ตอนที่ 512 หลงกลเข้าแล้ว!
ก่วนฟางอี๋ก็ตกใจกับวาจาอาจหาญนี้เช่นกัน
หวงทงชะงักเท้าทันที
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยต่อไปว่า “ผู้อาวุโสหวงมาเพื่อขอเข้าพบผู้นำหกสำนักใหญ่แห่งแคว้นเยี่ยนและแคว้นหานกระมัง? ขออภัยที่ต้องพูดตามตรง จะเข้าพบหรือไม่ก็ไม่มีความหมายนัก ต่อให้ผ่านตอนนี้ไปได้ แล้วในอนาคตเล่า? ไม่ว่าจะเป็นแคว้นเยี่ยนหรือว่าแคว้นหาน ไม่ช้าก็เร็วคงลงมือกับเป่ยโจวเข้าสักวัน ถึงจะถ่วงรั้งไปได้สักระยะ แต่ก็รั้งไว้ไม่ได้นานอยู่ดี สองพ่อลูกสกุลเซ่าถือเป็นคนทรยศสำหรับทั้งแคว้นเยี่ยนและแคว้นหาน แต่ยงผิงจวิ้นอ๋องกลับต่างกันออกไป เขาเป็นเชื้อพระวงศ์สายใน สืบสายเลือดราชสกุลซาง ราชสำนักแคว้นเยี่ยนประกาศแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการมณฑหนานโจวอย่างเป็นทางการ มีอำนาจในมณฑลหนานโจวอย่างชอบธรรม! หากสำนักเขามหายานร่วมมือกับข้า มีอำนาจของยงผิงจวิ้นอ๋องคอยสนับสนุน หนานโจวก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว ส่วนดินแดนข้อพิพาทอย่างมณฑลเป่ยโจว ไม่เอาก็ไม่เป็นไร ข้าพูดจากใจจริง หวังว่าสำนักเขามหายานจะเก็บไปพิจารณา”
วาจานี้ขนาดโฉวซานฟังแล้วก็ค่อนข้างใจสั่นขึ้นมา แอบเหลือบมองหวงทงเงียบๆ แวบหนึ่ง
แววตาก่วนฟางอี๋วาววับ
หวงทงขยับศีรษะเล็กน้อย คล้ายต้องการจะหันกลับมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้หันกลับมา สาวเท้าเดินหน้าต่อไป
พอมองเห็นทั้งกลุ่มเดินจากไปไกลแล้ว ก่วนฟางอี๋หันไปมองหนิวโหย่วเต้า เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยวเล็กน้อยว่า “เจ้าคนชั่ว!”
หนิวโหย่วเต้าถาม “ข้ามิได้ล่วงเกินเจ้ากระมัง?”
ก่วนฟางอี๋เอ่ยว่า “ยังไม่ยอมรับอีกหรือ เจ้ากำลังแอบดึงคนของฝั่งเซ่าผิงปออยู่ชัดๆ หากเซ่าผิงปอรู้เข้าคงกระอักเลือดด้วยความโมโห”
หนิวโหย่วเต้าถอนหายใจเอ่ยไปว่า “ไหนเลยจะดึงตัวมาได้ง่ายขนาดนั้น สำนักเขามหายานรวมถึงตระกูลเซ่าเหยียบเรือสองแคม ล่วงเกินสามสำนักใหญ่แห่งแคว้นเยี่ยนไปนานแล้ว หากสามสำนักใหญ่ไม่เห็นด้วย ถึงพวกเขาอยากจะมาหนานโจวก็มาไม่ได้อยู่ดี”
ก่วนฟางอี๋แปลกใจ “เจ้าอยากจะร่วมมือกับสำนักเขามหายานเพื่อขับไล่สำนักหยกสวรรค์มิใช่หรือ?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ สำนักเขามหายานอยู่ในหนานโจวกับสำนักหยกสวรรค์อยู่ในหนานโจวมีอันใดแตกต่างกันเล่า? หากสำนักเขามหายานได้เข้าแทนที่สำนักหยกสวรรค์ในหนานโจวจริงๆ ก็จะพุ่งเป้ามาที่ข้าเช่นกัน มีเรื่องสำนักหยกสวรรค์เป็นบทเรียนแล้ว บางทีคงลงมือโหดเหี้ยมกว่าด้วยซ้ำ!”
ก่วนฟางอี๋สงสัย “เช่นนั้นไยเจ้ายังพูดอีก?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ก็พูดๆ ไปเท่านั้น ถึงอย่างไรก็ว่างๆ อยู่”
“…..” ก่วนฟางอี๋พูดไม่ออก นี่เจ้าเรียกว่าอยู่ว่างๆ อย่างนั้นหรือ?
….
“หนิวโหย่วเต้าพูดเช่นนี้หรือ?”
ภายในตำหนัก ซีไห่ถังที่ได้รับรายงานหันมาด้วยความแปลกใจ
โฉวซานพยักหน้า “ข้าได้ยินมากับหูเลยขอรับ ใช่แล้ว หวงทงขอเข้าพบผู้นำหกสำนักใหญ่ ล้วนถูกปฏิเสธทั้งสิ้น ไม่มีผู้ใดยอมพบเขาขอรับ”
ซีไห่ถังเอ่ยว่า “เป่ยโจวเหยียบเรือสองแคม ใช้ประโยชน์จากทั้งสองแคว้นมาคานอำนาจกัน ล่วงเกินหกสำนักใหญ่มานานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นผู้มาก็เป็นเพียงผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักเขามหายานเท่านั้น ไหนเลยจะได้เข้าพบผู้นำหกสำนักง่ายๆ หกสำนักใหญ่จะไม่ไว้หน้าก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจกันได้ แต่หนิวโหย่วเต้าผู้นี้อยู่ที่หนานโจว ไฉนจึงขัดแย้งกับเป่ยโจวได้เล่า? หนานโจว เป่ยโจว สำนักหยกสวรรค์ สำนักเขามหายาน หนิวโหย่วเต้า เฉินถิงซิ่ว ตอนนี้มีหวงทงเพิ่มเข้ามาอีก หนิวโหย่วเต้าเข้าพบหกสำนักใหญ่ เฉินถิงซิ่วตายแล้ว สำนักเขามหายานก็มาขอเข้าพบหกสำนักใหญ่อีก ระหว่างคนเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องอันใดอยู่หรือไม่? สรุปแล้วนี่คือการแย่งชิงอำนาจในหนานโจวหรือว่าการขยายไปแย่งชิงอำนาจเป่ยโจวกันเล่า? เหตุใดข้าชักจะสับสนขึ้นมาแล้ว?”
โฉวซานส่ายหน้า “หนิวโหย่วเต้าและตระกูลเซ่าแห่งเป่ยโจวดูเหมือนจะเคยมีเรื่องกันเล็กน้อย ไม่ค่อยทราบแน่ชัด สำนักหมื่นสรรพสัตว์ของพวกเราทำการค้ากับคนทั่วหล้า เข้าไปยุ่งกับเรื่องเหล่านี้น้อยมาก”
ซีไห่ถังรู้สึกสะท้อนใจ “นั่นสิ ดินแดนในใต้หล้าก็มีอยู่เท่านั้น คนเหล่านี้ต่อสู้ฆ่าฟันกัน ก่อหายนะให้สรรพสิ่ง แย่งชิงกันไปแย่งชิงกันมาไม่รู้จบ มีหลายสำนักที่ผงาดขึ้นมาแต่ก็โรยราไป สำนักหมื่นสรรพสัตว์ของพวกเราคอยเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอันใด เพียงแต่พากันแห่มาที่สำนักหมื่นสรรพสัตว์เขา แบบนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน เห็นสำนักหมื่นสรรพสัตว์เราเป็นสนามรบชิงอำนาจอย่างนั้นหรือ?”
….
หวงทงเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในลานเรือน จิตใจหนักอึ้ง ถูกหกสำนักใหญ่ปฏิเสธคำขอเข้าพบ ไม่ทราบสถานการณ์แน่ชัด
แต่เรื่องราวก็ไม่เหนือไปจากที่คาดการณ์ไว้ จดหมายที่ตอบกลับมาจากทางสำนักก็บอกเอาไว้แล้วว่าเจ้าสำนักหวงเลี่ยกำลังเดินทางมาด้วยตัวเอง
ตอนนี้ในสมองเขายังคงมีคำพูดของหนิวโหย่วเต้าผุดขึ้นมาอยู่เป็นระยะ ดูเหมือนจะมีเหตุผลพอสมควร หนิวโหย่วเต้าตั้งใจเอ่ยถึงเรื่องนี้มีเจตนาเช่นใดกัน?
….
ณ จวนผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว นอกโถงว่าราชการ ผู้บำเพ็ญเพียรกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกัน
เจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในห้องโถงเดินออกมาอย่างระมัดระวังคนแล้วคนเล่า เงยหน้ามองผู้บำเพ็ญเพียรที่ถือกระบี่ไว้ในมือเหล่านี้เป็นครั้งคราว
ภายในโถงว่าราชปลอดคนแล้ว
เมื่อเห็นจงหยางซวี่เดินเอื่อยๆ เข้ามา เซ่าผิงปอที่จัดการเอกสารราชการอยู่ก็ลุกขึ้นมาจากหลังโต๊ะ เดินอ้อมโต๊ะตัวยาวออกมา ประสานมือเอ่ยไปว่า “ท่านลุง นี่มันเรื่องใดกันขอรับ?” เขาชี้ไปยังรอบข้างที่ว่างเปล่า
เซ่าซานเสิ่งที่อยู่ด้านข้างเงียบกริบ 艾琳小說
จงหยางซวี่จ้องมองเขาอย่างเย็นชา “เตือนปากเปียกปากแฉะแล้วไยไม่รู้จักฟัง?”
เซ่าผิงปอดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจ “เหตุใดท่านลุงจึงเอ่ยเช่นนี้? หลานไม่เข้าใจ โปรดชี้แจงด้วยเถิดขอรับ”
จงหยางซวี่กล่าวว่า “นี่เจ้าแสร้งทำตัวเลอะเลือนกับข้าอย่างนั้นหรือ?”
ข่าวแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว มีเสียงอึกทึกแว่วขึ้นนอกประตู เซ่าเติงอวิ๋นได้ข่าวก็รีบมาอย่างรวดเร็ว จงหยางซวี่หันไปมองเล็กน้อย
เมื่อเซ่าเติงอวิ๋นมาถึงก็ประสานมือเอ่ยถาม “จงซยง เหตุใดถึงระดมกำลังคน?”
จงหยางซวี่พยักพเยิดหน้าไปทางเซ่าผิงปอ “เจ้าลองถามบุตรชายเจ้าถึงเรื่องงามหน้าที่ก่อเอาไว้จะดีกว่า”
เซ่าเติงอวิ๋นที่จอนผมหงอกขาวมองไปที่บุตรชาย เอ่ยถามออกไป “เกิดอะไรขึ้น?”
เซ่าผิงปอประสานมือตอบว่า “ท่านพ่อ ลูกก็ไม่ทราบเช่นกัน กำลังขอคำชี้แจงจากท่านลุงอยู่ขอรับ”
เซ่าเติงอวิ๋นขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเข้าใจเช่นกัน
จงหยางซวี่ถามออกมาในทันใด “เคยเตือนเจ้าไปแล้วมิใช่หรือว่าไม่ให้ไปหาเรื่องหนิวโหย่วเต้าอีก?”
เซ่าผิงปอตอบว่า “หลานพึงจดจำขึ้นใจเสมอมา!”
จงหยางซวี่เอ่ยว่า “จดจำขึ้นใจหรือ? ส่งคนไปลอบสังหารหนิวโหย่วเต้าที่เมืองวั่นเซี่ยง จากนั้นก็สมคบกับสำนักหยกสวรรค์แห่งหนานโจวตามไล่ล่า นี่คือการจำขึ้นใจของเจ้าหรือ? เจ้าเมินเฉยต่อคำสั่งของสำนักเขามหายานซ้ำแล้วซ้ำเล่า คิดว่าเป่ยโจวขาดเจ้าไม่ได้ จึงไม่กล้าแตะต้องเจ้าอย่างนั้นเรอะ?”
เซ่าเติงอวิ๋นจ้องมองบุตรชายทันที เซ่าผิงปอเอ่ยอย่างแปลกใจ “ท่านลุงไปเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหนขอรับ ไปได้ข่าวเท็จจากที่ใดมา?”
จงหยางซวี่เอ่ยว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจว่าไปได้ข่าวมาจากไหน ข้าขอถามเจ้าเพียงว่า เจ้าทำจริงหรือไม่?”
พอเซ่าผิงปอเห็นท่าทางที่อีกฝ่ายแสดงออกมา ก็ทราบแล้วว่ารอบนี้คงไม่มีการเกรงใจกันอีก ไหนเลยจะยอมรับได้ ปฏิเสธอย่างหนักแน่นเป็นจริงเป็นจัง “ไม่มีเรื่องเช่นนี้แน่นอนขอรับ!”
เซ่าเติงอวิ๋นเอ่ยช่วยเสียงเคร่งขรึม “จงซยง เรื่องนี้จะเป็นการเข้าใจผิดกันไปหรือไม่?”
“เข้าใจผิดหรือ?” จงหยางซวี่หัวเราะฮ่าๆ “เซ่าซยง ฟ้าจวนจะถล่มลงมาแล้ว หนิวโหย่วเต้าโกรธเกรี้ยว ติดต่อเข้าเจรจากับหกสำนักใหญ่แห่งแคว้นเยี่ยนและแคว้นหานเป็นการส่วนตัว เขาเตรียมจะลงมือกับผู้ใดยังต้องให้ข้าอธิบายอีกหรือ?”
สีหน้าเซ่าเติงอวิ๋นเคร่งเครียดขึ้นมา เข้าใจแล้วว่าสำนักเขามหายานได้รับแรงกดดันมหาศาลนัก เขาหันไปจ้องมองบุตรชาย “สรุปแล้วเรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่?”
“ท่านพ่อ ข้าไม่ทราบจริงๆ ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ต้องมีคนจงใจใส่ร้ายแน่นอน ในเมื่อท่านลุงเชื่อไปแล้วว่าเป็นฝีมือข้า ต่อให้ข้ามีร้อยปากก็ยากจะแก้ตัวได้ แต่ข้าเชื่อว่าผู้บริสุทธิ์ไม่จำเป็นต้องแก้ตัวให้มากความ เรื่องราวย่อมจะกระจ่างขึ้นมาในสักวัน” เซ่าผิงปอเอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าหมองคับข้อง ประสานมือให้จงหยางซวี่ “หลานยินดีจำคุกด้วยตัวเอง หากความจริงไม่กระจ่างก็จะไม่ก้าวออกมา จนกว่าสำนักเขามหายานจะสืบทราบความจริงชัดเจน เมื่อถึงเวลานั้นจะยอมให้ลงโทษประหัตประหารแน่นอน หลานมอบคำอธิบายเช่นนี้ให้ ท่านลุงพอใจหรือไม่ขอรับ?”
จงหยาซวี่กุมกระบี่ในมือเล็กน้อย สำนักเขามหายานมีคำสั่งลงมาอย่างชัดเจน เซ่าผิงปอขัดขืนคำสั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากตรวจสอบแน่ชัดให้จัดเขาเสีย ตัดแขนขาอย่างละข้างให้พอการ สั่งสอนให้หลาบจำ!
หากเรื่องราวดำเนินไปถึงจุดที่ไม่อาจแก้ไขได้แล้ว ให้สังหารคนถ่อยผู้นี้ที่สร้างปัญหาให้สำนักเขามหายานทิ้ง!
แต่ตอนนี้ถึงตายเซ่าผิงปอก็ไม่ยอมรับ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนถึงขั้นที่ยินดีไปจำคุกรอคอยให้จัดการ ทำเช่นนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไร้ความผิดใดๆ จริงหรือต้องการทำให้เขาลังเลกันแน่
“ท่านพ่อ!” เซ่าผิงปอประสานมือกล่าวกับเซ่าเติงอวิ๋น “ช่วงที่ลูกจำคุกอยู่คงไม่อาจช่วยแบ่งเบาภาระท่านพ่อได้ เรื่องการเมืองกองทัพในเป่ยโจวคงต้องลำบากท่านพ่อแล้ว!”
เซ่าเติงอวิ๋นจ้องมองบุตรชายตน มองเห็นนัยยะแอบแฝงที่สื่อออกมาจากดวงตาของบุตรชาย
เซ่าผิงปอไม่ได้พูดมากอีก เขายืดตัวขึ้นมา เดินอาดๆ ออกไปด้านนอก เซ่าซานเสิ่งเร่งเดินตามไปติดๆ
ทั้งสองถูกผู้บำเพ็ญเพียรตรงประตูขวางไว้ เซ่าผิงปอหันกลับไปมองจงหยางซวี่
จงหยางซวี่โบกแขนเสื้อเล็กน้อย ผู้บำเพ็ญเพียรที่ขวางอยู่ตรงประตูจึงหลบทางให้
สองนายบ่าวจึงออกมาจากโถงว่าราชการได้ แต่ยังคงมีผู้บำเพ็ญเพียรติดตามมา
คุกใต้ดินภายในจวนถูกเปิด มืดอับชื้นแฉะ เซ่าผิงปอส่งสัญญาณให้ผู้คุมเปิดห้องขังด้านในแล้วเดินเข้าไปด้วยตัวเอง
กระทั่งภายในคุกใต้ดินกลับสู่ความเงียบสงบ เซ่าผิงปอก็ไอถี่ขึ้นมาอีกครั้งดัง “แค่กๆ” ไอจนเหมือนจะสะเทือนไปถึงตับไตแล้ว
“คุณชายใหญ่!” เซ่าซานเสิ่งที่อยู่นอกห้องขังเกาะลูกกรงด้านนอกด้วยสีหน้ากังวล
เซ่าผิงปอไอแค่กๆ อยู่นานพักใหญ่ถึงได้ทุเลาลง บนแขนเสื้อปรากฏคราบเลือดที่กระเซ็นออกมาอีกครั้ง
เซ่าผิงปอเดินมาตรงหน้าซี่ลูกกรง โบกแขนเสื้อเล็กน้อยสื่อว่าไม่เป็นไร หอบหายใจเอ่ยเสียงแผ่วว่า “สำนักเขามหายานไร้ความสามารถ หนิวโหย่วเต้าเจ้าเล่ห์ หลงกลเข้าเสียแล้ว!”
เซ่าซานเสิ่งตกตะลึง “หลงกลหรือขอรับ?”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “สำนักเขามหายานทราบเรื่องที่หนิวโหย่วเต้าติดต่อกับหกสำนักใหญ่ยังพอเข้าใจได้ แต่ทราบได้อย่างไรว่าข้าส่งคนไปลอบสังหารหนิวโหย่วเต้า แล้วรู้ได้อย่างไรว่าข้าสมคบกับสำนักหยกสวรรค์? เรื่องนี้ต้องเป็นหนิวโหย่วเต้าจงใจเผยข่าวให้สำนักเขามหายานทราบแน่นอน ทำให้สำนักเขามหายานทราบว่าข้าคือตัวต้นเหตุของเภทภัยในครานี้ เป้าหมายคือจะอาศัยสำนักเขามหายานเข้ามาควบคุมข้า ตัดการควบคุมที่ข้ามีต่อโลกภายนอก ทำให้ข้าได้แต่นั่งรอความตาย! หนนี้เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ปล่อยข้ารอดไปได้ ต้องการคุมขังข้าเอาไว้ที่นี่ ต้องการจัดการข้าให้ได้!”
เซ่าซานเสิ่งอุทานออกมาเบาๆ “เช่นนั้นเหตุใดเมื่อครู่คุณชายใหญ่ถึงไม่บอกเรื่องแผนร้ายของไอ้สารเลวหนิวต่อผู้อาวุโสจงละขอรับ?”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “จะบอกได้อย่างไร? ให้ยอมรับว่ามีเรื่องเช่นนี้จริงๆ อย่างนั้นหรือ? เรื่องราวเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของสำนักเขามหายาน เจ้าเห็นกระบี่ในมือจงหยางซวี่หรือไม่ ปกติที่เขาเดินเหินอยู่ในจวนไม่เคยถือกระบี่ติดมือเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้หยิบกระบี่มาด้วย ทันทีที่ข้ายอมรับออกไป ถึงจะไม่สังหารข้า แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะมอบบทเรียนให้ข้าจดจำฝังลึก ข้าฝ่าฝืนคำสั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา สำนักเขามหายานโกรธเกรี้ยวแล้ว หากไม่ถอยเพื่อรุก ถึงไม่ตายก็คงต้องพิการ!”
เซ่าซานเสิ่งถาม “ตอนนี้จะทำอย่างไรดีขอรับ?”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “ไอ้สารเลวแซ่หนิวจอมเจ้าเล่ห์ ทำให้สำนักเขามหายานหวาดกลัว มาเอาความกับข้า ตัดการสื่อสารระหว่างข้ากับโลกภายนอก ตอนนี้ข้าได้แต่ต้องรอคอยผลลัพธ์เท่านั้น สำนักเขามหายานต้องส่งคนไปยังสำนักหมื่นสรรพสัตว์แน่ ทางสำนักหมื่นสรรพสัตว์จะเกิดการตอบโต้กันแน่นอน สำนักเขามหายานคิดว่าตนเดินหมากถูก แต่ความจริงแล้วโง่เขลาไร้สมอง มิใช่คู่ต่อสู้ของไอ้สารเลวแซ่หนิวเลย เจ็บใจที่ข้ามิใช่คนในเส้นทางบำเพ็ญเพียร ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับมีจำกัด ยากจะขุดคุ้ยลงลึกได้ ตอนนี้เขาอยู่เหนือกว่า คอยเล่นเล่ห์เพทุบาย ข้าด้อยกว่าจึงตกเป็นรอง ตอนนี้ทำได้เพียงเฝ้ารอข่าวจากทางแคว้นเยี่ยนและแคว้นหาน ขอเพียงหกสำนักใหญ่เริ่มติดต่อมาหาข้า สำนักเขามหายานก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือกับข้าแน่ จำเป็นต้องปล่อยตัวข้าออกไปเพื่อคลี่คลายสถานการณ์สะสางวิกฤต”
….
ภายในโถงว่าราชการอันว่างเปล่า เหลือเพียงเซ่าเติงอวิ๋นนั่งเงียบอยู่ลำพัง หลับตาใช้ความคิดอยู่
พ่อบ้านหยางซวงเดินเข้ามา เดินมาหยุดอยู่ข้างกายเขา เอ่ยเสียงเบา “ใต้เท้า จะรับมื้อกลางวันหรือไม่ขอรับ?”
เซ่าเติงอวิ๋นค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา แววตาวาวโรจน์ทรงอำนาจดุดัน เขาหันไปเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบา “ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป ไพร่พลทั้งหมดในเป่ยโจว หากไม่มีคำสั่งที่เป็นลายมือของข้าก็ห้ามทำอะไรส่งเดชเป็นอันขาด หากจะโยกย้ายแม่ทัพแต่ละภาคส่วนก็ต้องมีเอกสารที่ข้าเขียนขึ้นเอง ผู้ใดก็ตามที่เข้ามารับตำแหน่งและออกคำสั่งโดยพลการ ให้ถือว่าเป็นคนทรยศ ให้เหล่าพี่น้องรวมตัวกันสังหารได้ทันที!”
หยางซวงพอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว ตอบรับเสียงเบา “ขอรับ!”
…………………………………………………………………….