ตอนที่ 266 เย่ซิวตู๋ทำลายผ้าเช็ดหน้า

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 266 เย่ซิวตู๋ทำลายผ้าเช็ดหน้า

“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้มาจากที่ใด?” เย่ซิวตู๋คว้ามือเยว่ซินในทันที และเพิ่มแรงบีบขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่ยังคงมีสีหน้าเย็นชา

เยว่ซินสูดหายใจลึก ร่างกายสั่นสะท้าน มองชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว “ท่าน…ท่านอ๋อง ข้าน้อยเจ็บเจ้าค่ะ”

“ข้าถามเจ้าว่าผ้าผืนนี้เจ้าได้มาจากที่ใด?” มือของเย่ซิวตู๋กำแน่นขึ้น จนเยว่ซินรู้สึกราวกับว่าข้อมือของนางกำลังจะหักอย่างไรอย่างนั้น

โม่เสียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตกใจจนหน้าซีด เขารีบเอ่ยขึ้น “นายท่าน ท่านปล่อยเยว่ซินก่อนขอรับ นางเจ็บจนเอ่ยอะไรไม่ออกแล้ว นางเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าผ้าผืนนี้เป็นของผู้ใด”

มุมปากของเยว่ซิวตู๋กระตุก และปล่อยมือหญิงสาวอย่างรวดเร็ว ก่อนดึงผ้าผืนนั้นขึ้นมามองดูลายปักรูปดอกไม้นั้นด้วยสีหน้ามืดมน

เยว่ซินดึงมือกลับทั้งน้ำตา หญิงสาวรู้สึกทั้งตกใจและหวาดกลัว จึงล่าถอยเข้าไปในอ้อมแขนของโม่เสียน

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว” โม่เสียนค่อย ๆ นวดข้อมือของหญิงสาว และเอ่ยเตือนหญิงสาวเบา ๆ ข้าง ๆ หูของนาง “เจ้าก็บอกนายท่านเถิดว่าผ้าผืนนี้เจ้าได้มาจากที่ใด”

เยว่ซินพยักหน้าอย่างน่าสงสาร ดวงตาของนางแดงเล็กน้อย พลางปริปากเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ผ้าผืนนี้ เมื่อวานข้าและคุณหนูไปที่จวนตระกูลอวี๋ และพบมันที่ข้าง ๆ เตียงของแม่นมเก๋อ ดูเหมือนว่าจะเป็นของแม่นมเก๋อเจ้าค่ะ เมื่อวานในตอนที่นำกลับมานั้น ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้สกปรกมากจนมองไม่ออก ดังนั้นข้าน้อยจึงเอาออกมาซักสักเล็กน้อย”

ยิ่งหญิงสาวพูดมากเท่าใดเสียงของนางก็เบาลงเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เยว่ซินได้เห็นแววตาน่ากลัวเช่นนี้จากเยว่ซิวตู๋ เมื่อเอ่ยออกไปได้สักครู่ นางก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

เย่ซิวตู๋กำผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือไว้แน่น เม้มปากแน่นจนจะกลายเป็นเส้นตรง

โม่เสียนคอยตบไหล่ให้เยว่ซินพลางขมวดคิ้วดูนายท่าน เมื่อครู่นั้นเขาไม่ได้มองอย่างชัดเจนว่าผ้าผืนนั้นมีสิ่งใดแปลกประหลาด แต่เมื่อมองท่าทางของนายท่านแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าเขารู้อะไรบางอย่าง

แม่นมเก๋อ? นั่นไม่ใช่คนที่แม่นางอวี้ตามหามาโดยตลอดหรอกหรือ?

“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เก็บไว้กับข้าก่อน” เย่ซิวตู๋เก็บผ้าผืนนั้นไป และมองไปยังห้องของอวี้ชิงลั่ว หลังจากนั้นจึงหันกลับมาด้วยแววตาที่ซับซ้อน ก่อนจะเดินจากไป

เยว่ซินกำลังจะเอ่ย แต่ถูกโม่เสียนคว้ากลับมาอย่างรวดเร็ว “อย่าพูดอะไร นายท่านว่าเช่นไรก็ว่าตามนั้น อย่าเรื่องเยอะ ”

“แต่ว่าผ้าผืนนั้นเป็นของคุณหนูที่เอาไว้เป็นเบาะแสสำหรับตามหาแม่นมเก๋อ ถ้าถูกท่านอ๋องยึดไปแล้วคุณหนูจะทำเช่นไร?” เยว่ซินกระทืบเท้า แต่นางก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปขอผ้าผืนนั้นคืน

เยว่ซินหวาดกลัวแววตาราวกับจะฆ่าคนของเยว่ซิวตู๋เมื่อครู่นี้อย่างมาก กลัวจนทำอะไรไม่ถูก

โม่เสียนถอนหายใจพลางมองตามเงาของนายท่านที่ยิ่งมองก็ยิ่งห่างออกไปเรื่อย ๆ เส้นประสาทของเขาตึงเครียดไปทั้งตัว หัวใจของเยว่ซินเต้นแรง และดูเหมือนกับว่าแรงกดดันที่เยว่ซิวตู๋ปล่อยออกมานั้นจะไม่มีแล้ว หญิงสาวจึงค่อย ๆ รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา จึงหันหลังจะเดินออกไป “ไม่ได้การ ข้าต้องไปบอกคุณหนู”

“ช้าก่อน” โม่เสียนคว้าหญิงสาวให้กลับมา “เยว่ซิน เจ้าอย่ามากเรื่อง เรื่องนี้เจ้าจัดการผู้เดียวไม่ได้”

“ข้ารู้ดีว่าข้าไม่สามารถจัดการผู้เดียวได้ ดังนั้นจึงจะต้องไปบอกคุณหนู ให้คุณหนูมาจัดการ นี่ ! เจ้าปล่อยข้าก่อนจะได้หรือไม่ ผ้าผืนนั้นมันสำคัญมากจริง ๆ”

โม่เสียนทำอะไรไม่ได้ “ข้ารู้ แต่ว่าสีหน้าของนายท่านเมื่อครู่เจ้าก็ได้เห็นแล้ว ถ้าตอนนี้เจ้าไปบอกแม่นางอวี้ แน่นอนว่านางจะต้องรีบไปหานายท่าน ถึงเวลานั้นคุณหนูของเจ้าจะไม่ได้รับผลกระทบจากโทสะของนายท่านหรือ?”

“แต่ว่าข้าคือสาวใช้ของคุณหนู ไม่บอกเรื่องนี้กับคุณหนูไม่ได้” เยว่ซินยืนหยัด หญิงสาวซื่อสัตย์กับอวี้ชิงลั่วจริง ๆ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นท่านอ๋อง นางก็ไม่ยอม

โม่เสียนรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย เยว่ซินมักจะขาดการไตร่ตรองอย่างรอบคอบอยู่เสมอเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่นางอวี้ชิงลั่ว ชายหนุ่มครุ่นคิด และเกลี้ยกล่อมหญิงสาว “ข้าเข้าใจว่าเจ้าซื่อสัตย์กับแม่นางอวี้มาก ๆ ข้าก็ไม่ได้ห้ามให้เจ้าไปบอกนาง แต่เจ้าสามารถบอกช้ากว่านี้ได้ รอให้นายท่านไม่ได้โมโหขนาดนั้นก่อนแล้วเจ้าค่อยไปบอกกับคุณหนู เช่นนี้แล้ว เวลาที่คุณหนูของเจ้าต้องการผ้าเช็ดหน้า นายท่านก็จะไม่โกรธนาง ถูกต้องไหม?”

เยว่ซินขบคิด และเห็นด้วยว่าต้องเป็นเช่นนี้ หลังจากนั้นนางก็รู้สึกสบายใจขึ้น ก่อนจะก้มลงไปเก็บเสื้อผ้าอีกครึ่งมาทำความสะอาดอีกครั้ง

โม่เสียนถอนหายใจ นายท่าน ข้าน้อยสามารถช่วยท่านได้เพียงแค่นี้ ถ้าหากท่านต้องการททำสิ่งใดหรือทำลายหลักฐาน ก็รีบใช้โอกาสนี้เถิด

เยว่ซิวตู๋เดินกระแทกฝีเท้าอย่างหนักมาตลอดทาง ครั้นพ่อบ้านหยางที่กำลังกำชับให้คนรับใช้ที่ต้องการจะไปฟัง ‘ปาฐกถา’ของหนานหนานพบกับสีหน้าของเย่ซิวตู๋ที่ดูไม่สู้ดี จึงรีบเดินตามชายหนุ่มไป

เย่ซิวตู๋เดินได้ไม่กี่ก้าว จู่ ๆ ก็หันกลับไปเอ่ยกับเขา “ให้หลินมามาที่ห้องตำรา”

“ขอรับ” พ่อบ้านหยางประหลาดใจ ห้องตำราของนายท่านนั้นโดยปกติแล้วจะไม่อนุญาตให้สตรีเข้าไป แต่เมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่าจะมีแค่เพียงแม่นางอวี้เท่านั้นที่เข้าไป สตรีนางอื่น…ก็เห็นจะมีแค่เหมิงกุ้ยเฟย นอกนั้นก็ล้วนไม่มีผู้ใดเคยเข้าไป

แต่คาดไม่ถึงว่าวันนี้นายท่านจะเรียกหลินมาให้เข้ามา หรือว่านางจะทำอะไรผิด?

พ่อบ้านหยางรู้สึกเป็นกังวล ในขณะที่เขานั้นกำลังจะหันกลับไป เย่ซิวตู๋ก็ได้เอ่ยขึ้น “ให้นางนำเข็มและด้ายมาด้วย”

“ขอรับ” พ่อบ้านหยางรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่เนื่องด้วยเป็นเรื่องของท่านอ๋องซิว เขาเองก็ไม่ต้องการที่จะถามมากไปกว่านี้ จึงเพียงแค่รีบไปตามหลินมา

เย่ซิวตู๋เปิดประตูห้องตำราออก และวางผ้าเช็ดหน้าไว้บนโต๊ะ

ชายหนุ่มเพียงยืนอยู่เงียบ ๆ และนำผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาถือไว้ในมือ มองดูลวดลายอย่างถี่ถ้วน ดอกไม้ปักเล็ก ๆ ช่างดูละเอียดอ่อนสวยงามเป็นอย่างมาก เมื่อมองดูที่มุมผ้า ก็สามารถสร้างความประทับใจอย่างล้ำลึกได้ในชั่วพริบตา

ลวดลายดอกไม้แบบนี้ เย่ซิวตู๋คุ้นเคยเป็นอย่างมาก

ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าอย่างรวดเร็ว เปิดลิ้นชักและหยิบกรรไกรคม ๆ ออกมา ชายหนุ่มค่อย ๆ ขยับมือ และค่อย ๆ ตัดมันออก

ผ่านไปไม่นาน ด้ายที่ปักเป็นรูปดอกไม้นั้น ก็ถูกชายหนุ่มตัดจนขาดทั้งหมด

และเวลานี้ประตูของห้องตำราก็ถูกเคาะ พร้อมกับเสียงของพ่อบ้านดังขึ้น “ท่านอ๋อง หลินมามาแล้วขอรับ”

เย่ซิวตู๋เก็บกรรไกรลงไปแล้วกำผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ในฝ่ามือ หลังจากนั้นจึงหลับตาลงเล็กน้อยแล่วเอ่ยขึ้น “เข้ามา”

เสียงเปิดประตูของห้องตำราดังขึ้น หลินมารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก นางก้มหน้าลงและเดินเข้าไปหาเย่ซิวตู๋ “คาระวะท่านอ๋อง”

เย่ซิวตู๋โบกมือ พ่อบ้านรับรู้ทันทีจึงรีบเดินออกไป และประตูห้องก็ถูกปิดลง

“หลินมา ปักดอกไม้ตรงมุมของผ้าผืนนี้” เย่ซิวตู๋ส่งผ้าให้กับนาง

หลินมาประหลาดดใจ นางกลั้นหายใจและเงยหน้ามองชายหนุ่ม และรับผ้าเอาไว้

ปลายนิ้วสัมผัสไปบนเนื้อผ้าที่อ่อนนุ่ม หลินมาก็รู้ขึ้นมาได้ทันทีว่าผ้าชิ้นนี้ไม่ใช้ผ้าธรรมดา จึงไม่กล้าที่จะประมาท เมื่อมองดูด้ายที่ถูกตัดขาดจนยุ่งเหยิงไปหมด จนมองไม่ออกว่าก่อนหน้านี้ลวดลายของมันเป็นเช่นไร มุมปากของหลินมายกขึ้นเล็กน้อย

“เจ้านั่งปักตรงนั้น ข้าให้เวลาเจ้าครึ่งชั่วยามเพียงพอหรือไม่” เย่ซิวตู๋เอ่ยถามและชี้ไปยังเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ

………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ลายผ้าแบบนี้มันคงเป็นปมฝังใจท่านอ๋องสินะ ถึงได้ทำลายข้าวของคนอื่นแบบนี้

ไหหม่า(海馬)