บทที่ 498 มังกรหื่น
บทที่ 498 มังกรหื่น
เจิ้งตานพูดไม่ออก
มังกรตัวนี้น่ารังเกียจเกินไปไหม? อย่างไรก็ตาม ความสนใจทั้งหมดของหญิงสาวได้มุ่งความสนใจไปที่คำว่า ‘ซูอันตายไปแล้ว’ หัวใจของนางแทบจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ในทันที
แม้แต่นางเองก็ไม่สามารถต่อสู้กับความแข็งแกร่งของมังกรตัวนี้ได้ นับประสาอะไรกับซูอันที่อ่อนแอกว่านาง
“ทำไมเจ้าไม่ต่อต้านเลย? ยิ่งดิ้นรนเท่าไหร่ราชันองค์นี้ก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น!” มังกรแดงค่อนข้างไม่พอใจ มันยกกรงเล็บ เฉือนกระโปรงของนางอย่างง่ายดาย
กระโปรงของนางดูราวกับถูกตัดด้วยใบมีดที่คมอย่างน่าเหลือเชื่อ เผยให้เห็นต้นขาที่ขาวราวหิมะของนาง
“น่ารังเกียจ!” การได้รู้ว่าซูอันตายไปแล้ว ทำให้สติของนางฟื้นคืนมาได้เล็กน้อยแม้จะมีผลของยา การแสดงออกทั้งหมดของนางเต็มไปด้วยความอับอายและขุ่นเคือง
น่าเสียดายที่เมื่อเผชิญหน้ากับมังกรยักษ์นี้ ความแข็งแกร่งของนางไม่ต่างอะไรกับมด นางคิดที่จะเรียกพลังธาตุของตัวเอง แต่มังกรตัวนี้น่าจะเป็นธาตุไฟ ถ้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยธาตุไฟที่รุนแรง นางจะพบแหล่งพลังของธาตุน้ำที่ตัวเองสามารถใช้ได้ที่ไหน?
“ฮ่า ๆ ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ น่าสนใจมากขึ้นแล้ว” มังกรยักษ์ตัวนั้นคำรามด้วยเสียงหัวเราะเมื่อเห็นเจิ้งตานดิ้นรน
“สาวงามของข้า โปรดรอข้าสักหน่อย ข้าจะสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้เมื่อข้าปรับแต่ง ‘ดวงแก้วผู้รอบรู้’ เสร็จสมบูรณ์ จากนั้นข้าจะถ่ายเทความรักของข้าให้ทั่วร่างกายเจ้า” มังกรแดงวางเจิ้งตานไว้ที่มุมถ้ำ มันปล่อยลมหายใจที่ก่อตัวเป็นหมอกได้อย่างรวดเร็วปกคลุมรอบตัวนางซึ่งทำให้นางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
อันที่จริงนี่เป็นการระวังที่ไม่จำเป็นอย่างยิ่ง ผลของยาในร่างกายของ เจิ้งตานถูกกระตุ้นอย่างเต็มที่ มีเพียงความคิดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ ซูอันเท่านั้นที่ช่วยให้นางยังคงมีสติอีกครั้ง ไม่มีทางที่นางจะขยับร่างกายได้ในตอนนี้
มังกรแดงพยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นนางนอนอยู่ตรงมุมห้องอย่างเชื่อฟัง มันมุ่งความสนใจไปที่การปรับแต่งลูกแก้วที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ในขณะเดียวกันที่นอกถ้ำ ร่างกายของซูอันที่นอนนิ่งอยู่ ทันใดนั้นนิ้วของเขาก็กระตุก และสติค่อย ๆ กลับคืนสู่ร่างกายของเขา
ภายใต้ความเจ็บปวด ซูอันกัดฟัน ใบหน้าของชายหนุ่มบิดเบี้ยว เขาไม่รู้ว่ากระดูกของตัวเองหักไปกี่ชิ้นแล้ว
“เจ้าควรจะดีใจ ถ้าร่างกายของเจ้าไม่ได้ถูกปรับแต่งใหม่โดยวิชาปฐมบทแรกเริ่ม ตอนนี้เจ้าก็คงกลายเป็นเนื้อบดไปแล้ว” หมี่ลี่กล่าว “ฮึ่ม อยากทำเก่งต่อหน้าผู้หญิง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองอ่อนแอไม่ต่างกับมด น่าขำสิ้นดี!” ดูเหมือนนางจะยินดีในความทุกข์ยากของเขา
ซูอันหายใจเข้าลึกเพื่อทนความเจ็บปวด “เจ็บปวดแค่นี้ มันยังไม่เท่าตอนที่ท่านทุบตีข้าหรอก!”
หมี่ลี่ไม่โต้ตอบ
นางนึกย้อนกลับไปถึงตอนที่นางโจมตีเขาอย่างไม่รู้จบ แต่เขาก็ลุกขึ้นมาอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ในตอนนั้นร่างกายของไอ้เด็กนี่เต็มไปด้วยเลือด ทุกตารางนิ้วของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดเล็กน้อย
ซูอันหันกลับไปทางถ้ำ “พี่หญิงใหญ่ ท่านเอาชนะมังกรตัวนั้นได้ไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
หมี่ลี่ส่ายหัว “ความแข็งแกร่งของข้าลดลงอย่างมหาศาลหลังจากที่ข้ากลายเป็นร่างวิญญาณ ผลของ ‘น้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียง’ ก็รุนแรงเกินไปซึ่งมันส่งผลกระทบต่อจิตวิญญาณของข้าด้วย แค่การชำระล้างผลของ ‘น้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียง’ เพียงอย่างเดียวก็เต็มกลืนแล้ว ดังนั้นข้าไม่สามารถทำอะไรกับมังกรตัวนั้นได้
“หรือต่อให้ข้ามีวิธีกำจัดมังกรตัวนั้น ข้าก็จะไม่ทำ ทำไมข้าต้องยอมเสียพลังของข้าไปเปล่า ๆ หรือบางทีข้าอาจได้รับบาดเจ็บด้วยซ้ำเพื่อผู้หญิงที่ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องด้วย?”
จากน้ำเสียงของนาง ซูอันสามารถบอกได้ว่านางน่าจะมีวิธีจัดการกับมังกรตัวนั้นจริง ๆ เขากำลังจะพูด แต่นางพูดตัดบทเขา “อย่าใช้มุกบอกข้าว่าเจ้าจะฆ่าตัวตายหรืออะไรก็ตาม ถ้าข้าไม่ช่วยนาง ข้า หมี่ลี่ อดีตจักรพรรดินีเป็นผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวมาโดยตลอด ข้าไม่เคยกลัวการถูกคุกคาม!”
หมี่ลี่พ่นลมหายใจอย่างเย้ยหยัน “ขืนข้ายอมให้เจ้าบีบบังคับทุกครั้ง ข้าก็คงไม่มีทางฟื้นกำลังของตัวเอง ซึ่งถ้าหากเป็นแบบนั้น ข้ายอมตายให้มันจบเรื่องไปดีกว่า”
ซูอันยิ้มด้วยความเขินอาย “เปล่า ข้าไม่ได้คิดจะขู่ท่านสักหน่อย”
หมี่ลี่บ่น “ใครจะไปคิดว่าผู้ชายธรรมดาอย่างเจ้าจะเป็นคนบ้าผู้หญิงแบบนี้! ก่อนหน้านี้เจ้าก็เพิ่งยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อช่วยภรรยาของเจ้า และจากนั้นไม่นานเจ้าก็นอนกับหญิงเผ่าเอลฟ์คนนั้น! เวลาผ่านไปนานแค่ไหนตั้งแต่นั้นมา? แล้วตอนนี้เป็นยังไง เจ้ามายุ่งกับผู้หญิงคนอื่นอีกแล้ว?”
ซูอันถอนหายใจ “ข้าจะไปทำอะไรได้? โชคของข้าต่อผู้หญิงมีมากเกินไป บางครั้งข้าก็หมดหนทางจริง ๆ!”
หมี่ลี่ไม่มีอะไรจะพูดกับเขา
ถ้านางไปเจอคนแบบนี้ในขณะที่นางยังเป็นจักรพรรดินีอยู่ นางคงสั่งการให้ ‘ตอน’ เขาทันที
ซูอันพยายามคืบคลานวิชาปฐมบทแรกเริ่มได้เพิ่มความสามารถในการฟื้นฟูของเขาให้มากกว่าคนทั่วไป แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ฟื้นฟูได้ถึงระดับที่พอจะเคลื่อนไหวได้แล้ว
หมี่ลี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นเขาคลานไปทางปากถ้ำ “เจ้าทำบ้าอะไร? เจ้าจะทิ้งชีวิตของเจ้าเพื่อผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ เหรอ?”
ไม่มีสักคนเดียวที่เข้าใจความแข็งแกร่งของซูอันได้ดีไปกว่านาง แม้ว่าจะมีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย แต่ก็ไร้ความหมายเมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง
“ไม่ต้องห่วง ข้ามีแผน” ซูอันกล่าวอย่างใจเย็น
เขาต้องช่วยเจิ้งตาน นางจะตายถ้าเขาปล่อยให้นางอยู่กับมังกรนั่น
เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับความใคร่ของมังกรจากบันทึกของสถาบันจันทร์กระจ่าง แม้ชายหนุ่มจะไม่เข้าใจว่าเจิ้งตานกับมังกรจะทำอะไรกันได้บ้าง แต่เมื่อพิจารณาจากขนาดที่ต่างกัน ไม่มีทางที่เขาจะทนเห็นเจิ้งตานพบกับจุดจบที่น่าเศร้าแบบนั้น
“เกิดอะไรขึ้นมาข้าไม่ช่วยเจ้านะ!” หมี่ลี่ขมวดคิ้วด้วยความโกรธ แม้นางจะพูดเช่นนี้ นางก็ยังคงตามไปด้วยความเป็นห่วง
ซูอันเปิดใช้งานวิชาบังบดเร้นซ่อน ซึ่งชิวฮัวเล่ยมอบให้เขา กลิ่นอายและคลื่นพลังของเขาจางลงเรื่อย ๆ จนไม่มีใครสามารถรับรู้ตัวตนของเขาได้
หมี่ลี่รู้สึกตกใจ ผู้ชายคนนี้เรียนรู้เคล็ดวิชาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เขาอยู่ตรงหน้านางอย่างชัดเจน แต่นางกลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงเขาเลย! แม้แต่กับผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงอย่างนาง นางก็ยังต้องทำสมาธิแล้วจ้องมองเขาหลายครั้งก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเขา
ซูอันไปถึงปลายอุโมงค์อย่างเงียบ ๆ แต่ไม่ได้ไปต่อ
แม้ว่าวิชาบังบดเร้นซ่อนจะสามารถซ่อนคลื่นพลังของเขาได้ แต่ก็ไม่สามารถปกปิดร่างกายของตัวเองได้ ถ้ามังกรแดงตัวนั้นเห็นเขา ทุกอย่างก็ไม่ต่างจากเดิม
ชายหนุ่มตรวจสอบบริเวณโดยรอบอย่างรอบคอบ มังกรแดงยังคงบินรอบลูกแก้วประกายระยิบระยับอย่างต่อเนื่อง
“หืม? ลูกแก้วนั่นของดีนี่นา” หมี่ลี่มองลูกแก้วนั้นอย่างครุ่นคิด
ซูอันไม่ได้สนใจลูกแก้วนั่นเลยสักนิดในตอนนี้ ความคิดคำนึงทั้งหมดของตัวเองอยู่ที่ความปลอดภัยของเจิ้งตาน
ในที่สุดเขาก็เห็นมุมที่เจิ้งตานกำลังนอนอยู่ ดูเหมือนว่านางจะยังคงไม่เป็นไรในตอนนี้
“เจ้าต้องการที่จะช่วยนาง?” หมี่ลี่อดไม่ได้ที่จะถาม ในความเห็นของนาง เรื่องนี้มันคือการรนหาที่ตาย
ซูอันไม่ตอบ เขาถอยกลับอย่างเงียบ ๆ
เมื่อพวกเขากลับมาข้างนอก ซูอันเอ่ยขึ้น “ข้าจะหาคนมาช่วย!”
“ตอนนี้เราอยู่ในถิ่นทุรกันดาร! จะหาใครได้ที่ไหน?” หมี่ลี่ถามด้วยความสงสัย
รอยยิ้มซุกซนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูอัน “มีคนอยู่แถวนี้แน่นอน!”
เฉินเซวียนและเหล่าคนของกลุ่มวาฬไงล่ะ!
เฉินเซวียนออกตามหาเขาอยู่พอดี และซูอันก็ต้องการจัดการกับภัยคุกคามอย่างมหาโจรผู้นี้มาตลอด แต่ก็ไม่เคยมีโอกาส
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดโอกาสอันยิ่งใหญ่ก็มาถึง!
สำหรับหลิวชานและผู้ทรยศคนอื่น ซูอันมั่นใจว่าเจิ้งตานไม่ต้องการให้พวกเขามีชีวิตอยู่ หลังจากที่พวกเขาได้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของนาง
แน่นอน จากมุมมองของชายหนุ่มเอง มันคงเป็นการดีที่สุดที่จะปล่อยให้คนของกลุ่มวาฬรอดสักหนึ่งหรือสองคน เพื่อเก็บเอาไว้เค้นข้อมูลและช่วยตระกูลฉู่จัดการกับพวกลักลอบขายเกลือเถื่อนที่เหลือ
ทว่าเขาไม่สามารถคาดหวังอะไรได้มากนักตอนนี้ ซูอันจะปล่อยให้โชคชะตาตัดสินเอาเองว่า คนทรยศเหล่านี้ควรมีชีวิตอยู่หรือไม่?