ตอนที่ 501 สะกดรอยเถาจืออวิ๋น

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 501 สะกดรอยเถาจืออวิ๋น

หลังจากไล่พ่อแม่ลูกตระกูลหม่าไปแล้ว แม่เถาและคนอื่นๆ ก็ยังเป็นห่วงสองแม่ลูกเถาจืออวิ๋น จึงให้พวกเขาอยู่ที่บ้านแม่สักสามสี่วัน

พี่ชายทั้งสองต่างก็มีลูกสองคนแล้ว บ้านหนึ่งห้องนอนครึ่งหนึ่งห้องนั่งเล่นอยู่ไปก็ไม่ได้กว้างขวางนัก

แต่บ้านสองห้องนอนของพ่อเถาแม่เถานั้น ต่อให้เถาจืออวิ๋นสองแม่ลูกจะอยู่ไปยาวๆ เลยก็ไม่มีปัญหา

เถาจืออวิ๋นให้ฉีฉีอยู่ที่บ้านแม่ไปชั่วคราวก่อน

เมื่อนึกถึงฟางจั๋วเยวี่ยที่ต้องมาบาดเจ็บเพราะตนแม่ลูกแล้ว เถาจืออวิ๋นก็รู้สึกผิดขึ้นมาอย่างมาก

เช้าตรู่วันต่อมา หล่อนจึงไปซื้อไก่ตัวหนึ่งที่ตลาดสดฝูตัวตัวมาเคี่ยวเป็นซุปไก่ แล้วจึงซื้อขนมจีบ เกี๊ยวนึ่งและเสี่ยวทังเปารวมทั้งซุปถั่วแดงที่ร้านเปาห่าวชือ ก่อนไปที่โรงพยาบาล

เมื่อวานเย็นครอบครัวของหม่าเทาไปขโมยมันเทศที่ชาวไร่ในหมู่บ้านกลางเมืองในละแวกใกล้เคียงปลูกไว้ พอกินจนอิ่มท้องแล้วก็นอนหลับอยู่ข้างถนนใหญ่ใกล้กับโรงพยาบาลผู่จี้คืนหนึ่ง

ถูกยุงในฤดูใบไม้ร่วงสุดร้ายกาจกัดจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ จนกระทั่งเช้ามืดถึงได้นอนหลับอย่างสงบอยู่ไม่กี่ชั่วโมง

หลังจากตื่นขึ้นมา ทั้งสามคนครอบครัวก็พากันไปบ้วนปากล้างหน้าที่โรงพยาบาลผู่จี้

แม้ตอนนี้พวกเขาจะตกต่ำจนมาอยู่ข้างถนน แต่ก็ไม่อยากขายหน้า ไม่อยากสกปรกกระเซอะกระเซิงจนถูกคนมองเป็นขอทาน ดังนั้นจึงต้องมาล้างหน้าสางผมสักครั้ง

ขณะที่ทั้งครอบครัวเดินมาถึงประตูใหญ่ของโรงพยาบาลผู่จี้ ก็เห็นเงาร่างของเถาจืออวิ๋นเดินเข้าไปในโรงพยาบาล

ในวันนี้เถาจืออวิ๋นสวมชุดเดรสตัวยาวสีเหลืองขมิ้นลายจุด ขับให้ผิวของหล่อนขาวราวหิมะ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น

แม่หม่าเห็นแล้วสีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งขึ้นมา “นังชั้นต่ำนี่ แต่งตัวสวยเช้งขนาดนี้แต่เช้า จะไปเจอใครกัน?”

ขณะที่พูดเช่นนั้น สายตาของนางก็สบไปเห็นกระบอกเก็บความร้อนและกล่องข้าวในมือของเถาจืออวิ๋น

ของที่อยู่ในกระบอกเก็บความร้อนและกล่องข้าวนั่นจะต้องเป็นของอร่อยแน่ๆ

แม้ว่าเมื่อคืนจะขโมยกินมันเทศไปแล้ว แต่มันเทศก็ไม่มีไขมัน ไม่อยู่ท้องเลยแม้แต่น้อย

นางหิวจนไส้กิ่วไปหมดมาตั้งนานแล้ว แค่คิดถึงของอร่อย ก็ยิ่งรู้สึกหิวจนท้องร้อง

หม่าเทาเองก็จ้องแผ่นหลังของเถาจืออวิ๋นจนตาไม่กะพริบเช่นกัน

เขารู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าเถาจืออวิ๋นหน้าตาสวย แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงรู้สึกว่าหล่อนยิ่งงดงามขึ้นไปอีก

เขาแอบกัดฟันอยู่ในใจ

นังสารเลวนี่ หนีเขาไปแล้ว นับวันยิ่งมีชีวิตชื่นมื่นขึ้นทุกวัน!

แต่เขากลับยิ่งสิ้นหวังเข้าไปทุกวัน มีสิทธิอะไร!

พ่อหม่าจ้องแผ่นหลังของเถาจืออวิ๋นเขม็ง ราวกับกำลังจ้องกระปุกเงินใบหนึ่ง ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความละโมบ “นังเลวนั่นจะต้องมาเยี่ยมคนไข้แน่นอนแปดสิบเปอร์เซ็นต์ พวกเราเฝ้าหล่อนอยู่ตรงนี้ รอหล่อนออกจากประตูโรงพยาบาลมาแล้ว เราก็ขวางหล่อนไว้ ต่อให้ต้องบังคับก็ต้องให้นังสารเลวนั่นแต่งงานใหม่กับลูกชายของเราให้ได้!”

แม่หม่าไม่เห็นด้วย นางอยากจะตามไปดูว่าคนไข้ที่เถาจืออวิ๋นจะไปเยี่ยมคือใครกันแน่

นางสงสัยว่าคนที่เถาจืออวิ๋นไปเยี่ยมจะต้องเป็นผู้ชายแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่แต่งตัวสวยหยาดเยิ้มแบบนี้หรอก

เดิมทีหม่าเทาก็ไม่ได้คิดไปทางนั้น

เขาแต่งงานใหม่มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่จนถึงตอนนี้เถาจืออวิ๋นก็ยังไม่เคยนัดดูตัวใหม่สักครั้ง เห็นได้ว่าหล่อนยังรักเขาและยังอาวรณ์เขาอยู่

ทว่าตอนนี้ได้ยินคำพูดของมารดา ทันใดนั้นเขาก็เริ่มกังวลว่าเถาจืออวิ๋นจะไปชอบคนอื่นเข้าแล้ว จึงอยากจะตามแม่หม่าไปแอบดูด้วยกันว่าเถาจืออวิ๋นไปเยี่ยมใครกันแน่

แน่นอนพ่อหม่าก็ไม่ยอมถูกทิ้งอยู่คนเดียว

ทั้งสามคนครอบครับหลบๆ ซ่อนๆ ตามอยู่ข้างหลังเถาจืออวิ๋น โดยที่เถาจืออวิ๋นกลับไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อย ขณะมุ่งตรงไปยังห้องผู้ป่วยของฟางจั๋วเยวี่ย

ฟางจั๋วหรานออกเวรกะดึกแล้วมาเยี่ยมฟางจั๋วเยวี่ย ก็เห็นอาหารเช้าที่เถาจืออวิ๋นเตรียมมาให้ฟางจั๋วเยวี่ย มันดียิ่งกว่าอาหารอยู่เดือนของหญิงที่เพิ่งจะคลอดลูกเสียอีก

ทั้งซุปไก่ ทั้งอาหารเช้าของร้านเปาห่าวชือ

เขาเหลือบมองเถาจืออวิ๋นอยู่สองสามครั้ง แล้วจึงแอบออกจากห้องผู้ป่วยไปอย่างเงียบๆ พลันเดินสวนกับครอบครัวตระกูลหม่าที่ซ่อนอยู่นอกห้องผู้ป่วยไป

ทว่าเขาไม่ได้มองพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ต่อให้มองแล้วก็ไม่รู้จักพวกเขาอยู่ดี

เถาจืออวิ๋นถามฟางจั๋วเยวี่ยด้วยความเป็นห่วงสองสามคำว่าเจ็บศีรษะหรือไม่ เมื่อคืนนอนหลับสบายหรือเปล่า แล้วจึงนำ“อาหารอยู่เดือน”วางไว้บนโต๊ะกินข้าวเล็กๆ บนเตียงของเขา

ฟางจั๋วเยวี่ยปากก็บอกว่าเขาไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้ายอะไรเสียหน่อย ไม่ต้องกินดีขนาดนี้ก็ได้ แต่ร่างกายนั้นซื่อสัตย์อย่างมาก ยกซุปไก่ขึ้นดื่มในทันที

แม่หม่าแอบมองอยู่นอกห้องผู้ป่วย เห็นเถาจืออวิ๋นวิ่งโร่มาหาผู้ชายแต่เช้าตรู่จริงๆ ตามคาด ก็โมโหปรี๊ดแตก

เมื่อเห็นว่าหล่อนยังเอาซุปไก่และของอร่อยๆ มากมายให้ผู้ชายคนนั้นหมด แต่กลับไม่กตัญญูต่อแม่สามีอย่างหล่อน ก็พลันเสียสติไม่สนสี่สนแปด บุกเข้าไปในห้องผู้ป่วยทันที

หล่อนชี้หน้าด่าเถาจืออวิ๋น “เจ้าข้าเอ๊ย นังหญิงร่านมั่วโลกีย์ ฉันก็ว่าทำไมแกถึงไม่ยอมแต่งงานซ้ำกับลูกชายของฉัน ที่แท้ก็มีผู้ชายหยาบช้านี่แล้วนี่เอง!”

ผู้ป่วยในห้องเดียวกันและญาติทั้งหมดต่างก็มองพินิจเถาจืออวิ๋นและฟางจั๋วเยวี่ยด้วยสายตาพิกล

เถาจืออวิ๋นเลือดขึ้นหน้าจนแดงผ่าวทันใด

โชคดีที่เธออยู่กับหลินม่าย คนใกล้ชาดย่อมติดสีแดง ไม่ได้ปวกเปียกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

พลันพูดตอบโต้ขึ้นทันที “คุณลองด่าฉันว่าหญิงร่านอีกสักครั้งดูสิ ฉันจะส่งคุณให้ตำรวจเสียเลย! ลูกชายของคุณต่างหากที่มั่วโลกีย์แล้วหย่ากับฉันแท้ๆ แต่คุณยังจะมาหาเรื่องฉันถึงที่นี่ ไม่มีจิตสำนึกบ้างเหรอ?”

พูดถึงตรงนี้ หล่อนก็จงใจแค่นหัวเราะอย่างเย็นชาเล็กน้อย “อ้อฉันเกือบจะลืมไปแล้ว ว่าพวกคุณมันจิตใจไร้มโนธรรมกันทั้งบ้าน!”

“ใครไร้มโนธรรมกัน?”

“พวกคุณทั้งบ้านนั่นแหละ!” แม้แม่หม่าจะทำท่าทางดุร้าย แต่เถาจืออวิ๋นไม่กลัวนางเลยสักนิด

เมื่อก่อนหล่อนเองก็ไม่เคยกลัวแม่มดเฒ่านี่อยู่แล้ว เพียงแต่เพราะชอบไอ้เลวหม่าเท่านั้นถึงได้ยอมกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อรักษาหน้าทุกฝ่าย ยอมอ่อนข้อให้นางทุกทาง

แน่นอนว่า ยังไว้เหตุผลที่หล่อนไม่อยากเสียหน้า ไม่ชอบทะเลาะกับคนอื่นด้วย

ทว่าหล่อนในตอนนี้ไม่ห่วงหน้าตาตัวเองแล้ว กับหม่าเทาเองก็ตัดขาดกันแล้ว หล่อนจะไม่ทนยอมให้แม่มดเฒ่านี่อีกแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว

หล่อนจ้องหน้าแม่เถาอย่างโกรธเกรี้ยว “เมื่อก่อนพวกคุณทั้งบ้านทำกับฉันไว้ยังไง คุณลืมไปหมดแล้วเหรอ? กลัวว่าลูกชายของคุณจะเอาเงินมาเลี้ยงฉันสองแม่ลูก เลยเอาเงินเดือนของเขาไปหมด ฉันไม่เพียงต้องเลี้ยงลูกของฉัน ยังต้องเลี้ยงลูกชายของคุณด้วย ถ้านี่ไม่ใช่ไร้มโนธรรมแล้วคืออะไร? ว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ลูกชายของคุณน่ะไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นพ่อของเด็ก ฉันเลี้ยงเขามันก็เหลือทนมากแล้ว แต่พวกคุณผู้อาวุโสทั้งสองมักจะมาขอเงินฉันอยู่เสมอมันความหมายว่ายังไง? พอให้ช้าหน่อย คุณก็ด่าทอต่อว่า มีสิทธิอะไรมาด่าฉันกัน?”

แม่หม่าพูดอย่างมีเหตุผลที่จะพูดได้เต็มปาก “ก็เธอเป็นลูกสะใภ้ของฉัน เราจะขอเงินจากเธอมันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ?”

เถาจืออวิ๋นย้อนถาม “งั้นทำไมคุณไม่ไปขอจากลูกสะใภ้คนปัจจุบันของคุณเสียล่ะ? พวกคุณยังเคยช่วยหล่อนเลี้ยงลูกชู้ที่หล่อนมีกับผู้ชายคนอื่นอยู่เลย!”

ผู้ป่วยในห้องเดียวกันฟังมาถึงตรงนี้ ก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ทุกคนต่างใช้สายตาแปลกประหลาดมองไปยังแม่หม่า

ในใจคิดว่า ครอบครัวนี้คงจะป่วยจิตขั้นร้ายแรงแล้วสินะ

ลูกสะใภ้ดีๆ ไม่ดูแลให้ดี กลับอยากแต่งหญิงมั่วโลกีย์มาเป็นสะใภ้หัวแก้วหัวแหวน

แม่หม่ากลอกตา “ลูกชายฉันไล่นังหญิงร่านนั่นไปแล้วไม่ใช่หรือไง เธอยังจะไม่พอใจอะไรอีก เธอกลับไปเดี๋ยวนี้เลย เอาสมุดทะเบียดบ้านมา แล้วไปแต่งงานซ้ำกับลูกชายฉันที่สำนักกิจการพลเรือนซะ”

เถาจืออวิ๋นพูดอย่างเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ฉันมีแฟนหนุ่มแล้วล่ะค่ะ”

หล่อนชี้ไปที่ฟางจั๋วเยวี่ย แล้วพูดแทงใจทุกถ้อยกระทงความ “เขาก็คือแฟนหนุ่มของฉัน ภูมิหลังเขาเป็นลูกชายข้าราชการชั้นสูง ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่เทคนิคในโรงงาน แถมหน้าตาก็หล่อเหลากว่าลูกชายของคุณด้วย ลูกชายคนนั้นของคุณที่แม้แต่งานการก็ไม่มีทำ หน้าตาก็ดีกว่าอู่ต้าหลาง(1)แค่นิดหน่อย เอาอะไรมาสู้เขาได้? ต่อให้ฉันจะสมองเบลอขาดสติ ก็ไม่มีทางแต่งงานซ้ำกับลูกชายคุณแน่ คุณอย่าหวังเพ้อเจ้อเลย!”

ไม่เพียงแม่เถาเท่านั้นที่ได้ยินแล้วควันออกหู แม้แต่หม่าเทาพ่อลูกที่ซ่อนตัวอยู่นอกห้องผู้ป่วยเองก็โมโหจนหายใจหนักหน่วง

โดยเฉพาะหม่าเทาที่แทบอยากจะพุ่งเข้ามาถามเถาจืออวิ๋นในห้องผู้ป่วย ว่าพวกเขาเพิ่งหย่ากันได้ไม่กี่เดือน หล่อนก็เปลี่ยนใจเสียแล้ว หล่อนสำส่อนถึงขนาดนี้เลยเชียวเหรอ!

แต่เขาก็ไม่กล้า เพราะกลัวจะก่อเรื่องฉาวโฉ่เกินไป แล้วทางโรงพยาบาลจะเรียกเจ้าหน้าที่รปภ.ส่งเขาไปโรงพัก ซึ่งเขาคงต้องถูกขังอีกหลายวัน

เขาเคยอยู่ในสถานกักขังมาสองครั้งแล้ว ทุกๆ ครั้งล้วนถูกอันธพาลทำร้ายจนเจ็บปวดไปทั่วร่าง

เขาถูกทุบตีจนหวาดระแวงไปหมดแล้ว

ในห้องผู้ป่วย เถาจืออวิ๋นเปิดเผยความจริงอย่างแทงใจดำ “ที่คุณอยากให้ฉันแต่งงานซ้ำกับลูกชายคุณอีก เพราะหญิงมั่วโลกีย์คนนั้นที่ลูกชายคุณแต่งงานด้วยเห็นว่าลูกชายคุณมีประวัติ หล่อนเห็นท่าไม่ดีเลยหอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดของบ้านคุณชิ่งหนีไปสินะ พอบ้านของพวกคุณไม่มีแหล่งทำเงินแล้วต้องอยู่ในเมืองต่อไปวันๆ ถึงได้เล็งเป้ามาที่ฉัน อยากจะให้ฉันแต่งงานซ้ำกับลูกชายคุณ เลี้ยงพวกคุณทั้งครอบครัวไม่ใช่เหรอ? อย่างกับว่าคนอื่นจะดูไม่ออกว่าครอบครัวเดรัจฉานอย่างพวกคุณมีแผนอะไรอยู่อย่างนั้นแหละ”

แม่หม่าถูกเถาจืออวิ๋นแฉเบื้องหลังทั้งหมดออกมาแล้วก็พลันโมโหด้วยความอับอาย เงื้อฝ่ามือขึ้นคิดจะตบเถาจืออวิ๋น “ฉันปล่อยให้แกพูดเหลวไหลมานานแล้ว ฉันจะตบนังสารเลวอย่างแกให้ตายเสีย!”

ฝ่ามือของนางยังไม่ทันได้แตะต้องแม้แต่เส้นผมสักเส้นของเถาจืออวิ๋น ก็ถูกฟางจั๋วเยวี่ยถีบกระเด็นจากบนเตียง ล้มคะมำลงกับพื้นอย่างแรง

ฟางจั๋วเยวี่ยชักสีหน้าเย็นชา ชี้ไปที่แม่หม่าพลางพูด “ก็ลองแตะต้องแฟนผมดูสิ!”

ในเวลานั้นเอง พยาบาลคนหนึ่งก็เข้ามาวัดอุณหภูมิให้ผู้ป่วย

เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ปฏิกิริยาแรกก็คือรีบพุ่งไปยังห้องทำงานพยาบาลแล้วโก่งคอตะโกน “หัวหน้าพยาบาลคะ มีคนก่อความวุ่นวายค่ะ!”

………………………………………………………………………………………………………………………….

(1)อู่ต้าหลาง เป็นตัวละครหลักในนวนิยายจีนคลาสสิกเรื่อง บุปผาในกุณฑีทอง (The Plum in the Golden Vase : 金瓶梅) มีรูปลักษณ์เป็นชายร่างเตี้ยหน้าตาอัปลักษณ์

สารจากผู้แปล

วอนโดนทุบทั้งครอบครัวแล้วล่ะมั้งสามคนนี้ เขาจะมีแฟนใหม่มันก็เรื่องของเขาไหม น่าส่งเข้าคุกแบบขังลืมยาวๆ ไม่ให้มาก่อความวุ่นวายอีกนะ

ไหหม่า(海馬)