บทที่ 495 ข้าจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้แน่นอน

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 495 ข้าจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้แน่นอน

บทที่ 495 ข้าจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้แน่นอน

ปรากฏว่าซูอันแอบหนีไปก่อนแล้วในความวุ่นวายนี้ อย่างไรก็ตาม ยิ่งเขาไตร่ตรองถึงการกระทำของตัวเองมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่พอใจในตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนจี้สกัดจุดเขาเอาไว้ แต่นางก็ยังช่วยชีวิตเขาไว้เมื่อเฉินเซวียนโจมตีเขา

การปล่อยให้นางถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนที่ไม่เป็นมิตรนั้นไม่ใช่นิสัยของซูอันเลยแม้แต่น้อย

และอีกเหตุผลหนึ่งที่ซูอันกลับมาช่วยนางซึ่งสำคัญที่สุดก็คือนางสวย!

ไม่มีทางเลยที่ชายหนุ่มจะสนใจ ถ้านางไม่ได้เป็นผู้หญิงที่สวยมากขนาดนี้ แถมเขายังรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับนางถึงแม้จะรู้ว่านางมีเหตุจูงใจแอบแฝงก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ตัวชายหนุ่มเองก็ไม่ได้จู่ ๆ พรวดเข้ามาช่วยเหลือนางอย่างคนไร้สติ ก่อนที่ซูอันจะกลับเข้ามาในห้องโถง เขาแอบไปขโมยผงมะนาวมาถุงใหญ่ซึ่งถูกวางระเกะระกะไว้ที่ด้านนอกเพื่อช่วยให้การหลบหนีนั้นง่ายขึ้น และจากนั้นก็ใช้จ้าววายุบุกเข้ามา และใช้มันอีกครั้งเพื่อหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

สมาชิกกลุ่มวาฬส่วนใหญ่มองไม่เห็นท่ามกลางผงมะนาว แต่มุกนี้ใช้ไม่ได้ผลกับเฉินเซวียน

เขาจำได้ว่าผู้ช่วยเหลือเจิ้งตานคือไอ้เวรซูอัน! เฉินเซวียนคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว แล้วรีบวิ่งตามไปทันที

คนอีกไม่กี่คนที่ไม่ได้ตาบอดด้วยผงมะนาวก็ติดตามมาเช่นกัน

เจิ้งตานหนีมาพร้อมกับซูอัน มือของนางถูกกำอยู่ในมือของเขา หัวใจของนางยังคงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ผู้ชายคนนี้เคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ได้ยังไง? นางมองไม่เห็นว่าเขาปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ นางได้ยังไงด้วยซ้ำ

จากการปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาในอดีต นางมั่นใจว่าระดับการบ่มเพาะของซูอันนั้นต่ำกว่านางมาก แต่มันไม่มีทางเลยที่นางจะเคลื่อนไหวได้เร็วเท่าเขา

เมื่อซูอันหันกลับมา สายตาของทั้งสองก็บังเอิญสบกัน ความตื่นตระหนกและความกระอักกระอ่วนเพิ่มขึ้นในตัวเขาอย่างเท่าเทียมกัน

“เจ้าจะบื้อมองข้าแบบนี้ไปอีกนานไหม? เจ้าควรรีบบอกข้าได้แล้วว่าเราควรหนีไปทางไหนดี!”

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยู่บนเกาะของกลุ่มวาฬ และระหว่างที่ถูกพาตัวมา ศีรษะของเขาถูกคลุมด้วยถุงตลอดเวลา ซึ่งทำให้ชายหนุ่มมองไม่เห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวเท่าไหร่

เจิ้งตานหน้าแดง นางรีบชี้ไม้ชี้มือ “มุ่งหน้าไปทางนั้น น่าจะมีเรือลำเล็กอยู่ตรงนั้น ข้าเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วเผื่อมีเหตุฉุกเฉิน”

ซูอันตอบรับ เขาดึงนางไปกับเขาในทิศทางที่ระบุ “เอ๊ะ? ทำไมมือเจ้าร้อนจัง” เขาถามทันที

เจิ้งตานมองเขาอย่างขุ่นเคือง ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ว่ารู้คำตอบสำหรับคำถามนี้อยู่แล้วเหรอ?

ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงความวุ่นวายดังขึ้นข้างหลังพวกเขา และเฉินเซวียนก็วิ่งออกมา ใบหน้าของเขาถมึงทึง เขาจะมองดูไก่ที่ย่างสุกแล้วบินหนีไปได้ยังไง?

ซูอันรู้สึกท้อแท้ ระดับการบ่มเพาะของเฉินเซวียนนั้นสูงกว่าเขา ดังนั้นความเร็วของมหาโจรผู้นี้จึงเร็วมากกว่าเขาเช่นกัน

แม้ว่าวิชาร่างก้าวทานตะวันจะยอดเยี่ยม แต่มันก็ยอดเยี่ยมในด้านการหลบหลีกในระยะทางสั้น ๆ ไม่ใช่การหนีเป็นระยะทางไกล ๆ แบบนี้

แน่นอนว่าถ้าเขาสามารถใช้จ้าววายุได้อย่างอิสระ ก็คงจะสลัดเฉินเซวียนหลุดไปนานแล้ว

“นี่เจ้าไม่สามารถพึ่งพาใครให้พาเราออกไปจากเกาะได้เลยเหรอ?”

ซูอันถามด้วยความหนักใจ ถึงแม้ว่าคนในห้องโถงจะทรยศนาง แต่ชายหนุ่มก็เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่รู้เรื่องการก่อการทรยศนี้ล่วงหน้าได้ น่าจะมีอีกหลายคนที่ไม่รู้แผนการนี้ของเฉินเซวียน ไม่อย่างนั้นข่าวการทรยศครั้งนี้คงจะรั่วไหลออกมานานแล้ว

อย่างไรก็ตาม เจิ้งตานกลับส่ายหัวและกล่าวว่า “ข้าไม่ค่อยได้อยู่บนเกาะนี้ ลูกน้องเหล่านี้ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของหลิวชาน”

ซูอันพูดไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง “นี่เจ้าเป็นผู้นำที่ล้มเหลวมากไปหน่อยไหม?”

เจิ้งตานเองก็รู้สึกอับอายเช่นกัน นางเป็นคุณหนูของตระกูลเจิ้ง และกำลังจะกลายเป็นนายหญิงตระกูลซ่างในอนาคต นางจึงไม่ค่อยสนใจเรื่องการนองเลือดหรือความรุนแรง ซึ่งมันกลับกลายเป็นสาเหตุให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้น

ขณะที่เฉินเซวียนกำลังจะตามทัน จู่ ๆ ก็มีคนกระโดดเข้ามาขวางทางเขา

เฉินเซวียนคำรามออกมา “ใครขวางข้าตาย!”

เขาโจมตีอย่างรุนแรงจนผู้มาใหม่กระอักเลือดอย่างหนัก

อย่างไรก็ตาม ผู้มาใหม่ไม่ยอมแพ้ เขายังคงเผชิญหน้ากับเฉินเซวียน “ท่านผู้นำรีบหนีไป!”

“หยาเสี่ยว!” เมื่อเจิ้งตานเห็นร่างกายที่โชกเลือดของหยาเสี่ยว ซึ่งกำลังเกาะกุมขาของเฉินเซวียน ดวงตาที่งดงามของนางเต็มไปด้วยน้ำตา

“เราต้องรีบหนี อย่าปล่อยให้การกระทำของเขาสูญเปล่า!” เมื่อเห็นนางเริ่มมีความคิดที่จะหันหลังกลับ ซูอันก็ดึงนางไปกับเขาอย่างรวดเร็ว

เจิ้งตานกัดริมฝีปากล่างจนเลือดออก เห็นได้ชัดว่านางเต็มไปด้วยความโกรธและความอาฆาต

“เจ้าจะแก้แค้นได้ก็ต่อเมื่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่” ซูอันเตือนนางด้วยความกังวลว่านางจะทำอะไรโง่ ๆ

เจิ้งตานตัวสั่น ทันใดนั้น นางถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองถูกวางยาพิษด้วยยาสกปรกนั่น และนางจะต้องพบกับจุดจบอันขมขื่นอย่างยิ่งหากนางยังคงอยู่ที่นี่ นางจึงล้มเลิกความคิดที่จะกลับไป

“หยาเสี่ยวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าหน้าตาเป็นยังไงตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเขาก็ไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร ข้าขอโทษจริง ๆ…” นางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

ซูอันถอนหายใจ “โลกนี้มีชายหนุ่มที่เต็มใจเสี่ยงชีวิตเพื่อคนที่พวกเขารักเสมอ…”

แต่ข้าจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้แน่นอน

จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนมืดหม่น เมื่อเขานึกถึงประสบการณ์ของตัวเองในมิติลับหยกจรัส รวมไปถึงเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในตอนนี้ ซึ่งมันพูดได้ว่าตัวชายหนุ่มเองก็กำลังเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยเจิ้งตานเช่นกัน

ข้ามีสิทธิ์อะไรไปเยาะเย้ยเขา??

ในที่สุดทั้งสองก็ถึงฝั่ง มีท่าเรือเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ภายในพงอ้อ และมีเรือลำเล็กผูกติดอยู่

ซูอันไม่มีเวลาแก้เชือก เขาตัดมันด้วยแท่งพิษ จากนั้นลงเรือไปพร้อมกับเจิ้งตานและเริ่มพายอย่างเร่งรีบ

น่าเสียดายที่ซูอันไม่เคยพายเรือมาก่อน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ยิ่งเขาใช้กำลังมากเท่าไร เรือลำเล็กก็จะยิ่งหมุนไปรอบ ๆ มากขึ้นเท่านั้น

เจิ้งตานอดไม่ได้ที่จะยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นเขาในสภาพที่โง่เขลาเช่นนี้ “ให้ข้าพายเอง” นางพูดอย่างรวดเร็ว

นางหยุดซูอันก่อนที่จะม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วออกแรงพาย จากนั้นเรือลำเล็กก็พุ่งออกไปเป็นเส้นตรง

ซูอันถอนหายใจด้วยความชื่นชม “คงจะรุ่งถ้าเจ้าเริ่มธุรกิจเรือข้ามฟาก!”

เจิ้งตานนิ่งงันกับคำพูดของเขา

เขาไม่รู้เลยเหรอว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์ไหน? ในหัวของผู้ชายคนนี้มีอะไรผิดปกติ?

มีเสียงโห่ร้องดังมาจากข้างหลังเขา ซูอันหันกลับไปและเห็นเฉินเซวียนวิ่งอย่างบ้าคลั่งข้ามผิวน้ำมา ใบหน้าแดงก่ำในขณะที่พุ่งมาที่เรือของพวกเขา

“ทำไมมันถึงมีพลังวิเศษแบบนี้ด้วย!” ซูอันตกตะลึง ผู้ชายคนนี้อยู่ที่ระดับหกไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงวิ่งบนน้ำได้แบบนี้?

แต่เขาตระหนักรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าการวิ่งบนน้ำแค่นี้ไม่ควรยากเกินไปสำหรับผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะสูง ๆ อย่างเฉินเซวียนไม่ได้บินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างอิสระ แต่แค่ใช้การก้าวที่แผ่วเบาและรวดเร็วบนผิวน้ำเท่านั้น

เจิ้งตานกัดฟัน นางยืนขึ้นและโบกมือไปด้านหลังเรือ ก่อให้เกิดคลื่นน้ำซัดย้อนไปทางด้านของเฉินเซวียน

ในตอนแรกมันสูงเพียงจั้ง*[1] แต่คลื่นก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็สูงถึงหลายสิบจั้ง

ดวงตาของซูอันเบิกกว้าง ท่าทางที่อ่อนหวานและบอบบางที่ตัวเองเคยเห็นทั้งหมดล้วนเป็นการแกล้งทำโดยสิ้นเชิง!

ชายหนุ่มถอนหายใจกับตัวเอง ทำไมผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบข้างข้าถึงแข็งแกร่งกันนัก?

[1]1 จั้ง = 3.33 เมตร