ตอนที่ 519 ถูกหนิวโหย่วเต้าหลอกต้มแล้ว
ตำแหน่งผู้อาวุโสประจำสำนักมีจำกัด ปกติแล้วต้องรอให้มีตำแหน่งว่างลงถึงจะเลื่อนขั้นเข้าทดแทน ยากนักที่จะมีการงดเว้นเป็นกรณีพิเศษ
ยิ่งไปกว่านั้นคือคนที่ต้องการตำแหน่งนี้ก็ไม่ได้มีเพียงเขาเท่านั้น หากมีการคัดเลือกกันจริงๆ ก็ยังไม่แน่ว่าจะตกมาถึงตาเขา ตอนนี้โชคกำลังหล่นทับหัวเขาแล้ว
สำนักเซียนสถิตยอมงดเว้นเป็นกรณีพิเศษก็เพราะไม่มีทางแล้วเช่นกัน หากทำงานพลาด หนิวโหย่วเต้าขู่ไว้ว่าจะไล่พวกเขาออกไปจากมณฑลหนานโจว
ขอถามหน่อยเถิดว่าได้รับโอกาสดีหาได้ยากเช่นนี้แล้ว เซียวเถี่ยจะไม่ทุ่มสุดกำลังเพื่อทำงานให้สำเร็จได้อย่างไร โชคดีที่เขาทำงานได้สำเร็จ ได้สิ่งที่ต้องการมาแล้ว
เมื่อเก็บจดหมายเป็นอย่างดีแล้ว เซียวเถี่ยโบกมือคราหนึ่ง ทั้งคณะพาเป้าหมายที่ถูกจับตัวไว้หายลับไปในส่วนลึกของป่าเขาอย่างรวดเร็ว…
….
ธารน้ำใสไหลผ่านหุบเขา เสียงน้ำไหลดังซ่าๆ
ศิษย์หลายคนของสำนักหมื่นสรรพสัตว์นั่งยองๆ ซักผ้าอยู่ริมลำธารอย่างไม่ใคร่เต็มใจนัก นอกจากซักของตนแล้วยังต้องช่วยซักให้เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นๆ ด้วย มิเช่นนั้นก็คงไม่มีท่าทางไม่เต็มใจหรอก ตำแหน่งฐานะในสำนักไม่ดีก็ต้องคอยเอาใจคนอื่นเขา
“หนิวโหย่วเต้ามีพี่น้องร่วมสาบานอยู่มากนักหรือ?”
โจวเถี่ยจื่อเองก็เป็นหนึ่งในบรรดานั้น เขาทราบข่าวคราวในโลกภายนอกไม่มากนัก ช่วงนี้ย่อมอดไม่ได้ที่จะลองสืบถามข่าวเกี่ยวกับหนิวโหย่วเต้าดู บังเอิญได้ยินศิษย์พี่ที่อยู่ตรงข้ามกันเอ่ยเรื่องที่หนิวโหย่วเต้าชอบสาบานเป็นพี่น้องกับคนอื่น เขาจึงเงยหน้าถามออกไปในทันใด
ศิษย์พี่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยไปว่า “มีมากหรือไม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ได้ยินว่าชอบสาบานเป็นพี่น้องกับคนอื่น แต่คนประเภทนี้ไหนเลยจะร่วมสาบานกับคนอื่นด้วยความจริงใจ ไม่พ้นไปจากหลอกใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันเท่านั้น ได้ยินว่าในโลกบำเพ็ญเพียรมีผู้บำเพ็ญเพียรไร้สังกัดชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งนามว่าลิ่งหูชิว ลือกันว่าหลังจากเขาสาบานเป้นพี่น้องกับหนิวโหย่วเต้าก็ถูกจับเข้าคุกหลวงในเมืองหลวงแคว้นฉี แต่หนิวโหย่วเต้ากลับทิ้งพี่ชายร่วมสาบานคนนี้ไว้แล้วหนีเอาตัวรอดไป ยังมีอีกนะในมณฑลหนานโจวที่เขาอยู่ ณ ปัจจุบันนี้มีผู้อาวุโสประจำสำนักหยกสวรรค์นาว่าเฟิงอะไรสักอย่าง ดูเหมือนจะสาบานเป็นพี่น้องกับเขาเช่นกัน แต่เป็นพี่น้องร่วมสาบานแล้วอย่างไรเล่า ได้ยินว่าตอนนี้เขากำลังทำสงครามแก่งแย่งเอาเป็นเอาตายกับสำนักหยกสวรรค์อยู่มิใช่หรือ ยังไม่ต้องพูดเรื่องอื่นใดเลย ผู้อาวุโสเฉินคนนั้นที่ตายไปก่อนหน้านี้ก็มาจากสำนักหยกสวรรค์มิใช่หรือ? ศิษย์พี่ของพี่น้องร่วมสาบานตายไปแล้ว เคยเห็นเขาโผล่หน้ามาคารวะส่งหรือไม่เล่า? ไม่คิดแม้แต่จะออกมาเสแสร้งวางท่าสักหน่อยเลยด้วยซ้ำ”
พอได้ฟังวาจานี้ โจวเถี่ยจื่อใจหายวาบ ค่อนข้างใจลอยจากการขยี้ผ้าในมือแล้ว…
วันนี้อากาศดี หนิวโหย่วเต้ากับก่วนฟางอี๋เดินขึ้นเขาด้านหลังเรือนรับรอง ขึ้นไปชมทิวทัศน์มุมสูง
พอเห็นทิวทัศน์งดงามรอบด้าน เห็นทิวทัศน์แล้วชวนให้นึกโศกาเล็กน้อย ก่วนฟางอี๋พลันถอนหายใจออกมาเบาๆ “ปีนั้นออกจากพงไพรเข้าสู่โลกโลกีย์ ตอนนี้พอนึกๆ ดูแล้ว ไม่ทราบเช่นกันว่าคิดผิดหรือคิดถูก บางทีการบำเพ็ญเพียรอยู่ในหุบเขาจนแก่ตายก็คงไม่ใช่ทางเลือกที่เลวร้ายเช่นกัน”
หนิวโหย่วเต้าไม่เคยมีเจตนาจะสอบถามถึงอดีตของนางเลย แต่พอได้ยินนางเอ่ยเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา “พื้นเพเจ้ามาจากพงไพรหรือ?”
ก่วนฟางอี๋ค่อยๆ เงยหน้ามองนภา แววตาเลื่อนลอย ไม่ได้เอ่ยตอบเขา
หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ป่าเขาเบื้องหน้ายังคงเต็มไปด้วยการต่อสู้ฆ่าฟันอยู่ดี”
ปีกทองตัวหนึ่งบินผ่านเหนือหัวทั้งสองคนไป ร้อนลงสู่เรือนรับรองด้านล่าง
ผ่านไปสักพักหนึ่ง หยวนกังวิ่งขึ้นเขามาแต่ไม่ได้เข้าหามา
หนิวโหย่วเต้าเป็นฝ่ายเดินออกไป เดินเข้าไปทางหยวนกัง
ก่วนฟางอี๋เหลือบมองเล็กน้อย ร้อง “เฮอะ” อย่างไม่สบอารมณ์ “ทำตัวลับๆ ล่อๆ”
“เต้าเหยี่ย สายข่าวด้านนอกบอกว่าหวงเลี่ยเจ้าสำนักเขามหายานมาถึงแล้วครับ” หยวนกังขยับเข้าไปใกล้หนิวโหย่วเต้าแล้วรายงาน
หนิวโหย่วเต้าเลิกคิ้วนิดๆ “มาถึงรวดเร็วอย่างยิ่ง เห็นทีว่าพอได้ข่าวก็เร่งมาเดินทางไม่หยุดพักเลย ลำบากแล้วจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้กำหนดเวลาที่ฉันคำนวณไว้รวนไปเลย มาได้จังหวะพอดี!”
….
“เจ้าสำนักหวง” โฉวซานปรากฏตัวขึ้นต้อนรับแขกนอกประตูสำนักอีกครั้ง
หวงเลี่ยในสภาพอิดโรยจากการเดินทางเดินนำผู้ติดตามสิบกว่าคนเข้ามาประสานมือเอ่ยยิ้มๆ ว่า “พี่โฉวได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้อาวุโสสำนักหมื่นสรรพสัตว์แล้ว มิได้มาแสดงความยินดีด้วยตัวเอง ขออภัยด้วย”
“กล่าวหนักเกินไปแล้ว” โฉวซานโบกมือเล็กน้อย เรื่องได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้อาวุโส เขาไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โตครึกโครม หากมีคนทั่วสารทิศแห่มาร่วมแสดงความยินดีจริงก็ออกจะดูเกินเลยไปหน่อย คนอื่นๆ ในสำนักหมื่นสรรพสัตว์จะมองอย่างไรเล่า? แต่เขาก็ทราบเช่นกันว่าอีกฝ่ายเพียงพูดไปตามมารยาทเท่านั้น เขาเบี่ยงตัวหลบทางให้ ผายมือเชิญ “เจ้าสำนักหวง เชิญด้านในเถิด”
หวงเลี่ยมองพวกหวงทงที่ออกมาต้อนรับแวบหนึ่ง ไม่ได้เอ่ยอันใด ทั้งคณะเดินตามโฉวซานเข้าไปด้านใน พวกหวงทงก็ตามไปด้วย
ถึงอย่างไรฐานะของหวงเลี่ยก็แตกต่างออกไป โฉวซานจึงพาไปพบเจ้าสำนักซีไห่ถังทันที บทสนทนาตามมารยาทระหว่างแขกและเจ้าบ้านขอไม่กล่าวถึงแล้ว
ทางนี้มีคนจำนวนมากประกอบกับสถานะของหวงเลี่ย หลังจากคุยกับซีไห่ถังเสร็จ คณะสำนักเขามหายานก็ถูกเชิญไปยังเรือนรับรองที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
รอจนโฉวซานจากไป ศิษย์สำนักเขามหายานแยกย้ายกันไป หวงเลี่ยที่กลับเข้ามาจากส่งแขกแล้วหยุดอยู่ท่ามกลางหมู่ศาล เอ่ยถามหวงทงว่า “เรื่องราวเป็นมาอย่างไร? อธิบายมาให้ละเอียด”
ตอนที่เขายังมาไม่ถึง เพิ่งอยู่ระหว่างทางก็ได้รับจดหมายจากหวงทงแล้ว กล่าวถึงเรื่องที่หลงซิวเรียกตัวเข้าพบ
เนื้อหาที่กล่าวถึงในจดหมายแปลกประหลาดนัก เมื่อมาถึงย่อมต้องถามให้ชัดเจน
หวงทงเอ่ยว่า “ก็อย่างที่แจ้งไปในจดหมายขอรับ ก่อนหน้านี้หกสำนักใหญ่ไม่ยอมพบข้า แต่ก่อนหน้านี้จู่ๆ หลงซิวก็เรียกข้าไปพบ ยังไม่ได้คุยอันใดมากก็ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งที่เซ่าผิงปอจ่าหน้าถึงวังเกินเวหามาให้ ถามว่าข้าคือตัวแทนที่ทางสำนักเขามหายานส่งมาเจรจาเรื่องนี้ใช่หรือไม่ ข้าไม่ทราบสถานการณ์แน่ชัดจึงได้แต่บ่ายเบี่ยงบอกปัดไปหาท่านเจ้าสำนักเท่านั้น รอให้ท่านเจ้าสำนักมาตัดสินใจขอรับ”
หวงเลี่ยถาม “จดหมายจริงหรือเท็จ?”
หวงทงตอบว่า “ข้าได้เห็นครู่เดียวไม่ทราบเช่นกันว่าจริงหรือเท็จ อีกทั้งไม่สะดวกจะตรวจสอบต่อหน้าหลงซิว เรื่องนี้คงต้องติดต่อไปสอบถามเซ่าผิงปอให้แน่ชัดว่าเป็นมาอย่างไรขอรับ”
“พอได้รับข่าวจากเจ้า ข้าก็ส่งจดหมายไปหาทางจวนผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจวทันที” หวงเลี่ยตอบ หลังจากเดินวนกลับไปกลับมาอยู่พักหนึ่งก็เอ่ยขึ้นมาอีก ผู้อาวุโสจงส่งข่าวมาบอกว่าเซ่าผิงปอกล่าวถึงเฉาเซิ่งไหวหลานชายของเฉาจิ่งว่าอาจจะเป็นคนของหนิวโหย่วเต้า“”
“หา!” หวงทงตกใจ “เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไรขอรับ?”
หวงเลี่ยกล่าวว่า “คิดหาทางจับตามองสักหน่อยเถอะ ดูว่าพอจะหาหลักฐานยืนยันได้หรือไม่”
หวงทงใคร่ครวญดูเล็กน้อย เอ่ยอย่างลำบากใจ “หากอยู่ที่อื่นก็ยังพอว่า แต่อยู่ในสำนักหมื่นสรรพสัตว์ คนของพวกเราไม่กล้าเพ่นพ่านวุ่นวาย ต่อให้ทั้งสองฝ่ายสมคบกันก็ต้องติดต่อกันอย่างลับๆ แน่ คิดจะหาหลักฐานในสถานที่แห่งนี้ เป็นไปไม่ไค่อยได้เลยขอรับ”
….
ณ คุกใต้ดินของจวนผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว เสียงประตูเหล็กลั่นดังกราวๆ มองเห็นจงหยางซวี่เร่งเดินเข้ามาด้านใน
เซ่าซานเสิ่งที่นั่งอยู่บนเสื้อตรงทางเดินลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ เอ่ยเรียกเสียงเบา “คุณชายใหญ่”
ภายในซี่ลูกกรงที่กั้นขวาง เซ่าผิงปอที่ยืนใช้ความคิดเงียบๆ หันกลับมา เมื่อเห็นจงหยางซวี่เพียงคนเดียวก็เอ่ยตอบเสียงเบา “ไม่เป็นไร”
จงหยางซวี่ยืนอยู่นอกลูกกรง ไม่อ้อมค้อมเช่นกัน จ้องมองเซ่าผิงปอที่ประสานมือคำนับอยู่ด้านในแล้วเอ่ยถามเสียงขรึม “จดหมายที่ส่งไปหาวังเหินเวหามันเรื่องใดกันแน่?”
เซ่าผิงปอได้ฟังก็กระจ่างทันที ทางวังเหินเวหาน่าจะได้รับจดหมายฉบับแรกแล้ว เขาเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ใช่แค่วังเหินเวหาเท่านั้น ไม่ว่าจะวิมานม่วงทอง หุบเขากระบี่วิญญาณ สำนักร้อยชลา วังเลิศหล้าและสำนักเทพนารี ข้าส่งคนนำจดหมายไปมอบให้ทั้งสิ้น”
สีหน้าจงอยางซวี่มืดมนลง “เจ้าคิดทำอะไรกันแน่? หน่ายจะมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง?”
เซ่าผิงปอเอ่ยว่า “หนิวโหย่วเต้าคิดจะสร้างเรื่องเข้าใจผิดให้เป่ยโจวเรา ข้าไหนเลยจะนิ่งดูดายได้? ลงส่งจดหมายติดต่อไปหาทั้งสองฝั่งอย่างลับๆ แสร้งว่าต้องการเจรจาเข้าสวามิภักดิ์ เมื่อทางแคว้นเยี่ยนเห็นว่าเป่ยโจวต้องการหวนกลับไปสวามิภักดิ์ย่อมเกรงว่าแคว้นหานขะเข้ามาก่อกวน ต้องปิดบังแคว้นหานแน่นอน กลับกัน ทางแคว้นหานเองก็จะทำเช่นนี้ เมื่อถึงเวลาทั้งสองแคว้นที่ต้องการผลประโยชน์ย่อมไม่เข้ามาโจมตีทำให้รูปการณ์ของเป่ยโจวเราเสียหาย แผนร้ายของหนิวโหย่วเต้าจะล้มเหลว หลังจากนั้นถึงจะเจรจาไม่เป็นผล เป่ยโวของพวกเราก็ยังคงอยู่ดีไม่เสียหาย สมควรำเนินการอย่างไรก็ทำไปตามนั้น แต่มีจุดหนึ่งที่จำเป้นต้องป้องกันไว้ หลังจบเรื่องเพื่อเลี่ยงไม่ให้หนิวโหย่วเต้าก่อคลื่นมรสุมขึ้นมาอีกครั้ง สำนักเขามหายานจำเป็นกำจัดเขาทิ้ง!”
จงหยางซวี่ขมวดคิ้วขบคิดอยู่พักหนึ่ง พลันเงยหน้ามองไป “เจ้าทราบถึงแผนการของหนิวโหย่วเต้ามาแต่แรก กล่าวอีกนัยคือเรื่องนี้เป็นเจ้าที่ริเริ่มหาเรื่องก่อนกระมัง?”
“ท่านลุง!” เซ่าผิงปอเอ่ยเสียงดัง “หรือว่ามาถึงตอนนี้แล้วท่านลุงยังมองไม่ออกอีก? ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแผนการที่หนิวโหย่วเต้าวางแผนให้ร้ายข้า ข้าไม่เคยริเริ่มก่อเรื่องนี้ขึ้น ที่ข้าทราบเป็นเพราะมีคนเผยข่าวแก่ทางข้า”
จงหยางซวี่ถาม “ผู้ใดเผยข่าวต่อเจ้ากันเล่า? เหตุใดไม่รายงานเรื่องนี้มาแต่แรก?”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “สำนักหยกสวรรค์ขอรับ สำนักหยกสวรรคืเป็นฝ่ายติดต่อมาหาข้าก่อน คาดว่าคงคิดจะใช้ประโยชน์จากข้าให้ไปต่อกรกับหนิวโหย่วเต้า ที่ข้าไม่แจ้งแต่แรกเพราะเกรงว่าสำนักเขามหายานจะเข้าใจผิดได้!”
จงหยางซวี่แค่นเสียงเย็นชา “จริงหรือเท็จเดี๋ยวจรวจสอบดูก็รู้!”
หลังจากซักถามอย่างละเอียดต่ออีกสักพัก จงหยางซวี่ก็สะบัดหน้าจากไป
“ท่านลุง ไอ้สารเลวหนิวเจ้าเล่ห์ ไม่อาจประมาทได้ ต้องแจ้งให้ท่านเจ้าสำนักหวงระวังรอบคอบไว้นะขอรับ” เซ่าผิงปอเกาะซี่ลูกกรงร้องตะโกน เขาอยากจะไปที่สำนักหมื่นสรรพสัตว์ด้วยตัวเองใจแทบขาดแล้ว ไม่วางใจในความสามารถของคนสำนักเขามหายานกลุ่มนี้เลย โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหนิวโหย่วเต้า
จงหยางซวี่ไม่ตอบกลับใดๆ ทั้งสิ้น
สองนายบ่าวที่อยู่ทางนี้มองเขาจากไป จนกระทั่งประตูคุกปิดลงเสียงกังตึง เซ่าผิงปอเงยหน้าขึ้นพลางพ่นลมหายใจออกมา พึมพำกับตัวเองว่า “จดหมายไปถึงก็ดีแล้ว”
ในสุ้มเสียงแฝงความกังวลไว้ แม้ว่าเขาวิธีของเขาจะได้ผล แต่หนิวโหย่วเต้าประจำการอยู่ทางสำนักหมื่นสรรพสัตว์ ลงมือดุดันเปียมเจตนาสังหารไว้ทำให้เขายากจะสงบใจได้ตลอดมา
เขาหันไปมองศิษย์สำนักเขามหายานที่จ้องมองมาทางนี้อยู่ มีเพียงเขาที่ถูกจำกัดอิสระไว้อีกครั้ง
….
“พี่โจวมีเรื่องในใจหรือ?”
โจวเถี่ยจื่อเพิ่งออกมาจากจัดวางสำรับอาหารก็พบกับหนิวโหย่วเต้าที่เข้ามาพอดี ฝ่ายหลังสังเกตเห็นว่าท่าทีของฝ่ายแรกดูเหมือนจะไม่ได้เป็นมิตรเท่าก่อนหน้านี้ อดไม่ได้ที่จะสอบถามดู
“เปล่าเลยขอรับ ทุกท่านเชิญตามสบายเถิด” โจวเถี่ยจื่อฝืนยิ้มเล็กน้อยแล้วขอตัวออกไ
หนิวโหย่วเต้าหันกลับไปมองตามหลังเขาที่เดินออกไป ครุ่นคิดอยู่ในใจ
หยวนกังเข้ามาใกล้ กระซิบขึ้นว่า “ค่อนข้างผิดปกติ หรือจะเกิดปัญหาขึ้น”
“จับตามองหน่อย” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยทิ้งท้ายไว้แล้วหันหลังไป เมื่อเข้าไปในห้องโถงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
อิ๋นเอ๋อร์นั่งสวาปามอยู่ตรงนั้นแล้ว หยวนฟางอยู่ด้านข้างคอยปรนนิบัติอย่างระมัดระวัง นี่คือภารกิจที่หนิวโหย่วเต้ามอบหมายให้เขา ให้คอยตามติดอิ๋นเอ๋อร์ไว้ อย่าปล่อยให้นางก่อเรื่องวุ่นวาย
ช่วยไม่ได้ เขาไม่กล้าปล่อยให้ฐานะของราชินีปีศาจตนนี้ถูกเปิดเผยออกไป หากไม่ส่งคนไปจับตามองไว้ก็รู้สึกไม่สบายใจ
หลังกินข้าวเสร็จไม่นาน หนิวโหย่วเต้ายันกระบี่ด้วยมือเดียวนั่งลงในศาลา มองโจวเถี่ยจื่อที่เดินเข้าๆ ออกๆ เก็บกวาดจานชาม
โจวเถี่ยจื่อเพิ่งจะเก็บของเดินออกไป หยวนกังก็เดินเข้ามาอย่างเร่งร้อน ยืนกระดาษแผนหนึ่งที่มีการพับซ้อนกันหลายทบให้พร้อมเอ่ยไปว่า “ได้ของมาแล้วครับ ผู้ส่งสารถูกคนของสำนักเวียนสถิตดักสกัดได้ระหว่างที่มุ่งหน้าไปยังวังเลิศหล้า”
หนิวโหย่วเต้ารับไปอ่านดูครู่หนึ่ง สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาคือตราประทับสีแดงสดลงนามเซ่าผิงปอ จากนั้นก็อ่านเนื้อความในจดหมายอย่างละเอียด มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “สำนักเซียนสถิตจัดการเรื่องนี้ได้ไม่เลวเลย”
….
“ข้าว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงที่เซ่าผิงปอจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน”
หลังจากหวงเลี่ยยืนเท้าราวกั้นอ่านจดหมายที่ตอบกลับมาจากทางมณฑลเป่ยโจวจบก็แค่นเสียงเอ่ยอย่างเย็นชา แต่ภายหลังก็ตกอยู่ในห้วงความคิด จ้องมองจดหมายใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง “แต่แนวทางจัดการไม่เลวเลย ยอมสวามิภักดิ์หรือ…เตรียมตัวเถอะ ข้าจะไปเข้าพบผู้นำของหกสำนักใหญ่”
ไม่นานนัก คณะสำนักเขามหายานที่นำด้วยหวงเลี่ยก็ออกจากเรือนรับรอง ตรงไปที่วังเหินเวหาก่อน หวงทงคุ้นเส้นทางแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้คนของสำนักหมื่นสรรพสัตว์นำทางอีก
หลังจากตระเวนเข้าเยี่ยมคารวะจนครบ นอกจากวังเหินเวหาที่เจรจากันถึงเรื่องสวามิภักดิ์แล้ว สำนักอื่นๆ ล้วนค่อนข้างประหลาดใจกับข่าวดีที่มาหาถึงที่แน่นอนว่าไม่ปฏิเสธแน่นอน
หวงเลี่ยกลับไม่แปลกใจเลย หกหกสำนักกระจายตัวอยู่ในสถานที่ต่างๆ ของสองแคว้น ผู้ส่งสารเทียวส่งจดหมายย่อมต้องใช้เวลา ในเมื่อเขามาหาด้วยตัวเองแล้ว จะได้รับจดหมายช้าหรือเร็วก็ไม่สำคัญแล้ว เขาสามารถตัดสินใจได้
หลังจากไปเข้าพบสำนักสุดท้ายเสร็จสิ้น ยามที่ออกมาจากสำนักเทพนารีก็ดึกดื่นแล้ว
หลังจากพ้นประตูออกมาสีหน้าหวงเลี่ยก็มืดมนลง หลังจากสนทนาลงลึกกันไปเช่นนี้ เขาพอจะทราบเรื่องหนึ่งคร่าวๆ ว่าถูกหนิวโหย่วเต้าหลอกต้มแล้ว ยุยงให้หกสำนักเข้าแย่งชิงผลประโยชน์เป่ยโจวอันใดกัน ไม่มีเรื่องเช่นนั้นเลย!
…………………………………………………………………………………