บทที่ 480 ข้อแลกเปลี่ยนไม่ซื่อของวิถีสวรรค์

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 480 ข้อแลกเปลี่ยนไม่ซื่อของวิถีสวรรค์

บทที่ 480 ข้อแลกเปลี่ยนไม่ซื่อของวิถีสวรรค์

ไป๋ชิวหรานพอเข้าใจวิธีประดิษฐ์วัตถุเวทอยู่บ้าง ตอนที่พลังเทพของเจียงหลานถูกตงหวงไท่อีช่วงชิงไป จนเหลือแต่เพียงอายุขัยที่ไม่ถึงหนึ่งร้อยปี เพื่อช่วยภรรยาของตนเอง ด้วยเหตุนี้ไป๋ชิวหรานจึงศึกษาวิธีการสร้างมนุษย์และวิธีสร้างคฤหาสน์ม่วงของมนุษย์ และริเริ่มสร้างคฤหาสน์ม่วงให้แก่เจียงหลานผู้ไม่มีคฤหาสน์ม่วง ทำให้นางสามารถฝึกตนและมีชีวิตรอดมาได้

แต่ทว่าไป๋ชิวหรานรู้เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น หลังจากที่สร้างร่างกายมนุษย์กับคฤหาสน์ม่วงจนสำเร็จแล้ว เขาก็ไม่ได้ศึกษาในด้านนี้ต่อไปอีก แต่หันไปศึกษาอย่างมุ่งมั่นว่าต้องทำอย่างไรตนเองจึงสามารถสร้างรากฐานได้

ด้วยเหตุนี้ เมื่อเอ่ยถึงระดับการสร้างวัตถุเวทในกระแสความว่างเปล่า เทียบกับไป๋ชิวหรานแล้ว วิถีสวรรค์ยังคงมีองค์ความรู้สูงกว่ามากจนไม่รู้ว่าสูงไปถึงไหนแล้ว

แต่ไป๋ชิวหรานก็ไม่เคยได้ยินเช่นกันว่าการสร้างของวิถีสวรรค์จะใช้วัสดุพิศดารอย่างวัสดุที่ใช้สร้างหุ่นกลเหล่านี้ ไป๋ชิวหรานไม่รู้เช่นกันว่าเปรียบเทียบกับหุ่นกลเหล่านี้แล้ว สิ่งที่วิถีสวรรค์สร้างอยู่ในระดับไหน อาจเป็นไปได้มากว่าอาจจะล้าหลังไปแล้ว เพราะอย่างไรเสียมันก็ทำตัวเองขายหน้ามาตั้งหลายครั้งหลายหนแล้ว แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าความเห็นที่แตกต่างจากคนอื่นของวิถีสวรรค์ที่เชื่อว่าความบกพร่องทำให้เกิดการพัฒนา ดังนั้นจึงจงใจทำให้ทุกอย่างที่สร้างขึ้นเต็มไปด้วยเป็นแบบสุ่ม ดีบ้าง ด้อยบ้าง สลับกันไป

ไป๋ชิวหรานไม่ใช่คนชักช้า ตอนนี้วิถีสวรรค์ถูกผนึกความคิดเข้ากับเขาแล้ว วิธีการคิดก็ควรจะใกล้เคียงกับชายนหนุ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และก็ถือได้ว่าเป็นสหายร่วมรบ ในเมื่อเจอปัญหาตัดสินใจไม่ได้ เขาก็ต้องเลือกที่จะไปสอบถามวิถีสวรรค์โดยตรง

เมื่อมาถึงด้านนอกกระแสความว่างเปล่า และยืนอยู่บน ‘ตาข่าย’ ของวิถีสวรรค์ที่ส่องแสงสว่างไสว ไป๋ชิวหรานก็ร้องเรียกวิถีสวรรค์ ครั้งนี้อีกฝ่ายไม่ได้ให้เขาสำแดงเดชอีก หลังจากข่มขู่กันไปแล้วก็โผล่หน้าออกมา แต่ก็สามารถมองออกว่าวิถีสวรรค์ยังคงรังเกียจเดียดฉันท์เขา

ต่อให้ถูกผนึกความคิดเปลี่ยนเป็นของไป๋ชิวหราน ทว่าวิถีสวรรค์ยังคงไม่ชอบอีกฝ่ายเอามาก ๆ

“คนเสียสติ เจ้ามาหาข้าเพราะมีเรื่องอันใด?”

วิถีสวรรค์ยังคงปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์สาวงามผมขาว หลังจากที่ไป๋ชิวหรานผนึกความคิดของมันกับของตัวเองในแบบเดียวกันแล้ว วิถีสวรรค์ก็เปลี่ยนวิธีเรียกไป๋ชิวหราน

ชายหนุ่มไม่สนใจคำเรียกของวิถีสวรรค์และไม่ชักช้าร่ำไรด้วย เขาเล่าเรื่องอารยธรรมหุ่นกลให้อีกฝ่ายฟังอย่างละเอียด

“ก่อนนี้จักรพรรดิ์เซียนกลางเคยส่งคนของโรงงานสวรรค์มาสอบถามข้า วัสดุนั้นเป็นวัสดุที่ถูกสร้างขึ้นไม่ผิดแน่ ต่อให้ฝั่งตรงข้ามมีวิถีสวรรค์ที่ต่างไปจากข้า ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุออกมาได้ตรงตามเกณฑ์ทุกประการและเป็นแบบอย่างได้มากถึงเพียงนี้”

วิถีสวรรค์ฟังจนจบแล้วจึงตอบ

“เกี่ยวกับเรื่องที่ว่า พวกเราสามารถสร้างวัสดุประเภทนั้นได้หรือไม่ คำตอบนั้นแน่นอน สามารถทำได้เป็นธรรมดา แต่พวกเราจะไม่สร้าง เพราะมันเหมือนกันไปหมดมากเกินไป พวกมันจะไม่มีช่องว่างสำหรับความเปลี่ยนแปลง”

“เจ้าจะสร้างหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งสำคัญ และข้าก็ไม่บังคับเจ้าด้วย!”

ไป๋ชิวหรานเด็ดเดี่ยวมากเช่นกัน

“ขอเพียงเจ้าบอกวิธีการสร้างให้ข้ารู้ก็เพียงพอแล้ว ส่วนที่เหลือข้าจะนำมาคิดปรับปรุงเอาเอง”

“สอนเจ้า? ได้… เจ้าคิดจะแลกเปลี่ยนด้วยอะไร?”

วิถีสวรรค์กอดอก เชิดคางขึ้นน้อย ๆ พลางกล่าว

“เจ้ายังจะมีข้อแลกเปลี่ยนอีกรึ?”

ไป๋ชิวหรานตะลึง

“ถึงวิถีสวรรค์จะไร้ความเห็นแก่ตน แต่หากอีหฝ่ายเป็นเจ้า ต้องการอยากจะได้อะไรก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน!”

ท่าทีของวิถีสวรรค์แน่วแน่มาก ดูท่าแล้วคงจะรังเกียจไป๋ชิวหรานเอามาก

“ถ้าเช่นนั้นก็ได้…” ไป๋ชิวหรานเกาศรีษะสักครู่จึงถาม “เจ้าต้องการอะไร? ข้าขอบอกไว้ก่อน จะให้ข้าปลดผนึกความคิดให้เจ้า ไม่มีทาง”

“ข้ารู้…”

วิถีสวรรค์ตอบเสียงเย็นชา

“หลังจากที่เจ้าได้วิธีการสร้างวัสดุนี้ไปแล้ว จะต้องนำไปพัฒนาเป็นอะไรสักอย่างออกมาใช่หรือไม่? ข้าต้องการผลที่เจ้าสร้างออกมานั้น”

“ได้! ตามนี้”

ไป๋ชิวหรานคิดว่าต่อให้อีกฝ่ายไปตอนนี้ไม่มีผลกระทบอันใด ดังนั้นจึงตกปากรับคำ

เขาจึงพักที่ด้านนอกกระแสความว่างเปล่าอีกหลายวัน วิถีสวรรค์บอกเล่าวิธีสร้างวัสดุประเภทนี้ให้ไป๋ชิวหรานผ่านทางเสียงจิตสำนัก จากนั้นจึงเตะเขากระเด็นกลับไปยังโลกมิติเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน

หลังจากที่ทำใจลืมการกระทำของวิถีสวรรค์มีต่อตนเองได้แล้ว ไป๋ชิวหรานผู้กลับไปยังเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินก็เริ่มลงมือพัฒนาวัสดุประเภทนี้ตามความคิดของตนเอง

อันที่จริงเมื่อเกือบหนึ่งแสนปีก่อน เซียนทั้งหลายค้นพบส่วนที่เล็กที่สุดของโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตในโลกมิติแห่งนี้ เรียกว่า อณูปฐมภูมิ ทั้งยังจัดเรียงเป็นตารางออกมาตามปัจจัยธาตุที่ต่างกันไปของแต่ละภพแต่ละภูมิ บัดนี้ตารางนั้นก็ตั้งอยู่ในสำนักเรียนของตำหนักเซียนกลาง ทว่าในสายตาของเหล่าเซียนทั้งหลายในตอนนั้น อณูปรมภูมิกับปัจจัยธาตุเหล่านี้มีขนาดเล็กมากจนยากจะควบคุมและจับต้องได้

ถึงแม้จักรพรรดิ์เซียนองค์แรกจะสนับสนุนให้โรงงานสวรรค์ของแดนเซียนทำการศึกษาวิธีควบคุมอณูปรมภูมิมาโดยตลอด ทว่าสิ่งใดในโลกล้วนไม่แน่นอน หลังจากนั้นไม่นานแดนเซียนก็ประสบความวุ่นวายจากอสูรแห่งความปรารถนา สงครามอสูรแห่งความปรารถนาระเบิดขึ้น ทำให้จักรพรรดิ์เซียนองค์แรกกลายเป็นจิ้กจกติดอยู่บนกำแพงแห่งความตระหนักรู้เจ็ดหมื่นปี สี่จักรพรรดิจึงถือโอกาสแย่งชิงอำนาจแดนเซียนสี่ทิศ ทั้งยังจับตัวช่างเซียนไปเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างอาวุธและยุทธภันฑ์ให้กับพวกเขา การศึกษาในเรื่องนี้จึงถูกพักลงด้วยประการฉะนี้

ทว่าวิถีสวรรค์รนั้นราวกับควบคุมอณูปรมภูมิกับปัจจัยธาตุได้ตั้งแต่กำเนิด มันสามารถควบคุมสิ่งเหล่านี้ประกอบกับกลวิธีสร้างโลกวัตถุตามแบบที่ตนเองกำหนด และตอนนี้มันได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งหมดนี้ให้ไป๋ชิวหราน

มีวิธีการนี้แล้ว ในหัวสมองของไป๋ชิวหรานก็เริ่มผุดวิธีสร้างออกมาไม่ขาด

มีสิ่งที่อยากจะทดลองทำมากมาย! …ทว่าจากแรงบันดาลใจที่ได้มาจากหุ่นกล ไป๋ชิวหรานต้องการทำมากที่สุดคือคิดการฝึกตนที่เอาการฝึกตน ยันต์ กับวิชาอาจารย์อสูรซึ่งเป็นวิชาแบบใหม่ล่าสุดมาหลอมรวมเข้าด้วยกันทั้งหมด!

เดิมทีเขาคิดไว้ว่านำเอายันต์สลักลงบนปฐมวิญญาณของคฤหาสน์ม่วงของตนเอง ปฐมวิญญาณชั้นหนึ่ง ร่างกายชั้นหนึ่ง แต่วิธีศึกษายันต์ไม่ได้แตกต่างอะไรจากวิธีสลักลงบนตัวแบบของพวกปิศาจเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่มีอักขระสัญลักษณ์มากกว่าพวกเขาก็เท่านั้น

ทว่าในเมื่อตอนนี้มีอณูปรมภูมิแล้ว ไม่ว่าจะสามารถฝึกตนวิถียันต์ได้หรือไม่ แต่การสลักลงบนอณูปฐมภูมิแต่ละตัวที่ประกอบกันเป็นร่างกายเช่นนี้ อย่างน้อย ๆ อานุภาพของยันต์ก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า

อีกทั้งนอกจากร่างกายของตัวเองแล้ว บนปฐมวิญญาณกับวิชาอาจารย์อสูรก็สามารถสลักยันต์และฝึกตนได้เช่นกัน ถึงแม้มีแต่เพียงสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุเท่านั้นที่สามารถศึกษายันต์ของซู่หัว แต่ตัวอย่างของโหลวหมิงเยว่ก็ปรากฏอยู่ตรงนี้แล้ว แสดงให้เห็นว่าอสูรแห่งความปรารถนาที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาและสามารถฝึกวิชายันต์ได้เช่นกัน

ขอเพียงรู้วิธีว่าต้องสลักยันต์ลงบนอณูปฐมภูมิอย่างไร ไป๋ชิวหรานก็สามารถใช้วิธีนี้สลักยันต์ลงบนอาจารย์อสูรของตนเองได้ในแบบเดียวกัน รวมถึงสลักลงบนปฐมวิญญาณที่เขาก็ไม่รู้เช่นกัน ว่าเมื่อไรจึงจะสามารถฝึกฝนได้สำเร็จ

ถึงเวลานั้น.. เมื่อวิชาจากสุดยอดอารยธรรมสามประเภทหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว อานุภาพที่บังเกิดจะต้องยิ่งใหญ่กว่าเดิมเป็นหลายเท่า

และแน่นอน… ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การคาดการณ์เท่านั้น ในเมื่อมีอานุภาพที่แข็งแกร่งเพียงนี้ นั่นก็แสดงว่าวิธีการเช่นนี้ยากนักจะสำเร็จได้! ด้วยเหตุนี้ ขณะที่เล่อเจิ้นเทียนส่งคณะสอดแนมไปยังส่วนลึกของดินแดนแห่งความตระหนักรู้เพื่อสืบเสาะสถานการณ์ของหุ่นกล ไป๋ชิวหรานก็เริ่มเก็บตัวเพื่อฝึกตน