บทที่ 613 ระฆังวิญญาณ

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 613 ระฆังวิญญาณ

บทที่ 613 ระฆังวิญญาณ

ทุกสิ่งทุกอย่างถูกดูดขึ้นไปยังช่องว่างที่มีสายฟ้าวาบผ่าน ! ทำให้ตอนนี้อุณหภูมิรอบ ๆ กลับมาเป็นปกติแล้ว อีกทั้งเปลวไฟจากภายนอกก็เข้ามาในร่างของฉู่เหินจากทุกทิศทาง !

ฉู่เหินที่ได้พลังสายฟ้าและเพลิงพิโรธมา จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงระฆังดังแว่วมาในสายลม ก่อนที่ชายหนุ่มจะรู้สึกมึนงง ราวกับว่าถูกเสียงระฆังนั้นควบคุม

โชคดีที่ฉู่เหินมีสามจิตวิญญาณ จึงทำให้ใช้เวลาไม่นานก็ได้สติกลับคืนมา ก่อนที่นัยน์ตาของเขาคล้ายจะมีประกายประหลาดวาบผ่าน ด้วยชายหนุ่มรู้สึกว่ามันจะต้องเป็นสิ่งของล้ำค่าอย่างแน่นอน !

คนหลายคนที่เข้ามายังที่นี่ก็เพื่อที่จะแสวงหาโชค และบางทีเสียงนี่ ก็อาจจะเป็นของล้ำค่าที่ว่าก็เป็นได้ !

เดิมทีทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยสายฟ้าและเปลวเพลิง ยังไม่ทันได้เจอของล้ำค่า เขาก็ดูดเอาทั้งสองสิ่งมาหมดแล้ว ซึ่งเมื่อไม่มีของพวกนี้ มันก็ทำให้ของล้ำค่าที่ว่าเผยท่าทีออกมา !

หลังจากควบคุมจิตใจตนเองให้สงบนิ่ง เขาก็เริ่มเดินตามเสียงระฆังไป และยิ่งเดินไปข้างหน้าเท่าไหร่ ร่มไม้ก็ยิ่งเยอะมากขึ้นเท่านั้น เช่นเดียวกับเสียงของระฆังที่ยิ่งดังก้องจนสั่นไปถึงจิตวิญญาณ ทำให้ฉู่เหินเกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาในใจ ! จนต้องหาที่นั่งพักก่อน

ดีที่ตอนนี้ในร่างของเขามีไฟแห่งความว่างเปล่าอยู่ ทำให้ตอนนี้ตัวเองได้ความสามารถด้านวิชามายามาแล้ว ! และขอเพียงพลังวิญญาณตัวเองแข็งแกร่งมากพอ ก็สามารถใช้พลังเหล่านี้โจมตีได้จริง ! แต่ถึงอย่างนั้น …การจะทำได้ถึงขั้นนั้นเกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้ง่าย ๆ!!

กล่าวได้ว่าทุกครั้งที่เขาเลื่อนระดับขั้นสักขั้นหนึ่ง พลังอำนาจของเขาก็จะเพิ่มพูนมากขึ้นหลายร้อยเท่า ซึ่งฉู่เหินก็ไม่ได้พูดถึงแค่ตัวเอง เพราะกับยอดฝีมือขั้นเทพดาราขึ้นไปคนอื่น ๆ เองก็เช่นกัน ! แต่ถึงจะมีพลังเพิ่มขึ้น ทว่าเมื่อโดนเสียงระฆังนั้นเข้าไปก็ยากที่จะต้านไหว เกือบถูกควบคุมเข้าให้แล้ว !

เมื่อเดินมาอีกสักพัก เขาก็พลันมองเห็นว่าอีกหลายร้อยเมตรข้างหน้ามีระฆังสีม่วงเป็นประกายลอยอยู่กลางอากาศ !

มาถึงขนาดนี้แล้ว ทั้งยังมองเห็นของวิเศษล้ำค่าอยู่ตรงหน้าอีก ถ้าฉู่เหินไม่เอากลับไปด้วยเขาจะด่าตัวเองว่าโง่สิ้นดี แต่ประเด็นคือชายหนุ่มจะทำยังไงถึงจะต้านทานพลังเสียงของมันได้ ถ้าเขายังเดินไปอีกเพียงก้าวเดียว เป็นไปได้ว่าเขาจะถูกเสียงระฆังนั้นสั่นคลอนไปถึงจิตวิญญาณ !

มาถึงตอนนี้ชายหนุ่มก็เพิ่งรู้ว่าระฆังนี้เป็นของสิ่งใด และจากตำนานอันเก่าแก่ทั้งหลาย มันก็ได้มีการกล่าวถึงอาวุธร้ายกาจ 10 อย่างในห้วงจักรวาล ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือระฆังวิญญาณนี้นี่เอง !

เจ้าระฆังวิญญาณที่อยู่ตรงหน้านี้นั้น มันได้ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 10 ของอาวุธร้ายกาจที่ว่า ซึ่งก็ได้ยินมาว่าหลายปีก่อนหน้านี้เคยมีคนเห็นระฆังวิญญาณปรากฏกายครั้งหนึ่ง และนั่นก็คือตอนที่เกิดสงครามครั้งใหญ่ในตอนนั้น !

และในตอนนั้นเอง ผู้ที่ใช้ระฆังวิญญาณก็เป็นเพียงชายชราคนหนึ่ง แต่ไม่ว่าเขาไปที่ไหนก็ไร้ผู้ใดต่อกร !! ด้วยใครก็ตามที่ได้ยินเสียงก็พากันล้มตายลงเพราะถูกทำลายแก่นวิญญาณในชั่วพริบตา !!

เรียกได้ว่าสงครามครั้งนั้นได้สร้างชื่อเสียงให้กับชายชราคนนั้นเลยก็ว่าได้ แต่ว่าในขณะที่คนอื่น ๆ คิดว่าชายชราเป็นผู้ไร้เทียมทาน ผู้หญิงอายุคราว 40 ปีนางหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับเข็มเงินหนึ่งเล่มและชุดเสื้อคลุมปักลายภูเขาเจียงซาน ก่อนที่ทั้งสองจะใช้อาวุธในตำนานห้ำหั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

จนสุดท้ายชายชราก็สิ้นท่าให้กับหญิงคนนั้น ! แต่ก่อนที่เขาจะตายระฆังวิญญาณก็ได้หลุดหายไปในหลุมดำและไม่มีใครได้เห็นมันอีกเลย !

คิดไม่ถึงว่ามันจะปรากฏขึ้นที่นี่ แต่การที่เขาไม่สามารถเอากลับไปด้วยได้แบบนี้ มันก็ทำให้ฉู่เหินรู้สึกไม่ยินยอม ! เพราะต้องอย่าลืมว่าระฆังวิญญาณนี้เป็นของวิเศษอย่างแท้จริง ! ชนิดที่ว่าถ้าเขาได้ไปจะเป็นประโยชน์กับตัวเองในอนาคตอย่างแน่นอน !

ฉู่เหินพยายามคิดหาวิธีให้ได้มันอย่างสุดความสามารถ เพราะถ้าครั้งนี้พลาดไป ตัวเขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ !

ความรู้สึกของชายหนุ่มในตอนนี้นั้น มันก็ราวกับว่าเขาเป็นชายแก่วัย 50 กว่าที่เห็นสาวน้อยวัยขบเผาะนอนอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย !!!

ในตอนที่ฉู่เหินยังคิดหาวิธีไม่ได้ ก็มีเสียงดังขึ้นมา “เจ้านาย ฉันมีวิธีที่จะให้ระฆังวิญญาณตามคุณด้วยนะ !” พอได้ยินเสียงนั้น ชายหนุ่มก็ดีใจจนเนื้อเต้น เพราะตั้งแต่ที่เขาได้เป็นเจ้านายของระบบนี้อย่างเป็นทางการ เขาก็ไม่เคยเอามันออกมาใช้ ทำให้คิดไม่ถึงว่ามันจะเซอร์ไพรส์ตัวเองแบบนี้ !

หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากระบบ ฉู่เหินก็พบว่ามันน่าสนใจไม่น้อย และถ้าอาศัยช่องว่างมิติ เขาก็จะไปโผล่ที่หน้าระฆังได้ภายในพริบตา ! ต้องเข้าใจว่าความสามารถในด้านนี้เขาเองก็มีเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจอะไรมากนัก !!!

แต่ที่ทำให้ฉู่เหินรู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อยก็คือ ถ้าตัวเองข้ามไปในช่องว่างมิติแล้วไปโผล่ที่หน้าระฆังวิญญาณ ตัวเขาเองจะยังสามารถเอามันมาได้โดยที่วิญญาณไม่สลายไปก่อนได้ไหม !

ต้องเข้าใจว่าขนาดตอนนี้อยู่ในระยะที่ไกลมาก ก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังกดดัน และถ้าเข้าไปใกล้มาก ๆ ก็ไม่รู้ว่ามันจะทรงพลังมากขนาดไหน ! ดังนั้นตอนนี้เขาจะต้องตัดสินใจให้ดี เพราะมันจะกลายเป็นตัวตัดสินว่าจะอยู่หรือตายได้เลยทีเดียว และถ้าเขาทำสำเร็จจริง ๆ งั้นแล้วตัวเขาก็จะได้ระฆังวิญญาณมาเป็นของตัวเอง จนทำให้หลังจากนี้ชายหนุ่มจะมีไม้ตายที่แข็งแกร่งขึ้นอีกอย่าง แต่ถ้าไม่สำเร็จ ก็คงมีแต่ความตายที่รออยู่ข้างหน้าแล้ว !

บางทีในชีวิตคนเราก็จำเป็นต้องเลือกเส้นทางที่ยากลำบาก เขาจะต้องเลือกว่าอยู่ที่นี่หรือเลือกทางเส้นที่อาจจะทำให้ตายได้ และถึงแม้ฉู่เหินจะเป็นคนจิตใจเข้มแข็ง หากแต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกลังเล ! ทว่าเมื่อกลับมาคิดดี ๆ ชายหนุ่มก็พบว่าในเส้นของผู้ฝึกยุทธ์ไหนเลยจะไม่มีเรื่องให้เสี่ยงอันตราย !

ถ้ากลัวตายเขาก็จะเป็นได้แค่คนธรรมดา และหากต้องการก้าวหน้าก็ต้องยอมเสี่ยง ในเมื่อตอนนี้โอกาสลอยมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ก็ควรที่จะหาทางคว้าไว้อย่านิ่งเฉย !! …เมื่อมาถึงตอนนี้ ฉู่เหินก็สามารถตัดสินใจได้แล้วว่าจะให้ระบบพาตัวเองข้ามมิติไป !

ระบบมันบอกกับฉู่เหินว่าก่อนที่จะข้ามมิติไปนั้น จะต้องเตรียมพร้อมที่จะสูญเสียพลังวิญญาณไปมากพอตัว ! และเมื่อเห็นท่าไม่ดี มันก็จะเข้ามาช่วยเขาอีกแรง ! แต่ถึงจะช่วยชายหนุ่มก็ยังต้องสูญเสียพลังไปมากอยู่ดี และถ้าไม่มียาฟื้นฟูพลังวิญญาณ งั้นแล้วก็เกรงว่ากว่าจะฟื้นฟูคงอีกนาน !!!!

ทันทีที่ฉู่เหินเริ่มการข้ามมิติ ก็เห็นเพียงเส้นแสงจากจุดที่ฉู่เหินเคยยืนอยู่ ลากยาวมาที่ระฆังวิญญาณอย่างรวดเร็ว ! ซึ่งทันทีที่มาถึง ชายหนุ่มก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะยื่นมือออกไปคว้าระฆังวิญญาณ !

จังหวะที่คว้าจับนี่เอง ชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลจากระฆังวิญญาณที่เริ่มจะต่อต้านตนเอง ! ทำให้การนำระฆังวิญญาณเข้ามาในร่างกายตัวเองเกิดอุปสรรคขึ้นมาแล้ว !!!

แต่ตอนนี้เวลาไม่เคยท่า ถ้าเขาลังเลแม้แต่นิดเดียว ระฆังนี้จะส่งเสียงออกมาอีกครั้ง และนั่นมันก็อาจจะทำให้วิญญาณเขาแตกสลายได้เลย ! ดังนั้นฉู่เหินจึงไม่รอช้า รีบโคจรเปลวไฟทั้งสองที่อยู่ในร่างอย่างสุดความสามารถ เพื่อใช้พวกมันหล่อหลอมระฆังวิญญาณก่อนที่ตัวเองจะถูกเสียงของระฆังฆ่าเอา !

อีกทั้งในเวลาเดียวกันนั้น ฉู่เหินก็ได้ปลดปล่อยพลังจิตสังหารออกมาโจมตีใส่ระฆังวิญญาณด้วย ! แต่ทว่ายิ่งเขาบีบบังคับมันหนักเท่าไร มันก็ยิ่งต่อต้านเขามากขึ้นเท่านั้น !

เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่สามารถบังคับมันได้แล้ว ฉู่เหินก็เหงื่อตก เนื่องจากในตอนแรกที่เขาเริ่มควบคุมมันยังไม่ส่งเสียงอะไร แต่ถ้ามันเกิดเปล่งเสียงขึ้นมาเอาตอนนี้ ตัวเองก็คงได้จบสิ้นแน่ ! ทำให้ฉู่เหินไม่มีทางเลือก ได้แต่กัดฟันแน่นและกลายร่างเป็นยักษ์สามตาในทันที !