บทที่ 506 ถังหลี่อยู่ที่นี่

“เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

“ศิษย์สองคนจากกั๋วจื่อเจี้ยนกำลังมาที่นี่”

“สองคน? สวี่เจวี๋ยกับเว่ยจื่ออั๋ง?”

“ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าคราวนี้มีศิษย์จากฉิงโจวต้องการที่จะแข่งกับพวกเขา”

“ศิษย์จากฉิงโจว? เพิ่งเข้ามาในเมืองหลวงหรือ? คนเหล่านั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย แต่อาจจะมีการแสดงดีๆ ให้เราได้ชม”

“ใช่แล้ว พวกเขาอาจจะเงยหน้ามองฟ้าจากในก้นบ่อ เลยไม่รู้ว่าความสูงของก้นบ่อและท้องฟ้าห่างกันมากแค่ไหน พวกเขาจึงกล้าหาญที่จะท้าทายเด็กสองคนนี้”

“ลองดูก่อนเถอะ รีบจับจองที่ดีๆ ได้แล้ว”

ในไม่ช้าที่นั่งในหอก็เต็มไปด้วยผู้คน โดยที่นั่งในแถวหน้านั้นถูกจับจองโดยตัวเอกทั้งสามของการแสดงในครั้งนี้

จ้าวจิ่งซวนเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา เขาเดินออกจากห้องส่วนตัวเพื่อไปดู

“ในนี้อบอ้าวเกินไป ข้าจะไปเดินเล่น” พูดจบเขาเดินออกไปหาที่นั่งด้านนอก เขานั่งชั้นสอง เพื่อที่จะได้มุมที่ดีที่สุด

“คุณชาย เป็นท่านนั่นเอง” เสียงสตรีคนหนึ่งดังขึ้น

จ้าวจิ่งซวนหันไปมองพบว่าเป็นสตรีที่หน้าตางดงาม พวกเขาเคยรู้จักกันหรือ?

“ที่กำแพงรั้วกั๋วจื่อเจี้ยน” นางย้ำความจำเขา

จ้าวจิ่งซวนจำได้ว่าตอนนั้นเขาเพิ่งไปเรียนที่กั๋วจื่อเจี้ยนวันแรกๆ เขาอยากจะหนีออกจากที่นั่นจึงได้ปีนรั้วแล้วก็…. เขาตกลงไปในอ้อมแขนของนาง!

เขาโดนหญิงสาวแปลกหน้ากอด ช่างน่ากระอักกระอ่วนใจจนยากที่จะบรรยาย ใบหน้าของจ้าวจิ่งซวนเปลี่ยนเป็นสีแดง เขานั่งปิดหน้าเงียบๆ

“ไม่ใช่ข้า”

หญิงสาวคนนั้นคือถังหลี่ นางมองเด็กหนุ่มที่กำลังปิดใบหน้าที่แดงจนถึงหู นางคิดในใจว่าเขาช่างน่ารัก

“ข้าไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง” ถังหลี่กล่าว

เมื่อจ้าวจิ่งซวนเห็นว่าไม่สามารถเสแสร้งต่อไปได้แล้วเขาก็เอามือลง

“ร้อนชะมัด…หน้าข้าจะไหม้แล้ว”

“ดี ถ้าเจ้ากล้าบอกคนอื่นจะได้เห็นดีกันแน่” จ้าวจิ่งซวนขู่ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

แต่การขู่นั้นใช้ไม่ได้ผลกับถังหลี่

“เจ้าชื่ออะไรเป็นศิษย์ของกั๋วจื่อเจี้ยนหรือเปล่า?” ถังหลี่ถามจ้าวจิ่งซวน ที่กำลังมึนงงและสับสน

“ข้า…จ้าวจิ่งซวน”

จ้าวจิ่งซวน?

องค์ชายหก?

ในวันนั้นถังหลี่ได้คาดเดาว่าเขาคงเป็นองค์ชายซึ่งก็เป็นตามที่นางคาดเดาเอาไว้ องค์ชายหกประสูตรจากพระสนมที่มาจากสกุลเหลียง เขาเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทที่แข็งแกร่ง

หญิงสาวนึกถึงสิ่งที่องค์ชายหกจะต้องเจอหลังจากที่จ้าวชูขึ้นครองบัลลังก์ในนวนิยายต้นฉบับ….

เมื่อมองไปที่เด็กหนุ่มจึงได้เห็นว่า ใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเขาเปิดเผยอารมณ์ออกมาอย่างหมดจด ทั้งความเศร้า ความทุกข์ และความสุข เขาไม่รู้ว่าต่อไปตนเองจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง

“ดื่มเหล้าไม่เป็น ยังกล้าดื่มอีกหรือ?” ถังหลี่มองไปที่ใบหน้าแดงก่ำของเขาแล้วพูดขึ้น

“ข้าดื่มเป็น!” จ้าวจิ่งซวนขมวดคิ้วเถียงขึ้น

เมื่อเผชิญหน้ากับดวงตาระยับของถังหลี่ที่ทั้งอ่อนโยนและไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่ดูเหมือนกับว่านางสามารถมองทะลุจิตใจของผู้คนได้ ถึงจ้าวจิ่งซวนอยากจะโกรธแต่ก็ไม่สามารถโกรธได้ เขาทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ เกยคางเอาไว้ที่ราวบันไดมองไปยังด้านล่าง

“เจ้ามาที่นี่เพื่อดูโต้วาทีของสหายร่วมชั้นหรือ?” ถังหลี่ถาม

จ้าวจิ่งซวนไม่อยากคุยกับนาง ถังหลี่พูดอะไรบางอย่างกับเสี่ยวเอ้อร์ ไม่นานจากนั้นเสี่ยวเอ้อร์ก็ยกชามน้ำแกงมาให้ถังหลี่ หญิงสาวส่งให้จ้าวจิ่งซวน เขาดมกลิ่นน้ำแกงที่หอมหวนแล้วมองถังหลี่ นางเลิกคิ้วส่งให้กับจ้าวจิ่งซวน

“อาหารขึ้นชื่อของหอฉิงเฟิง น้ำแกงมรกต” ถังหลี่กล่าว

“อืม ข้าจะรับไว้เพื่อรักษาหน้าเจ้า” จ้าวจิ่งซวนหยิบชามขึ้นมาจิบ น้ำแกงมีกลิ่นหอมทั้งยังมีเม็ดบัวอยู่ด้านใน เด็กหนุ่มซดน้ำแกงลงไปจนหมดอย่างรวดเร็ว หลังจากดื่มแล้วเขาก็พบว่าตัวเขารู้สึกดีขึ้น ไม่มึนงงเหมือนก่อนหน้านี้

“น้ำแกงมรกตมีสรรพคุณช่วยให้สร่างเมาได้” ถังหลี่กล่าว จ้าวจิ่งซวนส่งเสียงรับ เขาค่อนข้างถูกใจสตรีคนนี้ จ้าวจิ่งซวนไม่ปฏิเสธนางแต่ก็ไม่ได้สนใจถังหลี่นัก จากนั้นความวุ่นวายก็ปรากฏที่ประตู

“เขามาแล้ว”

ที่ด้านหน้ามีกลุ่มเด็กหนุ่มสองคนกำลังเข้ามา เป็นสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋ง ทั้งสองคนอยู่ในชุดสีขาวที่สง่างามและดูหล่อเหลา พวกเขาถูกเชิญให้ไปนั่งอยู่ที่ตำแหน่งโต๊ะด้านหน้า

สีหน้าของถังหลี่อ่อนลงเมื่อเห็นลูกชาย วันนี้นางตั้งใจมาดูการโต้วาที

นางรู้ว่าเด็กทั้งสองคนมีชื่อเสียงภายหน้าพวกเขายังจะได้เป็นเสนาบดีใหญ่ นางไม่ได้คิดไปเอง

เมื่อจ้าวจิ่งซวนมองถังหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะพองแก้มออกมาอย่างหงุดหงิด สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งเป็นคนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ที่กั๋วจื่อเจี้ยนมีแต่คนชอบพวกเขา ถึงจ้าวจิ่งซวนจะดูถูกเหยียดหยาม แต่เขาก็รู้สึกว่าอยากให้มีใครห่วงใยเขาหรือชื่นชมบ้างเช่นกัน

สตรีผู้นี้ออกจะเอ็นดูเขามาก แต่พอเด็กหนุ่มสองคนมาถึง ก็แย่งความสนใจจากเขาไปหมด ทำให้จ้าวจิ่งซวนรู้สึกอิจฉา

“สวี่เจวี๋ยกับเว่ยจื่ออั๋งน่ะแย่มาก!” จ้าวจิ่งซวนสบถ เรียกความสนใจจากถังหลี่ทันที

“ทำไมล่ะ?” ถังหลี่ถามอย่างสงสัย

จ้าวจิ่งซวนเล่าว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาที่สวี่เจวี๋ยนจงใจให้คัดลอกคำตอบที่ไม่ถูกต้อง แล้วก็ฟ้องอาจารย์ ถังหลี่เม้มริมฝีปากยิ้มบางๆ

“นี่เจ้ากำลังหัวเราะความโง่ของข้าหรือ?” จ้าวจิ่งซวนพูดอย่างซึมเศร้า

“พวกเขาแย่จริงๆ นั่นแหละ” ถังหลี่พูดเสริม จ้าวจิ่งซวนเป็นเด็กที่ดูออกง่ายมาก เขาไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ขาวก็ว่าขาว ดำก็ว่าดำ เขาพอใจกับท่าทีของถังหลี่มาก

“ทิวทัศน์ของดวงจันทร์แม้จะสว่างไสวแค่ไหนล้วนเป็นแค่มายา ”

“เจ้ารู้จักบทกวี ‘ทิวทัศน์กับดวงจันทร์’ ด้วยหรือ” ถังหลี่ถามเขา

ที่ถังหลี่พูดแบบนี้นางไม่ได้ตั้งใจจะเหน็บแนมแต่เป็นคำชม ทำให้จ้าวจิ่งซวนรู้สึกภูมิใจมาก นี่คือสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ตอนถูกลงโทษ

เขาไม่ชอบการคัดลอกตำราเพราะรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ แต่ตอนนี้จ้าวจิ่งซวนพบว่ามันพอมีประโยชน์อยู่บ้าง

“ทิวทัศน์และดวงจันทร์คือความใจกว้างและความตรงไปตรงมาของบุรุษ” จ้าวจิ่งซวนพูดในสิ่งที่ตัวเองรู้

“เจ้าฉลาดมาก” ถังหลี่ยังคงชมเชย จ้าวจิ่งซวนมีความสุขมาก เขาตัดสินใจแล้วว่าครั้งต่อไปที่โดนทำโทษให้คัดตำราล่ะก็ เขาจะจดจำคำเหล่านี้เพิ่มอีกสักสองสามคำ

มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากชายวัยกลางคนในชุดสีน้ำเงิน

“ศิษย์จากฉิงโจวมาแล้ว”

“เขาคือศิษย์จากฉิงโจวหรือ? เขายังเด็กมาก”

“แม้อายุน้อยแต่ถ้าเขามีพรสวรรค์ เขาคงมีชื่อเสียงไปนานแล้ว ดูเหมือนว่ากบจากก้นบ่อจะกล้ามาท้าท้ายสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งนะ”

“หึ ไม่น่าสนใจเลย”

ศิษย์จากฉิงโจวเดินไปยังที่นั่งของเขา ใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงก่ำทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น แต่สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งไม่ได้ดูถูกเขา เขาก้มลงคารวะ อีกฝ่ายจึงได้คารวะตอบเช่นกัน เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก เว่ยจื่ออั๋งโต้วาทีกับศิษย์จากฉิงโจว โดยเลือกหัวข้อเป็นเรื่องทั่วไป

แต่ทุกคนคาดไม่ถึงเพราะศิษย์จากฉิงโจวผู้นี้ไม่ใช่แค่กบตัวน้อยอย่างที่ทุกคนคิด เขามีความรู้หลากหลาย พูดจาฉะฉาน

สายตาของถังหลี่มองเว่ยจื่ออั๋งตลอดเวลาเห็นว่าเขาต่างไปจากปกติ ที่ถังหลี่ประทับใจในตัวของต้าเป่าเพราะเขาเป็นเด็กที่มีความประพฤติดีและมีเหตุผล ตอนนี้เด็กหนุ่มเชิดใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจขึ้น ทุกคำพูดที่โต้ออกไปล้วนมีจังหวะจะโคนผ่านการตรึกตรองมาอย่างดี เด็กน้อยที่แสนฉลาดของถังหลี่ ตอนนี้หญิงสาวโล่งใจมาก

ต้าเป่าของนางเติบโตขึ้นมากแล้ว