หลังจากที่เจียงหยุนเอ๋อกลับมาถึงบ้าน เธอยังคงรู้สึกไม่สบายใจ
ลี่จุนถิงไม่อยู่แล้ว เธอเองจะสบายใจไปได้ยังไง ไม่รู้ว่าตอนนี้ลี่จุนถิงจะเป็นยังไงบ้าง
ไม่รู้ว่าจะถูกทรมาน จะกินข้าวกินปลาหรือยัง จะหนาวหรือหิวหรือเปล่า
ยิ่งคิดเจียงหยุนเอ๋อก็ยิ่งเป็นห่วงและกังวล เธอคิดว่าเธอจะนั่งงอมืองอเท้ารอข่าวแบบนี้ไม่ได้ เธอต้องลุกขึ้นสู้
ตอนที่ลี่จุนถิงยังอยู่ ชายหนุ่มก็คอยที่จะปกป้องดูแลเธอ แต่ตอนนี้ไม่มีลี่จุนถิงอยู่แล้ว เธอต้องเข้มแข็ง
เมื่อคิดได้ดังนั้นเจียงหยุนเอ๋อก็เดินทางไปที่คฤหาสน์ของตระกูลลี่
เมื่อได้รับรายงานจากแม่บ้าน ท่านปู่ลี่ก็รู้สึกแปลกใจ เขาไม่คิดว่าหลานสะใภ้คนนี้จะขอเข้าพบ อีกทั้งยังอยู่ในช่วงวิกฤติแบบนี้อีกด้วย
“ให้เธอเข้ามา”ท่านปู่ลี่วางปากกาในมือลง
เจียงหยุนเอ๋อที่อยู่ในสภาพท้องโตพอสมควร มือหนึ่งเท้าเอวแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของท่านปู่ลี่
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงหยุนเอ๋อได้เข้าในห้องหนังสือของท่านปู่ลี่ ห้องนี้กับตัวตนท่านปู่ลี่ให้อารมณ์ความรู้สึกที่เหมือนกัน นั้นก็คือน่าเกรงขามและสวยสง่า
ท่านปู่ลี่เงยหน้าขึ้นมองเจียงหยุนเอ๋อ สายตาก็จ้องไปที่ท้องของเธอ
ในตอนนี้เองท่านปู่ลี่ก็เพิ่งจะมาคิดได้ว่า ในท้องของเจียงหยุนเอ๋อยังมีเหลนของเขาอีกคน
“นั่งสิ”ท่านปู่ลี่กระแอมไอเสียงเบา
กับหลานสะใภ้คนนี้ ท่านปู่ลี่ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทกันเท่าไรนัก และเขาเองก็ไม่ชอบหญิงสาวอยู่มาก เพราะตั้งแต่เธอเข้ามาที่ตระกูลลี่ ลี่จุนถิงก็เหมือนถูกเธอมอมเมา และหลายครั้งก็เป็นต้นเหตุให้หลานชายมีปากเสียงเถียงกันกับเขา
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ท่านปู่ลี่ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังเจียงหยุนเอ๋ออยู่อีกหลายครั้ง
เธอหน้าตาดูดี ใบหน้าเรียวยาวรูปไข่ คิ้วที่โค้งได้รูปถัดมาเป็นดวงตาสีเข้มมีประกาย หญิงสาวสวยสง่างามเหมือนบัวที่ผุดขึ้นเหนือน้ำขาวใสไร้ที่ติ
มองไปแล้วก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าส้งหวั่นหวั่นเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้น……หลังจากที่ส้งหวั่นหวั่นถูกกระชากหน้ากาก ท่านปู่ลี่เองก็เหมือนจะรับไม่ได้
“ขอบคุณค่ะคุณปู่”เจียงหยุนเอ๋อนั่งลงที่เก้าอี้
ท่านปู่ลี่คิดไม่ออกว่าเจียงหยุนเอ๋อมาหาเขาด้วยจุดประสงค์ใด คงไม่ใช่จะขอให้เขาไปตามหาลี่จุนถิงหรอกนะ ?
แล้วถ้าเกิดเธอร้องห่มร้องไห้ขึ้นมาจะทำยังไง ……
“เธอมาหาฉันมีธุระอะไร?”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้าเล็กน้อย:“คุณปู่ค่ะ ขออภัยที่ต้องมารบกวน ที่ดิฉันมาหาคุณปู่วันนี้เพราะต้องการที่จะเข้าทำงานในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปค่ะ”
“อะไรนะ?”ท่านปู่ลี่สงสัยว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า จึงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย
“คุณปู่ค่ะ ดิฉันต้องการที่จะเข้าทำงานในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปค่ะ”เจียงหยุนเอ๋อเองก็โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยเช่นกัน แล้วพูดเสียงดังขึ้นอีก
คราวนี้ท่านปู่ลี่ได้ยินอย่างชัดเจน :“ เธอบอกว่าเธออยากทำงานที่ลี่ซื่อกรุ๊ป?”
เจียงหยุนเอ๋อที่สายตามุ่งมั่นก็พยักหน้ารับทันที :“ใช่ค่ะ”
ท่านปู่ลี่คิดว่าเจียงหยุนเอ๋อกำลังล้อเล่น ท่าทีก็จริงจังขึ้นมา :“บริษัทไม่ใช่สนามเด็กเล่น”
เมื่อเห็นว่าท่านปู่ลี่ไม่เชื่อเจียงหยุนเอ๋อก็ร้อนใจขึ้นมาทันที:“ คุณปู่ค่ะ ดิฉันไม่ได้คิดที่จะล้อเล่น ดิฉันมาขอร้องจริงๆ”
“งั้นเธอบอกเหตุผลเธอมาสิ” ท่าปู่ลี่เอ่ยอย่างเย็นชา หากไม่เป็นเพราะเจียงหยุนเอ๋อกำลังตั้งท้องอยู่ ไม่แน่เขาอาจจะไล่ตะเพิดเจียงหยุนเอ๋อออกไปแล้ว
“คุณปู่ก็รู้ ตอนนี้จุนถิงหายตัวไป ดิฉันเป็นกังวลใจมาก”เจียงหยุนเอ๋อขมวดคิ้วนิ่วหน้า ดวงตาแฝงความกังวลเล็กน้อย “แต่ตอนนี้ดิฉันกำลังตั้งท้องอยู่ ร่างกายไม่เอื้ออำนวย เดินทางไปตามหาลี่จุนถิงก็ลำบาก”
คำพูดนี้ของเจียงหยุนเอ๋อทำให้ท่าทีของท่านปู่ลี่ไม่ค่อยดีนัก ดูท่าแล้วผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นเหมือนที่เคยได้ยินมา เป็นจำพวกที่ชอบหนีปัญหา
สามีของตัวเองถูกจับ กลับเอาเรื่องท้องมาเป็นข้ออ้าง ออกไปตามหาสามีไม่ได้
แม้ในความเป็นจริงท่านปู่ลี่เองก็คงไม่คิดที่จะปล่อยให้เจียงหยุนเอ๋อออกไปตามหาลี่จุนถิง แต่เจียงหยุนเอ๋อก็ไม่ควรที่จะพูดแสดงความขี้ขลาดของตัวเองออกมาแบบนี้
เจียงหยุนเอ๋อพูดต่อไปว่า:“ได้ยินว่าจุนถิงประสบอุบัติเหตุ ดิฉันรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองจะหยุดเต้น ฟื้นจากโรงพยาบาล ในใจก็กระวนกระวายอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่รู้ว่าหากไม่มีจุนถิงแล้ว ตัวเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไง ไหนจะลูกอีกสองคน ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็ลูบไปที่ท้อง แววตาก็อ่อนโยนขึ้น
และหลังจากนั้นเธอก็เงยหน้า แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น :“แต่ดิฉันรู้ ยิ่งในเวลาแบบนี้ ยิ่งต้องข่มใจให้ตัวเองเข้มแข็ง จะตื่นตระหนกไม่ได้ ต้องทำอะไรเพื่อจุนถิงบ้าง ได้ยินซู่จี้งยี้บอกว่า ตอนนี้บริษัทกำลังมีปัญหา ดังนั้นดิฉันจึงคิดว่าสิ่งที่ตัวเองพอจะทำได้ตอนนี้นั้นก็คือช่วยงานของจุนถิงและพยุงบริษัท”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงหยุนเอ๋อ สีหน้าของท่านปู่ลี่ก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก
ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ตัวเองคิดเอาไว้ตั้งแต่แรก
“แต่เธอไม่คุ้นเคยกับระบบงานของบริษัท”ท่านปู่ลี่คิดอยู่เสมอว่าเจียงหยุนเอ๋อคงเป็นภรรยาที่ทำงานบ้านไปวันๆ ไม่รู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับงานของบริษัท
ไม่อย่างนั้นทำไมอยู่กับจุนถิงมานาน แต่ไม่เคยขอไปทำงานที่บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเลย
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า เธอรู้ข้อบกพร่องของตัวเองมาโดยตลอด:“ใช่ค่ะ แต่ดิฉันเรียนรู้ได้ บอกตามตรง เมื่อก่อน ดิฉันเคยเป็นผู้จัดการของบริษัทมาก่อน พอมีประสบการณ์อยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับพนักงานของลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว ดิฉันอาจจะยังด้อยกว่ามากนัก แต่ดิฉันก็พร้อมที่จะเรียนรู้ค่ะ !”
ประโยคสุดท้ายของเจียงหยุนเอ๋อเหมือนกำลังเรียกคะแนนกับท่านปู่ลี่
เธอหวังว่าคำพูดของเธอจะสามารถทำให้ท่านปู่ลี่ไว้ใจ และเชื่อใจเธอ ว่าเธอต้องการทำเพื่อลี่จุนถิงจริงๆ
หลังจากฟังคำพูดเหล่านั้นจบ ท่านปู่ลี่ก็เงียบไป เขาไม่รู้ว่าเจียงหยุนเอ๋อแค่คึกคะนองหรือว่าเธอต้องการช่วยลี่จุนถิงจริงๆ
แต่ก็ยังดีที่เธอยังมีความคิดแบบนี้
และแววตาของเจียงหยุนเอ๋อเอง ก็ไม่เหมือนคนที่กำลังพูดโกหก
ท่านปู่ลี่คิดว่านี่อาจเป็นวิธีที่ดี เขาจึงได้ตอบตกลงไป:“ได้ ฉันตกลง”
“จริงเหรอคะ ? คุณปู่ตกลงแล้วใช่ไหมคะ ? ”ดวงตาของเจียงหยุนเอ๋อเปล่งประกายด้วยความยินดี
ท่านปู่ลี่พยักหน้า ไม่รู้ว่าทำไมเวลาที่เห็นเจียงหยุนเอ๋อยิ้มมีความสุข ตัวเขาเองก็รู้สึกดีไปด้วย
หรืออาจเป็นเพราะคนหนุ่มสาวที่ทำให้อารมณ์นำพาไป
“ฉันจะให้ลี่จุนซินคอยช่วยเหลือเธอ หล่อนรู้เรื่องทุกอย่างในบริษัทดี” ในขณะที่พูดท่านปู่ลี่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา กำลังจะกดโทรไปหาลี่จุนซิน
เจียงหยุนเอ๋อนิ่วหน้า แล้วพูดออกไปว่า:“ขอบคุณค่ะคุณปู่ ดิฉันจะตั้งใจเรียนรู้ให้มากที่สุด ไหนๆตอนนี้คุณปู่ก็อนุญาตแล้วงั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ รบกวนเวลาแล้วค่ะ”
พอพูดจบเจียงหยุนเอ๋อก็เดินออกจากห้อง ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะทำความเคารพท่านปู่ลี่
เธอรู้สึกขอบคุณจริงๆ ที่ท่านปู่ลี่เข้าใจเธอ และให้โอกาสเธอ
หลังจากที่เจียงหยุนเอ๋อออกไปแล้ว ท่านปู่ลี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ พลางคิดไปว่าบางทีลี่จุนถิงอาจจะเลือกถูกคนก็เป็นได้ อคติที่เคยมีก่อนหน้าต่อเจียงหยุนเอ๋อมาบัดนี้ก็เบาบางลง
ลี่จุนซินที่รู้ถึงความคิดของเจียงหยุนเอ๋อก็ประหลาดใจเช่น แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็พร้อมจะสนับสนุนเจียงหยุนเอ๋อ
ปรกติเจียงหยุนเอ๋อเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน แต่ถ้าในช่วงสถานการณ์คับขันก็จะเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งเช่นกัน