บทที่ 451 การเป็นผู้นำมันน่าอึดอัดเหลือเกินนะ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 451 การเป็นผู้นำมันน่าอึดอัดเหลือเกินนะ

บทที่ 451 การเป็นผู้นำมันน่าอึดอัดเหลือเกินนะ

กินคนไม่คายกระดูกเลยจริง ๆ!*[1]

“คุณย่าไม่ต้องห่วงนะคะ ไว้รอลูกค้ามาก่อน เราค่อยให้พนักงานไปบอกเบอร์โทรศัพท์พวกเขา และบอกว่าจากนี้ร้านเราจะสั่งอาหารได้ทางโทรศัพท์แล้วค่ะ” เสี่ยวเถียนจะไม่รู้ได้ยังไงว่าย่าเป็นห่วงเรื่องอะไร เธอจึงรีบพูด

พอได้ยินว่ามันใช้ทำธุรกิจได้ หญิงชราก็รู้สึกว่าตนจะได้เงินจำนวนมหาศาล อารมณ์พลันสงบลงทันที

“งั้นก็ดี เราต้องได้เงินคืนกลับมานะ!”

ปากบอกปวดใจ แต่เวลาโทรหาลูกชายลูกสาวยิ้มแย้มมีความสุขเชียวนะ

และอาการเหล่านั้นหายเป็นปลิดทิ้งเหมือนได้ยินเสียงลูก

เหล่าซานหัวเราะร่าตอนได้ยินแม่แนะนำให้ลาออกแล้วย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวง

“ผมได้รับจดหมายจากแม่แล้วครับ กำลังทำเรื่องลาออกแล้วล่ะ แต่ยังหาคนมาทำต่อไม่ได้ น่าจะใช้เวลาสักพักครับ”

คุณย่าซู “งานดี ๆ แบบนี้ไม่มีใครอยากได้เลยหรือ?”

“มีสิครับ แต่มันไม่ได้หาง่ายแบบนั้น ต้องหาคนที่ขับรถได้และสามารถให้เงินอุดหนุนกับผมได้ มันก็เลยมีน้อย แต่โชคดีที่เมื่อวานเจอคนนึง ผมพาเขาไปด้วยอยู่หลายวันเลย ตอนนี้ก็ลาออกอย่างเป็นทางการได้แล้วครับ”

อันที่จริงเขาลังเลนะ แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือลังเลที่จะแยกจากลูกและภรรยา

จากกันตั้งหลายเดือน ไม่ได้เห็นลูกนานแค่ไหนแล้ว?

คิดถึงจะตายอยู่แล้ว

เสี่ยวเถียนมารับโทรศัพท์และคุยกับพ่อต่อ มันทำให้เขามีความสุขมาก

ได้ยินลูกบอกว่าเมื่อพ่อมาถึงเมืองหลวงเมื่อไรจะได้ขับรถคันใหญ่ ๆ ด้วย เขายิ่งมีความสุขมากกว่าเดิมเสียอีก

ส่วนเรื่องมีองค์กรหรือไม่ เหล่าซานไม่ได้สนใจเท่าไร เพราะเดิมทีก็ไม่ได้ต้องการอะไรอยู่แล้ว

เพราะค่าโทรศัพท์แพงเกินไป พวกเขาเลยคุยกันอีกสองสามประโยคแล้วก็วางสายไป

คุณย่าซูยังไม่พอใจเท่าไร แต่เมื่อคิดถึงภาพลูกชายจะเข้าเมืองมา ตนก็สบายใจที่จะได้พบหน้ากันอีกครั้ง

ผู้อาวุโสทั้งสองไม่ได้เสียใจที่ลูกชายลาออก พูดในฐานะคนเป็นพ่อเป็นแม่ ความคิดของพวกเขาไม่ต่างจากลูกนัก เดิมทีเราต่างก็เป็นชาวนา งานนั้นก็ได้มาฟรี ๆ อยู่แล้ว

“ย่า พ่อบอกว่าเขาจะได้เงินสามร้อยหยวนจากงานนี้ด้วย” เสี่ยวเถียนยิ้มสดใส

ในยุคนี้เราสามารถรับช่วงต่องานกันได้

ถ้าที่บ้านไม่มีคนเหมาะ ๆ มารับช่วงต่อ ก็แค่ขายให้คนอื่นไป

งานของแม่ก็แลกเป็นเงินเหมือนกัน ตอนนี้งานของพ่อก็แลกเป็นเงินด้วย

หญิงชราได้ยินก็รู้สึกยินดี แม้แต่ความเสียใจที่ใช้เงินกับโทรศัพท์ไปมากยังเบาลง

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์

บ้านเสี่ยวเถียนไปเยี่ยมปู่รองในในบ่ายวันอาทิตย์

ไม่มีอะไรมาก แค่ยาที่ทำให้เสร็จสิ้นแล้ว และถึงเวลาที่ต้องมอบให้อีกฝ่ายพอดี

คุณปู่ซูไม่ค่อยสบายใจเรื่องยาที่หลานทำเท่าไรนัก

แต่เราตกปากรับคำมาแล้ว เพราะฉะนั้นจะผิดคำพูดไม่ได้ ชายชราจึงทำได้เพียงทำตามที่สัญญาเอาไว้

เขาตัดสินใจแล้วว่าส่งยาเสร็จจะบอกต่งหยวนจงให้ตรวจอย่างรอบคอบก่อนแล้วค่อยใช้มัน

บ่ายวันนี้ คุณย่าซูยกหน้าที่ในครัวให้สะใภ้ ส่วนตนพร้อมด้วยสามีก็หิ้วหลาน ๆ ไปบ้านต่งหยวนจง

หลาน ๆ ที่โตแล้วไม่ได้กลับบ้าน แต่นั่นทำให้คุณปู่และคุณย่าซูชินแล้วล่ะ

เมื่อนกเติบโตย่อมบินออกจากรังอยู่แล้ว!

พอคิดถึงสภาพตนที่จะไปบ้านต่งในฐานะแขก ชายชราไม่รู้ว่าจะตื่นเต้นหรือไม่สบายใจกันแน่

หญิงชราหัวเราะที่ตาเฒ่าทำตัวเหมือนเด็ก ๆ

คุณปู่ซูเดินโขยกเขยกไปถึงประตูบ้านสวนที่ต่งหยวนจงอาศัยอยู่ด้วยความกระตือรือร้น

รู้มาตั้งนานแล้วว่าสถานที่พักอาศัยของพวกเขาต้องไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้

การป้องกันแน่นหนามาก รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

คุณปู่ซูจ้องอยู่นาน เขาสงสัยว่าทหารที่ประตูกำลังจะจับพวกเราหรือเปล่า?

กระสุนนัดเดียวพุ่งเข้าใส กระโหลกเราจะบุบไหม?

ผู้เป็นภรรยามองท่าทางสิ้นหวังของคนข้างกาย ทำไมตาแก่นี่ทำตัวไร้ประโยชน์แบบนั้น?

อันที่จริงเธอก็อยากจะเข้าห้องน้ำแล้วสิ

กลับกันนั้น เด็ก ๆ ที่อยู่ข้างหลังอยากรู้อยากเห็นกันมาก ไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลย

พวกเราไม่เคยมากที่แบบนี้มากก่อน ทุกอย่างจึงดูแปลกใหม่ไปหมด

ทหารสองคนที่ยืนอยู่ตรงประตูหน้าตาหล่อเหลามาก คงจะดีถ้าเราใส่ชุดพวกนี้ได้ตลอดเวลานะ!

เหล่าคนหนุ่มสาวมักมีความชื่นชอบต่อพวกทหารอยู่แล้ว!

แม้แต่เด็ก ๆ ก็ไม่มีข้อยกเว้น

ครั้นทหารเห็นคนกลุ่มนี้ก็รู้สึกว่าพวกเขามีท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ

“พวกคุณเป็นใคร ทำไมถึงมาทำตัวผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ที่นี่?” หนึ่งในนั้นทำท่าเคารพ แล้วเอ่ยวาจาหยาบคายใส่ทันที

“สหาย สวัสดีค่ะ สหายต่งหยวนจงเชิญเรามาในฐานะแขกค่ะ”

เสี่ยวเถียนเห็นท่าทางมึนงงของปู่ย่าแล้วรีบรุดขึ้นหน้าไปยิ้มตอบ

การแสดงออกของเราดูผิดปกติ มีแต่จะทำให้สงสัยเอา!

ทหารหนุ่มมองเสี่ยวเถียน จากนั้นก็มองไปที่คนอื่น ๆ

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่สาวน้อยพูดจะเป็นความจริง

“สหายตัวน้อย พวกเธอมีความสัมพันธ์อะไรกับหัวหน้าต่งหรือ?”

ทหารรักษาความปลอดภัยคิดอย่างถี่ถ้วน เขาแน่ใจว่าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้จากหัวหน้าเลยว่ามีญาติมาจากชนบทด้วย

อย่างที่คิดนั่นแหละ พวกเราเห็นคนมาเยอะ เห็นมาทุกประเภท บอกได้อย่างรวดเร็วเลยว่าพื้นเพของเขาเป็นยังไง

ถึงจะแต่งตัวดี แต่นิสัยใจคอล่ะ?

ไม่น่าจะเป็นคนจากตระกูลสูงส่งหรอก แต่สาวน้อยคนนี้ดูแตกต่างออกไปนะ!

“เขาเป็นปู่รองหนูค่ะ ถ้าไม่เชื่อก็ถามเขาก็ได้นะ”

ตอนนั้นเสี่ยวเถียนไม่ได้เรียกปู่ต่ง แต่เรียกเขาว่าปู่รองตรง ๆ เลย

อย่างที่คิด สีหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนไปทันที

เขาไม่แน่ใจว่าหัวหน้ามีญาติแบบนี้จริง ๆ ไหม แต่อีกฝ่ายพูดออกมาแบบนี้คงจะจริงอย่างแน่นอน

“เธอมีบัตรผ่านทางไหม?” คราวนี้น้ำเสียงของพวกเขาดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย

เสี่ยวเถียนบอกให้ปู่เอาบัตรออกมา

หลังจากที่ทหารตรวจสอบและได้รับการยืนยันว่าเป็นบัตรจริง ๆ สายตาก็พลันลดความหวาดระแวงลง

“พวกเธอรอก่อนแล้วกัน ฉันจะไปถามหัวหน้าต่งเพื่อยืนยันอีกที!”

ต่อให้มีบัตรก็ใช้ว่าจะเข้าไปได้ทันที เพราะพวกเขาปกป้องพื้นที่แห่งนี้ จะเสี่ยงไม่ได้

เสี่ยวเถียนเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เธอยืนเฉย ๆ และรอด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ขอแค่ฝั่งนั้นไม่พูดว่าไม่รู้จักพวกเขา แค่นี้็ก็ไม่มีปัญหาแล้ว

“เสี่ยวเถียน ทำไมมันยุ่งยากจัง? เราเข้าไปไม่ได้หรือ?”

คุณปู่ซูตั้งใจจะถอยกลับ

รู้มาตั้งนานแล้วว่าเราไม่ได้อยู่ชนชั้นเดียวกัน แล้วจะไปหามาสู่แบบญาติสนิทกันได้ยังไง?

มาถึงหน้าประตูทั้งที แต่เข้าไม่ได้เลยเนี่ยนะ?

“คุณปู่ มันคือขั้นตอนปกติค่ะ เพราะที่นี่ไม่ได้มีแค่ครอบครัวปู่ต่งนะ”

“เป็นถึงข้าราชการระดับสูง ยังต้องไปเบียดอยู่กับคนอื่นอีกหรือ?” หญิงชราสับสน

ถึงจะถาม แต่ก็ยังมองลอดเข้าไปข้างในอยู่ดี น่าเสียดายที่ไม่เห็นอะไรเลย

คุณย่าซูยังคงสับสนอยู่

ได้ยินว่าเขาเป็นข้าราชการระดับสูงนี่? ถ้างั้นจะอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ยังไงล่ะ?

ขนาดตอนอยู่ชนบท ยังอยู่ครอบครัวละเรือนเลย!

การเป็นผู้นำมันน่าอึดอัดเหลือเกินนะ!

*[1] เปรียบเปรยว่าทั้งอำมหิตทั้งละโมบ