ตอนที่ 437

Great Doctor Ling Ran

EP 437

By loop

“ หมอหยูคุณมีเวลาว่างสักแปบไหม” โจวซินเยียนเคาะและเปิดประตู จากนั้นเขาก็ทักทายหยูหยวน ด้วยท่าทางที่คุ้นเคย

หยูหยวนยืนอยู่หน้ากล่องไฟเพื่ออ่านภาพสแกน เธอประหลาดใจและหันกลับไปมองโจวซินเยียน

ทั้งคู่จ้องตากันเป็นเวลาสิบวินาทีก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ โจวซินเยียน วันนี้นายดูเบลอๆนะ นายกำลังถามฉันว่าเรามีเวลาว่างไหม? หยูหยวนหัวเราะราวกับว่าเธอเป็นถุงมือยางที่ฉีกออกมา

โจวซินเยียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและเขาก็หัวเราะเหมือนเห็นผ้าก๊อซที่ใช้แล้ว “ผมมาถามแทนหมอหลิงนะ”

“ อย่างงั้นนายควรพูดก่อนหน้านั้น” หยูหยวน หยุดหัวเราะทันที เธอมองไปข้างหลังโจวซินเยียน จากนั้นเธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่เห็นหลิงรัน “ คราวหน้านายควรบอกสิ่งที่นายต้องการพูดตรงๆอย่าถามว่าฉันว่างไหม”

“ผมรู้นี่เป็นนิสัยที่ไม่ดีของผมเอง” โจวซินเยียนโบกมือของเขา “ผมจะส่งรูปถ่ายให้คุณ”

โจวซินเยียนส่งต่อภาพที่หลิงรันส่งให้เขา จากนั้นเขาก็พูดว่า “ดูนี่สิ”

“ หมายความว่าไง”หยูหยวน ขมวดคิ้ว

“ ฉันกำลังคิดว่าเราน่าจะรู้จักกับหมออย่างเว่ยเจียยงหรือป่าว” โจวซินเยียน มองไปที่หยูหยวนอย่างระมัดระวังและพูดว่า “ดูการผ่าตัดเหล่านี้ที่เขาทำและบทความที่เขาตีพิมพ์มีความคล้ายคลึงกันค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับโครงการของ หมอหลิงหรือไม่”

“จุดสนใจหลักของเขาคือการผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือด” หยูหยวนมองดูภาพก่อนที่เธอจะพูดอย่างรวดเร็วว่า “ฉันไม่ได้หมายความว่าการผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือดนั้นยอดเยี่ยมกว่าการผ่าตัดอื่น ๆ สิ่งที่ฉันหมายถึงคือจุดสนใจหลักของเราแตกต่างกันดังนั้นเราไม่สามารถพูดได้ว่างานของเราคล้ายกัน เนื่องจากเว่ยเจียงยง ได้เขียนบทความเกี่ยวกับการส่องกล้องไว้สองสามบทความ “

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันหมายถึง”

หยูหยวนเงยหน้าขึ้นและมองไปที่โจวซินเยียน

“เราไม่ขอพูดถึงการผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือดก่อนนะลองดูที่การผ่าตัดส่องกล้องจริงๆแล้วการผ่าตัดส่องกล้องทั้งหมดมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดใช่ไหม” โจวซินเยียนวิเคราะห์ข้อมูลด้วยความสามารถของเขาในฐานะศิษย์คนหนึ่งและกล่าวว่า “ตอนนี้คุณหมอหลิงได้เริ่มทำการผ่าตัดส่องกล้องข้อเข่าแล้วเขาอาจต้องการทำการส่องกล้องหรือทรวงอกในภายหลังอย่าลืมสิ่งอื่น ๆ ไปก่อนสมมติว่ามีการประชุมสุดยอดเกี่ยวกับ การส่องกล้องในภายหลังเราคงให้หมอหลิงปรากฏตัวหลังจากเว่ยเจียยงไม่ได้ใช่ไหม?”

บางครั้งกระบวนการคิดของศิษย์ที่อย่างพวกเขาอาจเชื่อมโยงกับกระบวนการคิดของนักเรียนที่ยอดเยี่ยม

จากมุมมองของ หยูหยวนการผ่าตัดส่องกล้องข้อเข่าและทรวงอกเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงและโครงสร้างทางกายวิภาคของพวกมันก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่สามารถเชื่อมต่อเข้าด้วยกันได้อย่างแข็งเกร่งเพียงเพราะพวกเขาทั้งหมดเป็นการส่องกล้อง

ตามธรรมชาติแล้วหากพวกเขาเรียนรู้การผ่าตัดส่องกล้องข้อเข่าก่อนที่จะเรียนรู้วิธีการใช้ทรวงอกพวกเขาจะพบว่าเทคนิคในทรวงอกนั้นคล้ายกับการผ่าตัดส่องกล้องข้อเข่าและยังสามารถประหยัดเวลาได้อีกสองสามเดือน …

อย่างไรก็ตามหากหยูหยวนถูกขอให้ตัดสินเธอรู้สึกว่าเธอจะไม่มีวันสัมผัสทรวงอกภายในสิบปี นั่นเป็นสนามผ่าตัดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ้าแผนกศัลยกรรมกระดูกตัดสินใจที่จะจัดการกับอวัยวะที่อยู่ด้านล่างซี่โครงนั่นไม่ได้หมายความว่าแผนกหัวใจและทรวงอกจะต้องปิดตัวลงหรือไม่?

ในทำนองเดียวกันถ้าเธอเป็นตัวละครหลักในเรื่อง หยูหยวนไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติหากเธอปรากฏตัวหลังจากมีคนอื่นบนเวที โดยปกติแล้วมันขึ้นอยู่กับระดับของการประชุมสุดยอด หากเป็นการประชุมสุดยอดระดับนานาชาติหรืออาจจะเป็นการประชุมสุดยอดระดับท้องถิ่นซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าการประชุมสุดยอดระหว่างประเทศเล็กน้อยเธอจะมีความสุขมากหากมีโอกาสได้ขึ้นเวที ทำไมเธอถึงสนใจว่าเธอจะปรากฏตัวอยู่ข้างหลังคนอื่นบนเวทีกันจริงไหม?

อย่างไรก็ตามเมื่อหยูหยวนฟังโจวซินเยียนและพิจารณาสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองของหลิงรันเธอก็รู้สึกว่าการพิจารณาของ โจวซินเยียน ไม่ได้ไร้จุดหมายเลย

“จากนั้นฉันจะจัดหมวดหมู่ข้อมูล” หยูหยวนยืดท่าทางของเธอให้ตรงก่อนที่เธอจะกล่าวว่า “ตั้งแต่ เว่ยเจียงยง มาที่โรงพยาบาล หยูหยวนมีความเป็นไปได้ที่เขาจะเข้ามาดูแลทรัพยากรของเราฉันจะไปตรวจสอบสิ่งที่เขาวางแผน … “

“แม้ว่าเว่ยเจียงยงจะไม่ได้มาที่โรงพยาบาลหยูหยวนแต่เขาก็จะใช้ทรัพยากรของเราไปด้วย” โจวซินเยียนกล่าวอย่างจริงจัง “ฉันได้พบกับชายหนุ่มจำนวนมากเช่นเว่ยเจียงยงนายอาจไม่รู้ว่าเขาใช้มันสิ้นเปลืองขนาดไหน เป็นไปได้ว่าหมอประเภทนี้อาจเคยผ่านความลำบากจากการขาดทรัพย์กรการรักษาก็เป็นได้…ขอบอกอีกอย่างว่าถ้าเขาอยากยืนบนเวทีคนเดียวนั้นจะเป็นอย่างไรถ้าเขาใช้ทรัพยากรมากขนาดนั้น”

หยูหยวน ตะลึงไปชั่วขณะ “ มันไม่น่าเป็นไปได้ใช่ไหมมันจะสิ้นเปลืองมากขนาดนั้น”

“สิ้นเปลืองหรือเปล่าชาวอเมริกันพูดถึงความสิ้นเปลืองเมื่อพวกเขาเริ่มสงคราม” โจวซินเยียน เม้มริมฝีปากของเขาและพูดว่า “เขามีนักวิชาการที่สนับสนุนเขาและมันก็ไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขาถ้าเขาต้องการผูกขาดอะไรก็ตาม”

หยูหยวน ไม่สามารถจินตนาการได้

เธอไม่มีโอกาสทำการผ่าตัดแม้ว่าเธอจะต้องการทำมันในช่วงปีแรก ๆ ของการฝึกฝนก็ตาม ในความเป็นจริงเธอไม่สามารถแม้แต่จะเป็นหัวหน้าแพทย์ประจำบ้านที่สามารถอยู่ในโรงพยาบาลได้เป็นเวลายี่สิบห้าชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นเธอไม่สามารถจินตนาการได้ว่านักวิชาการสามารถนำทรัพยากรประเภทใดมาได้บ้าง

“ นักวิชาการจู้ก็เป็นนักวิชาการเหมือนกันไม่ใช่หรอ” ทันใดนั้น หยูหยวน ก็นึกถึงเทคนิคการซ่อมแซม Zhu-Ling Achilles เธอมีความทรงจำที่ดีเมื่อพูดถึงเรื่องดังกล่าว

โจวซินเยียนเพียงยิ้มจาง ๆ ก่อนที่เขาจะพูดว่า “เธอถือว่าเป็นแค่พาร์ทไทม์ที่นั่นมันเหมาะหรือไม่ที่คุณจะฝันว่าเขาจะยอมให้คุณได้พัก”

หยูหยวน ตะลึงกับคำพูดของเขา เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างรอบคอบและเธอก็อดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าสิ่งที่ โจวซินเยียนพูดนั้นมันดูสมเหตุสมผลจริงๆ

จุดเริ่มต้นของหลิงรันนั้นตั้งอยู่ในโรงพยาบาลหยุนหัวหากโรงพยาบาลหยุนหัวไม่สามารถจัดหาแหล่งทรัพยากรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้กับหลิงรันได้พวกเขาควรคาดหวังว่าศูนย์เวชศาสตร์กระดูกและข้อและการกีฬาจะจัดหาทรัพยากรเหล่านั้นให้แทนหรือไม่?

เว้นแต่หลิงรันจะย้ายไปที่ศูนย์เวชศาสตร์กระดูกและข้อและการกีฬานี้เป็นเพียงโอกาสเดียวที่ศูนย์นั้นจะสามารถดึงดูดหลิงรันไปได้คือการจัดหาทรัพยากรทางการแพทย์ให้ตามความพอใจของหลิงรัน

ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหลิงรันไปที่ศูนย์เวชศาสตร์กระดูกและข้อและการกีฬาเพื่อทำการผ่าตัดที่เขาทำได้จะถูก จำกัด ไว้ที่การผ่าตัดแบบส่องกล้องเท่านั้น มันเทียบไม่ได้กับการผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือดหรือทรวงอกของ เว่ยเจียยง

หยูหยวนส่ายหัวและหัวเราะอย่างลับๆ เธอนั้นได้พ่ายแพ้ความคิดของโจวซินเยียนเต็มๆ เพราะเหตุใดเธอจึงต้องเปรียบเทียบตัวเองกับ เว่ยเจียงยง? เว่ยเจียงยงเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย จอห์นฮอปกินส์และจุดเริ่มต้นในอาชีพการงานของเขาดีกว่าเธออย่างแน่นอน

“ฉันจะไปเขียนรายงานการวิเคราะห์” หยูหยวนกล่าว

“คุณไม่จำเป็นต้องทำแค่นั้นคุณควรขอให้หมอหลิงเขียนบทความเพิ่มเติม” โจวซินเยียน ลดเสียงลงและพูดว่า “ไม่ว่าแพทย์จะทำการผ่าตัดกี่ครั้งคนอื่น ๆ ก็ไม่มีทางรู้นี่คือเหตุผลที่ยังต้องเผยแพร่บทความฉันรู้ว่าคุณเก่งในเรื่องนี้ดังนั้นหากคุณมีสิ่งอื่นที่จะต้องทำ คุณสามารถมาหาฉันได้ฉันจะช่วยคุณเอง “

หยูหยวนเหมือนตกเขาไปผวังของคำพูดโจวซินเยียน เธอยิ้มและกล่าวว่า “เป็นหน้าที่ของฉันที่จะช่วยหัวหน้ารวบรวมข้อมูลสำหรับบทความของเขา แต่ฉันกลัวว่าเว่ยเจียงยงอาจมีทักษะการเขียนที่ดีกว่าฉัน”

เขาเป็นคนที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์และเขามีทักษะการเขียนเชิงวิชาการที่ดี แม้ว่า หยูหยวนจะไม่เคยอ่านมาก่อน แต่เธอก็สามารถเดาระดับของเขาได้อย่างคร่าวๆ

โจวซินเยียนเพูดว่า “คุณอาจพูดถูก เว่ยเจียงยงเขียนบทความวิจัยได้ดีมาก”

“และ?”

“ แต่หมอหลิงช่วยชีวิตได้ดีกว่า การมีผู้ป่วยที่ต้องทำการ CPR เมื่อวานยังพิสูจน์เรื่องนี้ไม่ได้หรือ”

“แต่มันจะเปลี่ยนไปเมื่อเขียนเป็นเคสในบทความวิจัย … “

“นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณ แต่จากความรู้ของฉันคนที่เขียนเรื่องไร้สาระในบทความวิจัยทางการแพทย์โดยไม่มีเนื้อหาใด ๆ ที่ไม่ใช่แพทย์นั้นก็เหมือนกับฝ่ายธุรการธรรมดาเท่านั้นแหละ” โจวซินเยียน กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “เนื่องจากปกติแล้วบทความวิจัยทางการแพทย์จะเขียนโดยแพทย์ดังนั้นในตอนท้ายของวันนี้คุณภาพของบทความจะยังคงขึ้นอยู่กับทักษะของแพทย์ในการช่วยชีวิตไม่ใช่หรือ”

“ นี้นายมีเรื่องอื่นจะคุยอีกไหม” หยูหยวนดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย แต่เธอก็เริ่มอ่านวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องเมื่อหันกลับมา

เมื่อเปรียบเทียบแล้วหยูหยวนถือเป็นมือสมัครเล่นเมื่ออยู่ที่เตียงผ่าตัดแต่กลับกันเมื่อหยูหยวนนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทักษะของเธอจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเจ็ดหมื่นระดับและเธอจะทำผลงานวิจัยออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เว่ยเจียงยงรอทุกสิ่งที่กำหนดไว้ในแผนการเดินทางของเขาเพื่อให้วันนี้สิ้นสุดลงก่อนที่เขาจะเริ่มเดินไปรอบ ๆ จากนั้นเขามาที่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลหยุนหัวอีกครั้ง

เจ้าหน้าที่ที่ทำการปฏิบัติหน้าที่ยังคงเป็นแพทย์หนุ่มคนเดิมที่เขาพบเมื่อเช้านี้ แพทย์คนนั้นสุภาพมากขึ้น เขายิ้มก่อนจะพูดซึ่งเขาเองทำตัวเช่นเดียวกับพนักงานต้อนรับที่ทำงานในโรงแรมชั้นสูง

“ หมอเว่ย.” แพทย์หนุ่มคนนั้นคิดคำพูดไม่ออกและไม่รู้จะพูดอะไรเขาจึงยิ้มหวาน

“แล้วประวัติของหลิงรันล่ะ” เว่ยเจียงยง ถาม

แพทย์ที่เข้ารับการรักษายังตกตะลึงและพูดว่า “เมื่อเช้านี้หมอหลิงก็ถามแบบนี้กับผม”

“ฉันต้องการบันทึกทางการแพทย์ทั้งหมดของเขา”

“ แต่…ผมไม่สะดวกที่จะมอบให้คุณ”

เว่ยเจียงยง ขมวดคิ้ว แต่เขาไม่ได้บังคับให้แพทย์ส่งมอบเวชระเบียนเหล่านั้น เขากล่าวว่า “ตอนนี้หลิงรันต้องรับผิดชอบเตียงโรงพยาบาลไหนบ้าง”

“ผู้ป่วยที่อยู่ในห้องไอซียูส่วนใหญ่เป็นของแผนก ICU” ขณะที่แพทย์หนุ่มกำลังพูดอยู่ เขาก็เห็นการแสดงออกของเว่ยเจียงยงจากนั้นเขาก็ปิดปากอย่างสุขุมและพูดว่า “เตียงที่ 7 และ 12 เป็นคนไข้ที่หมอหลิงส่งมาให้เราเตียงที่ 14 และ 3 ก็เป็นคนไข้ของเขาเช่นกัน … “

“ส่งเวชระเบียนของพวกเขามาให้ฉัน” เว่ยเจียงยง กล่าว

แพทย์ที่เข้ารับการรักษารุ่นเยาว์ถามด้วยเสียงต่ำ “ฉบับพิมพ์?”

“ไร้สาระเห็นได้ชัดว่าฉันต้องการเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์” เว่ยเจียงยง มองไปที่แพทย์ที่คนนั้นราวกับว่าเขาเป็นคนโง่

แพทย์คนนั้นรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ‘ฉันได้ยินนักวิชาการตี๋ ขอให้คุณอ่านประวัติการรักษาในรูปแบบสำเนาเอกสารก่อนหน้านี้แล้ว และคุณก็ไม่ยอมอ่านมัน และตอนนี้กลับมาดุฉันอีกเพื่อขอเอกสารบ้านั้น? ‘

แพทย์หนุ่มคนนั้นสาบานกับชีวิตของเขาว่าหากนักวิชาการตี๋ เปิดระบบการร้องเรียนแบบไม่เปิดเผยตัวตนให้กับสาธารณชนเขาจะไม่ลังเลที่จะใช้สิ่งนั้นเพื่อบ่นเกี่ยวกับตัวของเว่ยเจียงยงเลย

“เดี๋ยวผมจะนำไปส่งให้เมื่อเจอเอกสารนะครับ” แพทย์ที่เข้ารับการรักษาตัวน้อยแสดงให้เขาเห็นด้วยรอยยิ้มที่แสดงความเสียใจ

เว่ยเจียงยงมองไปรอบ ๆ ห้อง ICU และบันทึกหมายเลขประจำเครื่อง จากนั้นเข้าห้องไอซียูอีกครั้ง

“คุณได้รับการทำซีพีอาร์มาเป็นเวลานานด้วยหรือ”เว่ยเจียงยงมาที่เตียง 7 และเห็นผู้ป่วยนอนพิงเตียง เขาไม่ได้ใส่ท่อให้เขาด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงปลุกเขาทันที

จิตใจของผู้ป่วยยังคงสับสนกับการนอนหลับเมื่อเขาลืมตา เขาพยักหน้าอย่างไม่มีความสุข “ฉันได้รับ CPR”

“ คุณได้รับ… CPR ซึ่งกินเวลานานเกือบหนึ่งชั่วโมง?” เว่ยเจียงยง มองไปที่แท็บเล็ตในมือของเขา

“ฉันก็คิดอย่างนั้น” พี่ฮูใช้พละกำลังมากเมื่อเขาพูด เขาไอเบา ๆ

เว่ยเจียงยงพยักหน้าและมองไปที่จอภาพที่แสดงให้เห็นว่าสัญญาณชีพของผู้ป่วยเกือบทั้งหมดเป็นปกติ ทันใดนั้นเขาก็ถามว่า “ผลรวมของเจ็ดและแปดคืออะไร”

พี่ฮูเหลือบมองไปที่เว่ยเจียงยง เมื่อเว่ยเจียงยงกำลังจะยอมแพ้ด้วยสภาพที่อ่อนแอของพี่ฮู เขาก็กระซิบว่า “คุณหมอคุณวางแผนที่จะทดสอบคณิตศาสตร์ของฉันหรือคุณต้องการตรวจสอบว่าสมองของฉันยังทำงานได้ดีหรือไม่”

เว่ยเจียงยงตะลึง สีหน้าของเขาดูแปลกไปเล็กน้อยเมื่อเขาพูดว่า “จากวิธีที่คุณพูดสมองของคุณดูเหมือนจะทำงานได้ดีทีเดียว”

“ฉันไม่ชอบตัวเลขจริงๆคุณสามารถถามฉันง่ายๆเช่นผลรวมของเจ็ดและสาม แต่ถ้าคุณถามฉันว่าผลรวมของเจ็ดและแปดฉันไม่เต็มใจที่จะคำนวณให้คุณ”

“แต่ก่อนอื่นคุณต้องบวกตัวเลขจากแปดไปเป็นเจ็ดสิบก่อนจากนั้นคุณสามารถลบจำนวนที่เหลือจากแปดได้เมื่อคุณได้จำนวนนั้นคุณจะได้สิบกับจำนวนที่เหลือและคุณจะได้ผลรวมนั้น” เว่ยเจียงยง ตอบ

พี่ฮู จ้องที่เว่ยเจียงยงเป็นเวลานานอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะก่อนที่จะไอ“ คุณค่อนข้างคล้ายกับหมอหลิง”

“เราสองคนมีอะไรคล้ายกัน” เว่ยเจียงยงปฏิเสธที่จะยอมรับว่ามีอะไรคล้ายกันระหว่างพวกเขา

“คุณด้อยกว่าเขาเล็กน้อย แต่คุณทั้งคู่ค่อนข้างคล้ายกันหมอหลิงเหมือนรถม้าในหมากรุกจีนเขาเป็นคนตรงไปตรงมาเสมอ” พี่ฮูพูดและอ้าปากค้างสองสามครั้ง “คุณเหมือนปืนใหญ่แทนดูเหมือนว่าคุณจะเคลื่อนที่ตรง แต่จริงๆแล้วคุณจะต้องกระโดดข้ามชิ้นส่วนหนึ่งเพื่อแย่งชิ้นส่วนอื่นคุณตัวเล็ก … เหมือนคุณจะเป็นลองเขาอยู่หน่อย… “

แพทย์ประจำห้องไอซียูยืนอยู่ไกลมาก แต่เขาได้ฟังบทสนทนาและรู้สึกราวกับว่าสมองของเขากำลังจะระเบิดจากความเครียด ‘ผู้ป่วย ICU ยังจะมีแรงพูดก่อกวนหมออีกตั้งหาก‘

เขากลัวว่าผู้ป่วยจะทำให้เว่ยเจียงนงโกรธและเปลวไฟแห่งความโกรธของเว่ยเจียงยงจะเผาไหม้เขา ดังนั้นแพทย์ที่จึงรีบเดินเข้ามาและพูดว่า “เตียง 7 คุณพูดแบบนี้ไม่ได้ … “

“ ปล่อยเขาต่อเถอะ”เว่ยเจียงยงหยุดแพทย์คนนั้น

“ฮะ?”

“ การพูดคือการทำงานของสมองที่สูงขึ้น” เว่ยเจียงยง มองไปที่พี่ฮูและเสียงของเขาก็สั่นคลอน “ การสามารถพูดคุยได้หมายความว่าการทำ CPR ของเขาประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง”

“ แน่นอนว่ามันประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว”

“เขาสามารถทำ CPR ที่ยืดเยื้อได้สำเร็จอย่างต่อเนื่องสองกรณี?”

“ ใช่มันยอดเยี่ยมมากเลยใช่ไหม” แพทย์คนนั้นยังรู้สึกภูมิใจแทนหลิงหรันเช่นกัน