ตอนที่ 482

My Disciples Are All Villains

ตอนที่ 482 ความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่และความทะเยอทะยานใหญ่ยิ่ง

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย

คําว่า “พบกันอีกครั้งแล้วสินะ” ของลู่โจวได้ดึงสติทุกคนให้กลับมาที่ตรงหน้า

เฉินเหลียงซูเป็นผู้ที่ค่อนข้างมีไหวพริบ เขาเป็นคนแรกที่เดินเข้าหาลูโจวก่อนที่จะคารวะให้ “สวัสดีผู้อาวุโสสู่…ไม่คิดเลยว่าข้าจะได้พบท่านที่นี่”

สู่โจวไม่ได้สนใจอะไรเฉินเหลียงซู ตัวเขามองไปที่ยู่เฉิงไห่ผู้ซึ่งกําลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ของห้องโถงใหญ่อย่างสงบแทนชายคนนี้เป็นศิษย์คนแรกแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าจากนั้นลูโจวก็เหลือบเห็นศิษย์คนที่เจ็ดอย่างมีวี่หยาที่กําลังนั่งอยู่ทางด้านซ้ายของยู่เฉิงไห่

หวางซื่อเจียลุกขึ้นยืนก่อนที่จะโค้งคํานับพร้อมกับเหล่าสาวกจากสํานักเผิงไหลในทันที “สวัสดีผู้อาวุโสลู่”

“เงยหน้าขึ้นเถอะ” สู่โจวโบกมือของตัวเอง

ในขณะที่ยู่เฉิงไห่และสีว์หยาลุกขึ้นมา ในตอนนั้นเองที่สายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดระแวง ทั้งคู่จ้องมองลูโจวอย่างสงสัย ชายคนนี้เป็นใครกันแน่? เนื่องจากหวางซื่อเจียยอมที่จะเคารพชายชราคนนี้ ทั้งคู่จึงไม่กล้าที่จะละเลยการทักทาย ทั้งคู่ทักทายให้กับลูโจวก่อน ทั้งยู่เฉิงไห่และสีวี่หยาต่างก็ถามออกมาหลังจากการทักทายอย่างพร้อมเพรียงกัน “ผู้อาวุโส ท่านมาจากที่ใดกันแน่?”

ลูโจวไม่สามารถพูดว่าตัวเขามาจากสํานักเพิ่งไหลได้อีก ตัวเขาคงจะกลับไปใช้ข้อแก้ตัวซ้ําเดิมไม่ได้แล้ว

ก่อนที่จู่โจวจะตอบกลับไป ฮั่วจงหยางก็ได้ก้าวไปที่ด้านหน้าก่อนจะพูดออกมา “เจ้าสํานัก ผู้อาวุโสท่านนี้อาศัยอยู่บนหุบเขามาหลายปีแล้ว เขาไม่ค่อยที่จะรู้เรื่องเกี่ยวกับโลกภายนอก ส่วนสาวน้อยที่อยู่ข้างๆ เขาก็คือธิดาหอยสังข์แห่งแท่นบูชาสวรรค์”

ลูโจวไม่ได้สนใจว่าฮัวจงหยางจะช่วยอธิบายเบื้องหลังของตัวเขาว่าอะไร ในที่สุดตัวเขาก็ได้พบกับยู่เฉิงไห่

การปรากฏตัวของธิดาหอยสังข์ทําให้ยู่เฉิงไห่และสีรู่หยาตกใจเล็กน้อย พวกเขาต่างก็เหลือบมองไปที่นาง พวกเขาไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างชายชรากับเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า

ฮั่วจงหยางโค้งคํานับอีกครั้งก่อนจะเดินไปกระซิบที่ข้างๆ หูของยู่เฉิงไห่ ฮั่วจงหยางได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้กับยู่เฉิงไห้ได้ฟัง

เมื่อยู่เฉิงไห้ได้ยินมาว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ยอดฝีมือพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจะเข้าร่วมกับเรื่องครั้งนี้ ดวงตาของยู่เฉิงไห่จึงเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ยู่เฉิงไห่ยิ้มก่อนจะพูดออกมา “ผู้อาวุโสสู่ พวกเราเป็นเกียรติจริงๆ ที่มีท่านมาเยี่ยมชมสํานักอเวจีแบบนี้ผู้อาวุโสสู่เชิญนั่งก่อน”

ลูโจวพาธิดาหอยสังข์เข้าไปที่ห้องโถงก่อนจะนั่งลง

“เจ้าก็คืออยู่เฉิงไห่ เจ้าสํานักอเวจีอย่างงั้นสินะ?” ลูโจวถามออกมา

ยู่เฉิงไห้ได้ตอบกลับมาด้วยน้ําเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “ถูกต้อง ครั้งหนึ่งข้าเคยอยู่ในศาลาปีศาจลอยฟ้ามาก่อน อาจารย์ของข้ามีชื่อว่าจีเทียนเด้ เขาก็เป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบเช่นเดียวกับท่าน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฉินเหลียงซูก็พูดประจบขึ้น “ถูกต้องแล้วเจ้าสํานักยู่….ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าถือว่าเป็นยอดวีรบุรุษอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ที่สุกสกาว ก็ยังไม่อาจเทียบพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบของท่านปรมาจารย์ได้เจ้าสํานักยู่เป็นศิษย์คน แรกของศาลาปีศาจลอยฟ้า ในตอนนี้เจ้าสํานักยู่กําลังควบคุมสํานักฝ่ายอธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าอยู่ ตอนนี้ที่ทั้งเก้ามณฑลต้องตกอยู่ในความวุ่นวายก็เป็นเพราะฝีมือของสํานักอเวจีนี่แหละ”

สู่โจวหันกลับมามองเฉินเหลียงซู “จีเทียนเด่แข็งแกร่งเพียงนั้นเชียวเหรอ?”

มีอะไรบางอย่างผุดขึ้นในใจของยู่เฉิงไห่ ตัวเขาสังเกตเห็นถึงความหวาดระแวงของชายชราตรงหน้า คงจะมีแต่ยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบเท่านั้นที่จะตรวจสอบยอดฝีมือผู้ที่มีระดับเดียวกันได้

เฉินเหลียงซูตอบกลับมาอย่างกระตือรือร้น “ผู้อาวุโส ท่านปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่เพียงแต่เป็นยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ เขายังมีสาวกทั้งเก้าคนที่ต่างก็มี ความโดดเด่นอีกด้วยศิษย์คนสุดท้ายของเขาอย่างซีหยวนเอ๋อ นางสามารถฝึกฝนตัวเองไปถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยเวลาเพียง 5 ปี ข้าไม่คิดว่าจะมีใครประสบความสําเร็จได้เร็วแบบนี้มาก่อน ส่วนศิษย์คนแรกและศิษย์คนที่สองต่างก็ฝึกฝนตัวเองจนกลายเป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบที่สมบูรณ์แบบได้ พวกเขาอยู่ห่างจากการเป็นผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น”

ยู่เฉิงไห่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ข้าไม่ได้ให้รางวัลเจ้านี่อย่างสูญเปล่าเลย ลิ้นของเจ้านี่ลื่นไหล พูดต่อไปซะ…”

“ถ้าหากศิษย์คนสุดท้ายยังมีฝีมือโดดเด่นถึงขนาดนั้น ข้างสงสัยจริงๆ ว่าปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าจะมีฝีมือที่สูงส่งมากแค่ไหน” การสรรเสริญในครั้งนี้มีเป็นแค่อารัมภบทในการสรรเส ริญต่อๆไป “แต่ท่านผู้อาวุโสเองก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ในตอนที่ยุคสมัยแห่งการแยกดอกบัวทองคํามาถึง เหล่าผู้ฝึกยุทธต่างก็เพียรพยายามที่จะฝึกฝนจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบสํานักใหญ่ ทั้งหลายต่างก็พยายามทําทุกอย่างอย่างเต็มที่ ผู้ที่สามารถนําหน้าผู้อื่นไปได้ย่อมเป็นที่รู้จักมากขึ้นเท่านั้น แต่ผู้อาวุโสสู่กลับฝึกฝนตัวเองอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่หวังว่าจะเป็นจุดสนใจ ผู้อาวุโสสู้ฝึกฝนตัวเองจนประสบความสําเร็จได้ ท่านช่างเป็นคนที่ถ่อมตนจริงๆ ในเรื่องนี้แม้แต่ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าก็ยังต้องเรียนรู้จากท่าน”

ยู่เฉิงไห่พูดแทรก “เป็นความจริงที่อาจารย์ของข้าชอบเรียกร้องความสนใจ ข้าหวังว่าทุกท่านที่นี่จะไม่รังเกียจเขา”

สู่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนนี้ตัวเขาเข้าใจแล้วว่าทําไมคนทั่วทั้งโลกถึงโยนความผิดทั้งหมดให้กับเหล่าวายร้ายในศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ ทุกๆ อย่างเป็นเพราะผลงานของลูกศิษย์ทั้งหลาย เพราะแบบนั้นชื่อของจีเทียนเดถึงได้อยู่บนอันดับสูงสุดของบัญชีดําได้

เมื่อหวางซื่อเจียแห่งสํานักเผิงไหลมองเห็นโอกาสอันดีที่จะชักชวนให้ลูโจวเข้าร่วมกับพวกเขาหวางชื่อเจียที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดขึ้น “พวกเราต่างก็รู้จักกับเจ้าสํานักยู่มานานแล้ว ในตอนแรกพวกเราคิดจะช่วยเจ้าสํานักยู่ในการพิชิตมณฑลจิง แต่ถ้าหากผู้อาวุโสสู่เต็มใจที่จะร่วมมือด้วย พวกเราสํานักเผิงไหลจะเต็มใจทําตามคําสั่งของท่านเอง”

สู่โจวไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับมา ตัวเขามองไปที่สีรู่หยาที่อยู่ข้างๆ ยู่เฉิงไห้แทน “แล้วเจ้าล่ะ?”

สีรู่หยาเป็นผู้ที่นิ่งเงียบมาโดยตลอด ไม่มีใครรู้ว่าตัวเขากําลังคิดอะไรอยู่

สู่โจวได้อนุญาตให้สีรู่หยาออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้ามาเพียงเพราะตัวเขาต้องการจะดูว่าสีรู่หยาจะเลือกทางเลือกใด จากผลลัพธ์ที่ออกมาทุกอย่าง ดูเหมือนว่าสีรู่หยาจะตัดสินใจแล้ว

สีรู่หยายิ้มก่อนที่จะพูดออกมา “ตั้งแต่ที่ผู้อาวุโสมาเหยียบที่นี่ ข้าก็แน่ใจว่าท่านมีอะไรบางอย่างที่หมายตาไว้ มาฟังเงื่อนไขของผู้อาวุโสกันเถอะ”

ทุกคนหันมาสนใจจู่โจวอีกครั้ง สีรู่หยาพูดถูก ทุกคนจะลืมเรื่องที่สําคัญแบบนี้ไปได้ยังไงอย่าว่าแต่มณฑลจิงเลย ถ้าหากทุกคนได้รับความช่วยเหลือจากยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบพวกเขาจะต้องทําลายเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ได้แน่ แล้วเงื่อนไขใดกันที่จะสามารถตอบสนองกับยอดฝีมือเช่นนี้ได้?

มีบางอย่างผุดขึ้นในใจของยู่เฉิงไห่ ตัวเขารู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อมองไปยังชายชราคนนี้

“ข้าต้องการโลกทั้งใบ” สู่โจวพูดขึ้นมา

ทุกคนต่างก็ตื่นตกใจ

ความเงียบปกคลุมห้องโถงใหญ่ที่เคยครึกครื้น

หลังจากที่หยุดนิ่งไปนาน ในที่สุดยเฉิงไห่ก็พูดออกมา “ผู้อาวุโสสู่ ท่านกําลังล้อข้าเล่นสินะ?” ยู่เฉิงไห่พยายามทํางานอย่างหนักก็เพื่อพิชิตโลกใบนี้ สําหรับเขาแล้วคําพูดของผู้อาวุโสสู่คนนี้เป็น เหมือนกับคําเสียดสีตัวเขา

“ความต้องการและความทะเยอทะยานของข้าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอมา” ลูโจวพูดออกมาอย่างไม่แยแส

“ผู้อาวุโสสู่ แม้ว่าพลังวรยุทธของท่านจะลึกล้ําก็ตาม แต่อาจารย์ของข้า”

ทันทีที่ยู่เฉิงไห่พูดคําว่า “อาจารย์ของข้า” ลูโจวก็วางมือลงบนโต๊ะข้างๆ

แครัก!

โต๊ะตัวนั้นพังทลายไปในทันที

ทุกๆ คนถอยห่างด้วยความตกใจ

ลูโจวลุกขึ้นยืนก่อนที่จะมองไปที่ยู่เฉิงไห่ “เจ้าคู่ควรที่จะพูดถึงอาจารย์แล้วอย่างงั้นเหรอ?”

ยู่เฉิงไห่ถามออกมา “ทําไมท่านถึงได้พูดแบบนั้นกันผู้อาวุโสสู่?”

ทุกๆ คนถอยห่างไปอย่างลับๆ พวกเขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันแปลกประหลาดได้ในห้องโถง

กระบี่นิลโลหิตที่ถูกวางเอาไว้เริ่มส่งเสียงสั่นเครือขึ้น

สีหน้าของฮั่วจงหยางเปลี่ยนไป ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็เป็นผู้ที่พาชายชราคนนี้มา สุดท้ายแล้วเจ้าสํานักของเขาผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบจะเอาชนะผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้ยังไง? ฮั่วจงหยางไม่มีทางเลือกอื่น ตัวเขาคุกเข่าลงก่อนจะรีบพูดออกมา “ได้โปรดสงบใจลงก่อนท่านผู้อาวุโสลู่!”

สู่โจวไม่ได้สนใจฮั่วจงหยางอย่างสิ้นเชิง ตัวเขาเหลือบมองไปที่ยู่เฉิงไห่ น้ําเสียงที่ลูโจวใช้พูดออกมามันเต็มไปด้วยแรงกดดันอันมหาศาล “ถ้าหากเจ้าต้องการโลกใบนี้ ข้าเองก็ต้องการโลกใบนี้เช่นกัน ทําไมกันล่ะ? เจ้าลังเลที่จะละทิ้งความทะเยอทะยานที่เจ้ามีอย่างงั้นเหรอ?”

ยู่เฉิงไห้ไม่มีทางที่จะมอบผลงานที่ตัวเขาทุ่มเททํามาทั้งหมดให้กับคนอื่นไปแน่

สีรู่หยาพูดออกมาด้วยน้ําเสียงอันหนักแน่นแทน “ผู้อาวุโสสู่ท่านต้องการที่จะเป็นศัตรูกับศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างงั้นสินะ?”

สาวกสํานักอเวจีภายในห้องโถงใหญ่ต่างก็ชักดาบของตัวเองออกมา

ริมฝีปากของเฉินเหลียงสั่นเล็กน้อย ตัวเขารวบรวมความกล้าทั้งหมดก่อนจะพูดออกมา “ผู้อาวุโสลู่ ได้โปรดคิดทบทวนให้ถี่ถ้วนด้วย!”

ใครกันจะกล้าเป็นศัตรูกับศาลาปีศาจลอยฟ้าในตอนนี้?

สู่โจวได้ถามกลับมาแทน “แล้วถ้าหากข้าต้องการแบบนั้นล่ะ?”

ทันทีที่ลูโจวพูดจบกระบี่นิลโลหิตก็ได้พุ่งเข้าหามือของยู่เฉิงไห้ด้วยความเร็วสูง

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย