พวกเขาก็เริ่มส่งเสียงโห่ร้องอีกครั้ง

“นางมาร!”

“นางปีศาจ!”

ในตอนนั้นเองศิษย์คนแรกของสถานศึกษาไท่ซู เจียงเหรินก็ได้ผสักตัวออกจากพื้นดินก่อนที่จะบินไปหาตาหอยสังข์ด้วยความเร็วสูง

จางซงแห่งสํานักเฮ้งยูเองก็เช่นกัน ความเร็วของเขาไม่ได้ต้อยไปกว่าเจียงเหรินเลย จางซงที่ตามมาทันก็ได้พูดออกมา “พวกเรามาตัดสินใจกันด้วยหมัดกันดีกว่า!”

“ข้าเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน”

ทั้งสองคนเริ่มโคจรพลังลมปราณในทันที หลังจากการปะทะกันครั้งแรกพื้นที่ตรงนั้นก็เต็มไปด้วยพลังลมปราณไป

สาวกจากสถานศึกษาไท่ซูพุ่งไปที่ด้านหน้าในขณะที่สาวกจากสํานักเฮ้งเองก็ชักตาบก่อนที่จะพุ่งไปข้างหน้าเช่นกัน

แท่นบูชาสวรรค์เกิดความโกลาหลขึ้นมาในทันที

เมื่อเห็นแบบนั้นยั่วจงหยางก็เหลือบมองไปที่สู่โจวชั่วครู่ ตัวเขาไม่ลังเลเลยที่จะเคลื่อนไหว ในตอนที่เสือสองตัวกําลังกัดกัน ในฐานะที่เป็นคนนอกวงหยางย่อมที่จะได้รับประโยชน์ไปในเต็มๆ การเคลื่อนไหวของขั้วจงหยางว่องไวราวกับสายลม ตัวเขารีบเคลื่อนที่ไปหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว “ตามข้ามาเร็วเข้า”

สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่นางก้าวถอยหลังไปด้วย ในตอนนั้นเองดาบพลังงานหลายเล่มใต้พุ่งเข้าหานาง

ขั้วจงหยางยูมือข้างนึงขึ้นมา ในตอนนั้นเองพลังลมปราณที่ถูกควบแน่นก็ได้ถึงธิดาหอยสังข์ให้เข้ามาหาตัวเขา

“อย่าให้มันหนีไปได้”

“ไอเวรนั่น!”

จางซงและเฉียงเหรินรู้ตัวแล้วว่าฮั่วจงหยางคิดทําอะไร เพราะแบบนั้นทั้งคู่จึงหยุดการต่อสู้ ลงในทันทีทั้งครีบบินไปหาฮั่วจงหยางราวกับนัดหมายกันมา

ทั้งพลังฝ่ามือและดาบพลังงานต่างก็ถาโถมเข้าใส่ฮั่วจงหยางจากทุกทิศทาง

ฮั่วจงหยางที่เห็นแบบนั้นได้ตะโกนตอบโต้กลับมา “ไสหัวไปซะ!”

หวืออ!

สิ้นสุดเสียงของฮั่วจงหยางพลังอวตารที่มีความสูงกว่า 90 ฟุตก็ได้ปรากฏตัวขึ้น พลังอวตารที่สูงใหญ่ได้ผลักจางซงและเฉียงเหวินยิ้มให้ถอยกลับไป ทั้งสองคนที่กระเตื่นถอยกลับมาย่างก็กระอักเสื้อดอยู่บนท้องฟ้า

สาวกจากสํานักเฮ้งซูและสถานศึกษาไม่ต่างก็มองไปที่พลังอวตารที่สูงกว่า 90 ฟุตตัวยความเอกใจ

“ความสูงนี่มัน! พลังอวตารเจ็ดกสืบ!”

“เจ้านั่นเป็นยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารตอกบัวเจ็ดกสืบอย่างงั้นเหรอ!”

สู่โจวมองไปที่ยั่วจงหยางที่กําลังใช้งานพลังอวตารตัวเขาที่เห็นแบบนั้นยังคงสงบเยือกเย็น

เมื่อเห็นขั้วจงหยางใช้พลังอวตารเจ็ตกสืบ ตัวเขาก็ไม่ได้เหลือบมองไปที่จางซึ่งและเจียงเหวิน อีกต่อไป ในตอนนี้ตัวเขาเหลือบมองมาที่ลูโจวแต่เพียงผู้เดียว ในบรรดาผู้ที่มารวมตัวกันทุกคนวจงหยางคิดว่าสู่โจวน่าจะเป็นภัยคุกคามสําหรับตัวเขามากที่สุด

จางซงและเฉียงเหรินต่างก็ได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่พวกเขาทั้งคู่พยายามที่จะโคจรพลังในตอนนั้นเองทั้งคู่ก็ได้สั่งการออกมา “สาวกทั้งหลายจงฟังคําสั่งข้า!”

สาวกจากทั้งสํานักเย้งซูและสถานศึกษาไม่ต่างก็ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปสี่เหลี่ยมขึ้น

“เตรียมค่ายกล!” สาวกจากสถานศึกษาไม่ได้หยิบเครื่องรางออกมาจากกระเป๋าพวกเขา

สาวกจากสํานักเฮ้งได้กัดไปที่ปลายนิ้วของตัวเองก่อนที่จะใช้มันวาดดาบขึ้น

เครื่องรางทั้งหมดถูกใช้งาน ในขณะเดียวกันตาบพลังงานจํานวนมาก็ถูกสร้างขึ้น

รอบตัวของเหล่าสาวกทั้งหมดมีตัวอักษรูปรากฏขึ้น มันได้ก่อตัวกันก่อนที่จะกลายเป็นสุดยอดค่ายกล

ขั้วจงหยางไม่คิดเลยว่าทุกคนจะทํางานร่วมกันได้ถึงเพียงนี้ ตัวเขารีบดึงธิดาหอยสังข์ให้เข้ามาหาที่ตัวแทน ตามที่คาดไว้ หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ เมื่อนางถูกพลังลมปราณผูกมัดเอาไว้ นางก็ไม่สามารถที่จะทําอะไรได้อีกต่อไป

“เจ้าหนี้ข้าไม่พ้น!” จางซึ่งจะโกนออกมา

ในตอนนั้นเองสาวกจากสํานักเฮ้งชูรีบบินตามฮั่วจงหยางด้วยดาบ รอบตัวของพวกเขาเต็มไปด้วยดาบพลังงานที่กําลังจู่โจมออกมา

ขั้วจงหยางหยุตที่จะใช้งานพลังอวตารที่ตัวเองมี “ไปกันเถอะ!” ในตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ตัวเขาจะหลบหนี ภารกิจของเขาคือการพาตัวตาหอยสังข์กลับไปถึงแม้ว่าชั่วจงหยางจะเป็นยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารตอกบัวเจ็ตกสืบก็ตาม แต่มันก็ไม่จําเป็นเลยที่จะต้องต่อสู้อย่างไร้เหตุผล

ช่วงเวลาที่ยั่วจงหยางกําลังบินออกมาจากแท่นบูชาสวรรค์ ในตอนนั้นเองใครบางคนก็ได้ใส่เตามมาจากด้านหลัง

ผู้ที่ใส่ตามมาไม่ได้ปลดปล่อยทั้งพลังอวตารหรือพลังลมปราณแม้แต่น้อย ผู้ที่ตามมา เหมือนกับใช้ร่างกายของตัวเองเป็นอาวุธ ผู้ที่ตามมาได้เข้าชนกับม่านพลังที่ชั่วจงหยางเป็นผู้สร้างขึ้น

ขั้วจงหยางได้ใช้แขนของตนป้องกันการโจมตีจากพลังอักษวของสถานศึกษาไท่ซูและดาบพลังงานทั้งหลายของสํานักเฮ้งเอาไว้ได้

บึง! บั้งเป้ง!

ขั้วจงหยางสามารถป้องกันตัวเองจากการโจมตีของทั้งสองสํานักได้ แต่การโจมตีสุดท้ายอยู่เหนือความคาดหมายของตัวเขา

บู้ม!

พลังหมัดมือทองคํามันเร็วจนเกินไป!

พลังหมัดที่โจมตีออกมาได้กระแทกเข้ากับแขนของยั่วจงหยาง แรงกระแทกนั้นทําให้อ้วจงหยางร่วงหล่น ยั่วจงหยางที่ถูกการโจมตีไปเต็มๆ ได้กระอักเลือดออกมาเฮือกใหญ่ ในตอนนี้มีเพียงคนเดียวที่ตัวเขาจะพึ่งพาได้ “ผู้อาวุโสสู่! ช่วยข้าด้วย”

ทันทีที่มีบุคคลปริศนาปรากฏตัวขึ้น ฮั่วจงหยางก็รู้ได้ทันทีว่าภารกิจของเขาในวันนี้ไม่ได้เรียบ ง่ายเหมือนที่เคยคิดไว้ ตัวเขาตกลงสู่พื้นก่อนที่จะกระเด็นไปไกล ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกตัวจงหยางชนถูกทําลายจนไม่เหลือชิ้นดี ถั่วจงหยางใช้เวลาไปอีกพักใหญ่กว่าที่ตัวเขาจะหยุดเคลื่อนไหวในที่สุด ยั่วจงหยางที่เสียท่ารีบส่งตัวธิดาหอยสังข์ให้กับสู่โจวด้วยพลังลมปราณแทน

ธิดาหอยสังข์เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาคู่โตของนางกําลังจับจ้องไปที่สู่โจว “สวัสดี”

สู่โจวมองเข้าไปในดวงตาของนาง ความสูงของนางพอๆ กับไหล่ของตัวเขาเท่านั้น ว่ากันว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ สู่โจวมองเห็นเพียงความไร้เดียงสาและความบริสุทธิ์จากดวงตาคู่นั้นของนาง นางดูบริสุทธิ์ราวกับผ้าขาวที่ไม่เคยแปดเปื้อนสิ่งใด

คําทักทายของนางได้ทําให้บุคคลปริศนาหยุดเคลื่อนไหว ชายคนนั้นหยุดการเคลื่อนไหวก่อนที่จะจ้องมองมา

บุคคลปริศนาคนนั้นเป็นชายวัยกลางคนที่สวมใส่ชุดเกราะเต็มตัว ที่ใบหน้าของเขา ดูเหมือนจะมีรอยแผลจากคมดาบจากชุดเกราะที่ชายคนนั้นสวมใส่ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะเป็นทหารรักษาการณ์ของเมืองมณฑลซึ่ง

“สวัสดี” สู่โจวตอบกลับมา

“ท่านชื่อว่าอะไรกัน?”

“ข้ามีชื่อว่าสู่โจว แล้วเจ้าล่ะ?” สู่โจวถามกลับมาด้วยรอยยิ้ม

“ข้าข้า…เอ่อ..” ดูเหมือนธิดาหอยสังข์จะจําขอของตัวเองไม่ได้ คิ้วของนางขมวดเข้าหากันนางพยายามที่จะนึกชื่อของตัวเองอยู่ “หลัว…”

“หลัว?” สู่โจวมองดูหอยสังข์ที่อยู่ในมือ “มานี้สิ”

“ค่ะ” อาหอยสังข์รีบเดินไปข้างๆ สู่โจว นางเชื่อฟังเขาราวกับว่านางเป็นหลานสาวของโจว

ทุกๆ คนที่เห็นแบบนั้นต่างก็ประหลาดใจ

ทหารรักษาการณ์ที่เพิ่งจะปรากฏตัวใต้พูดออกมาตัวยน้ําเสียงอันหนักแน่น “ข้าได้รับคําสั่งมาไม่มีใครทั้งนั้นที่จะใช้ชีวิตของคนเป็นๆ เป็นเครื่องสังเวยบนแท่นบูชาสวรรค์แห่งนี้ได้ ข้าจะพาแม่นางคนนั้นไปด้วย ในสถานการณ์เร่งด่วนเช่นนี้คนที่ไม่เชื่อฟังคําสั่งของข้าจะต้องถูกลงทัณฑ์

ขั้วจงหยางมองไปรอบๆ แท่นบูชาสวรรค์ บัดนี้ที่รอบแท่นบูชาเต็มไปด้วยทหารกว่า 1,000 นายแล้ว

สู่โจวมองไปที่ทหารรักษาการณ์คนนั้น “เด็กสาวตัวน้อยคนนี้ได้เชื่อมโยงกับข้าผ่านโชคชะตาแล้ว ข้าไม่คิดว่าจะปล่อยนางให้เจ้าได้หรอกนะ”

“หืม?” สายตาของทหารรักษาการณ์คนนั้นเปลี่ยนไป

ในขณะนั้นเองศิษย์คนแรกของสถานศึกษาไท่ซูก็ได้ลงมาสู่แท่นบูชาสวรรค์ ตัวเขาได้คารวะชายผู้เป็นทหารรักษาการณ์ “ข้าไม่ทันได้สังเกต แม่ทัพหนึ่ง ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของแม่ ทัพใหญ่เหวินนี่เอง”

“สวัสดีท่านแม่ทัพหนึ่ง ข้าจางซึ่งแห่งสํานักเฮ้ง”

ขั้วจงหยางที่ได้ยินแบบนั้นหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ “เหตุใดหนิงฮั่นถึงได้มาที่นี่ได้?”

ถ้าหากต้องสู้กันตัวต่อตัว ทั้งฮั่วจงหยางและหนิงฮั่นต่างก็มีฝีมือที่ทัดเทียมกัน แต่เพราะการ โจมครั้งก่อนทําให้ขั้วจงหยางที่ไม่ทันได้ตั้งตัวได้รับบาดเจ็บ หนึ่งอันเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด เขาเป็นเครื่องจักรสังหารในสนามรบดีๆ นี่เอง ก่อนที่หนิงฮั่นจะมายังเมืองมณฑลจึงสํานักอเวจีเคยได้ตรวจสอบเรื่องของหนิงฮั่นและคนของเขามาก่อน หนิงฮั่นเป็นหนึ่งในบุคคลสําคัญที่สํานักอเวจจะต้องจับตามอง ยั่วจงหยางไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะพบกับหนึ่งอันที่นี่ ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยสางร้ายผุดขึ้นในใจของเขา ยั่วจงหยางไม่อาจละสายตาได้เลย ยั่วจงหยางสั่นไปทั้งตัว ตัวเขากลัวว่าความจริงที่ปิดบังเอาไว้จะถูกเปิดโปงขึ้น

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย