ตอนที่ 492

My Disciples Are All Villains

ตอนที่ 492 เคล็ดเปิดโลกา

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย

“ฉันควรจะซื้อมันไหม?? การเพิ่มพลังวรยุทธเป็นสิ่งที่สําคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด แต่ปัญหาในตอนนี้ก็คือการใช้แต้มบุญ ถ้าหากลู่โจวไม่ใช้แต้มบุญให้ระวังมากพอในอนาคตตัวเขาก็คงจะไม่มีแต้มบุญเพื่อใช้สําหรับการผลิกลีบดอกบัวกลีบใหม่ได้ เมื่อถึงตอนนั้นลู่โจวในอนาคตก็จะพัฒนาตัวเองได้ช้าลง ดังนั้นตัวเขาจึงไม่ควรที่จะทิ้งโอกาสที่ยอดเยี่ยมแบบนั้นไป “ยังก่อน” ในท้ายที่สุดลู่โจวก็ตัดสินใจที่จะไม่ซื้อ

ลู่โจวลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเดินมายังโต๊ะกลางห้อง ตัวเขามองดูภาพวาดอันเก่าแก่ที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะ “หืม?”

ตัวเขาสังเกตเห็นเกาะใหม่ปรากฏขึ้น มันเป็นเกาะที่อยู่ท่ามกลางทะเลทางตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อเห็นแบบนั้นลู่โจวก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ภาพที่ได้รับมาก็คือเบาะแสใหม่ของลู่โจว

“เกาะเผิงไหลอย่างงั้นเหรอ? หรือว่ามันเป็นที่ที่แม่นางแซ่หลัวคนนั้นอยู่?”

ลู่โจวจําสิ่งที่ผู้เป็นเจ้าสํานักเผิงไหล หวางซื่อเจียเล่าถึงเรื่องเกี่ยวกับแม่นางแซ่หลัวได้ดี หวางซื่อเจียยังคงปกปิดอะไรบางอย่างเอาไว้ ตัวเขาไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าได้ข่าวหรือข้อมูลทั้งหมดมาจากไหน? มันเป็นเรื่องบังเอิญที่หวางซื่อเจียสามารถฝึกฝนตัวเองจนกลายเป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้จริงๆ อย่างงั้นเหรอ? หรือว่าเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากแม่นางแซ่หลัวเช่นกัน? ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ดูเหมือนว่าเรื่องในครั้งนี้จะยิ่งเกี่ยวพันมากขึ้นเท่านั้น

ลู่โจวเปิดเมนูระบบเพื่อตรวจสอบภารกิจ มีภารกิจใหม่ปรากฏขึ้น มันเป็นภารกิจตามหาชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์

ภารกิจ: ค้นหาชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ เคล็ดเปิดโลกา

“เคล็ดเปิดโลกา?”

จวบจนบัดนี้ลู่โจวเชี่ยวชาญในการใช้พลังจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ครบทั้ง 4 พลังแล้ว พลังที่ใช้คลื่นเสียงเป็นอาวุธ พลังแห่งคําพูด, พลังในการโจมตี พลังไร้เสียง, พลังที่เลียนแบบวิชาที่เคยเห็น พลังแห่งอดีต และสุดยอดพลังแห่งการรักษา พลังแห่งไร้ตัวตน ลู่โจวไม่คาดคิดว่าพลังใหม่จะมีชื่อว่าเคล็ดเปิดโลกา

ตัวเขายังคงใช้ความคิดต่อไป ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นจากทางด้านนอก “ท่านอาจารย์”

ลู่โจวที่ได้สติรีบออกจากศาลาทางตะวันออก ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้เห็นหมิงหยิน ในตอนนี้หมิงหยินกําลังคุกเข่าอยู่บนพื้น “เจ้ากลับมาแล้วอย่างงั้นสินะ?”

หมิงหยินมองไปรอบตัว เมื่อแน่ใจว่าผู้เป็นอาจารย์ไม่ได้ตําหนิอะไรตัวเขาก็ได้พูดขึ้น “ข้าเดินทางไปที่สถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่มา”

“สถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่?” ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นงุนงง

หมิงซูหยินที่พูดจบได้ยืนยาแห่งการเบ่งบานด้วยมือทั้งสองข้าง “ข้าได้พบกับยาแห่งการเบ่งบาน! นี่มันสมบัติล้ำค่า ข้าได้เก็บมันมาให้กับท่านอาจารย์ครับ”

ลู่โจวรีบหยิบเม็ดยาแห่งการเบ่งบานขึ้นมาก่อนจะสูดกลิ่น กลิ่นของมันรุนแรงเกินที่ลู่โจวได้คาดไว้ จากนั้นลู่โจวก็ได้คืนเม็ดยาที่ได้มาให้กับหมิงหยิน “เจ้าเก็บเอาไว้เถอะ”

“ท่านอาจารย์ ข้าได้ค้นหายาเม็ดนี้ไปทั่วทั้งสถานศึกษา จนกระทั่งได้พบกับหม้อยาใบหนึ่ง”

“หืม?”

“ไม่ ไม่มีอะไรครับท่านอาจารย์” หมิงหยินรีบเก็บยาแห่งการเบ่งบานก่อนที่จะเดินจากไป

“จงใช้ยาเม็ดนี้กับผู้ที่แยกดอกบัวทองคําซะ”

“ครับ ท่านอาจารย์”

ลู่โจวสังเกตเห็นค่าความจงรักภักดีของหมิงหยินยังคงมีมากกว่า 80% บางทีอาจจะเป็นเพราะตัวเขาไม่ได้ตําหนิที่หมิงซูหยินเดินทางไปที่สถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ด้วยความตั้งใจของตัวเอง ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่หมิงหยินก็ไม่จําเป็นเลยที่จะต้องทําเช่นนั้น

ในขณะนั้นเองยู่ฉางตงก็ได้เดินเข้ามา “ท่านอาจารย์”

“เจ้ามีอะไร?”

“มณฑลจิงกําลังตกอยู่ในความโกลาหล ข้าอยากที่จะไปเห็นกับตา” ยู่ฉางตงตอบกลับ

ลู่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวเขารู้ดีว่ายู่ฉางตงและยู่เฉิงไห้ไม่ถูกกัน พวกเขาทั้งคู่มักจะทะเลาะเบาะแว้งด้วยกันเสมอ

“ยู่ฉางตง”

“ครับ ท่านอาจารย์”

“ในหกเดือนต่อจากนี้ข้าขอสั่งไม่ให้เจ้าต่อสู้กับยู่เฉิงไห่ เจ้าจะทําได้ไหม?”

หมิงหยินตกใจที่ได้ยินแบบนั้น ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่อาจารย์คนนี้เป็นผู้มีจิตใจเมตตา? ดูเหมือนว่าท่านอาจารย์จะเมตตาศิษย์พี่ใหญ่?

ยู่ฉางตงตกตะลึง ตัวเขาสบตาลู่โจวก่อนจะพูดออกมา “ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว บางครั้งพวกเราก็แค่พูดคุยกันด้วยกระบี่และดาบ แต่ในบางครั้งพวกเราก็สามารถพูดคุยกันได้”

หมิงซูหยินที่ได้ยินไม่เข้าใจ

ลู่โจวจ้องมองใบหน้าของยู่ฉางตง ในตอนนี้ยฉางตงกําลังถือบันทึกไว้อยู่ ตัวเขาคงจะเข้าใจคร่าวๆ แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น “แล้วพลังวรยุทธของเจ้าล่ะ?”

ยู่ฉางตงยืดหลังตรง ตัวเขาได้พูดออกมาด้วยความมั่นใจ “ด้วยดาบที่ข้ามี ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว”

ลู่โจวพูดไม่ออก ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ตัวเขาจะเปลี่ยนความคิดที่ยู่ฉางตงมีได้…ในที่สุดตัวเขาก็พูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าก็ไปซะเถอะ”

“ขอบคุณท่านอาจารย์”

“ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็จงให้ความสําคัญกับชีวิตตัวเองซะ”

“ตลอดชีวิตของข้าเจออันตรายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ไม่เคยเป็นอะไร ท่านอาจารย์อย่าได้เป็นกังวล”

“… ” ลู่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อย

ยู่ฉางตงที่เห็นลู่โจวไม่ได้ตอบอะไรกลับมารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ดังนั้นตัวเขาจึงโค้งคํานับก่อนที่จะตอบรับด้วยน้ำเสียงที่ยอมจํานนแทน “ข้าจะจดจําคําเตือนของท่านเอาไว้”

“ติ้ง! สั่งสอนยู่ฉางตงสําเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200”

ถ้าหากพูดคุยธรรมดา เจ้านี่คงจะไม่ยอมฟังแน่ มีแต่จะต้องใช้สีหน้าเอาจริงเอาจังซะแล้ว

“งั้นเจ้าก็ไปได้แล้ว”

ยู่ฉางตงพยักหน้าก่อนที่จะหันหลังและออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไป

“ศิษย์พี่รอง! ศิษย์พี่รอง!” หมิงหยินได้ร้องเรียกก่อนที่จะวิ่งไล่ตามยู่ฉางตง

“มีอะไรกัน?” ยู่ฉางตงหยุดเคลื่อนไหวก่อนที่จะหันมามองหมิงหยินที่กําลังดูสับสน

“ยาเม็ดแห่งการเบ่งบานศิษย์พี่” หมิงหยินได้ยื่นยาเม็ดให้กับยู่ฉางตงด้วยมือทั้งสองข้าง

ยู่ฉางตงมองไปที่เม็ดยาอย่างไม่แยแส ตัวเขาเข้าใจสิ่งที่หมิงหยินต้องการดี ท้ายที่สุดแล้วยู่ฉางดงก็ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเก็บของล้ำค่าเช่นนี้ไว้ใช้กับตัวเองเถอะ” หลังจากที่พูดจบยู่ฉางตงก็ลอยขึ้นก่อนที่จะหายไปในอากาศ

หมิงหยินยังคงถือเม็ดยาเอาไว้ในมือ ตัวเขาที่ถูกปฏิเสธซ้ำได้แต่บ่นพึมพํา “ หรือว่ายาเม็ดนี่จะไร้ค่ากัน? สิ่งที่ข้าอุส่าทําลงไปเปล่าประโยชน์อย่างงั้นเหรอ?”

“ท่านศิษย์คนที่สี่?” โจวจี้เฟิงเดินทา

“มีอะไรก็ว่ามา!”

“ไม่มีใครต้องการยาเม็ดอย่างงั้นเหรอ?” โจวจี้เฟิงถามออกมา ตัวเขาแทบน้ำลายสอเมื่อได้เห็นยาเม็ดแห่งการเบ่งบาน

“เจ้าต้องการอย่างงั้นเหรอ?”

“ขอบคุณท่านศิษย์คนที่สี่เ” โจวจี้เฟิงรีบโค้งคํานับ

“เจ้าเสียสติไปแล้วรึไงกัน ใครบอกว่าข้าจะมอบมันให้กับเจ้า?” หมิงหยินได้เก็บยาเม็ดแห่งการเบ่งบานก่อนที่จะจากไป

“…” โจวจี้เฟิงที่เห็นแบบนั้นพูดไม่ออก

หมิงหยินตัดสินใจที่จะกลับไปยังศาลาทางใต้เพื่อพักผ่อน ในขณะนั้นเองตัวเขาก็เหลือบไปเห็นหยวนเอ๋อที่กําลังเดินอยู่กับธิดาหอยสังข์

สาวน้อยสองคนกําลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

“หืม? น้องใหม่อย่างงั้นเหรอ?” หมิงหยินเดินไปหาทั้งสองคนก่อนที่จะพูดทักทาย “ศิษย์น้องเล็ก!”

หยวนเอ๋อที่เห็นหมิงหยินถืออะไรอยู่ได้ถามออกมา “ศิษย์พี่สี่? ท่านเอาขนมอร่อยๆ มาฝากข้าสินะ?”

ธิดาหอยสังข์ส่งยิ้มให้กับหมิงหยิน

“นี่คือใครกัน?”

“หอยสังข์นะ” หยวนเอ๋อตอบกลับ

“หอยสังข์?” หมิงหยินดูตกใจ ตัวเขาเดินไปรอบๆ หอยสังข์ก่อนที่จะวัดขนาดตัวของนาง ไม่มีใครรู้ว่าหมิงหยินกําลังคิดอะไร

“ศิษย์พี่แล้วที่ศิษย์พี่กําลังถืออยู่คืออะไร?”

“ยาเม็ดแห่งการเบ่งบาน” หมิงหยินตอบกลับอย่างไร้อารมณ์

“ให้ข้าดูหน่อย”

หมิงหยินได้ส่งเม็ดยาให้กับหยวนเอ๋อ ตัวเขาที่ยืนอยู่ด้านข้างกําลังจ้องมองธิดาหอยสังข์

หยวนเอ๋อรีบเปิดกระเป๋าก่อนที่จะหยิบเม็ดยาออกมาดู เม็ดยาแห่งการเบ่งบานดูโปร่งแสงและส่งกลิ่นหอมออกมา

นี่เป็นครั้งแรกที่หยวนเอ๋อและธิดาหอยสังข์เห็นเม็ดยาแห่งการเบ่งบาน เป็นธรรมดาที่ทั้งสองคนจะอยากรู้อยากเห็น

ในสายตาของธิดาหอยสังข์ เม็ดยาที่เห็นก็เป็นเหมือนกับไข่มุก

“รับไปสิ” หยวนเอ๋อได้วางเม็ดยาให้กับสาวน้อยไป

สาวน้อยที่ได้รับเม็ดยาได้ส่องมันกับแสงแดด

สาวน้อยทั้งสองคนยังคงกระซิบกันต่อ

“นี่มันกินได้ใช่ไหม?”

“แน่นอน มันก็คงจะเหมือนกับของหวานละมั้ง” หยวนเอ๋อในตอนนี้กําลังชื่นชมเม็ดยาแห่งการเบ่งบานอยู่

“อืม” เม็ดยาที่ดูโปร่งใสมันดูคล้ายกับลูกกวาดในสายตาสาวน้อย ในตอนนั้นเองธิดาหอยสังข์ก็คิดที่จะกินมัน ไม่มีเด็กคนไหนที่จะสามารถต้านทานลูกกวาดแสนอร่อยได้ นางยกมือขึ้นก่อนที่จะหยิบเม็ดยาเข้าปากไป เม็ดยาที่เข้าปากละลายไปในทันที

หมิงหยินที่กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็เห็นเม็ดยาแห่งการเบ่งบานหายไปซะแล้ว ตัวเขาได้พูดออกมาด้วยความสงสัย “แล้วเม็ดยาแห่งการเบ่งบานของข้าอยู่ที่ไหนกัน?”

“ข้ากินมันไปแล้ว” ธิดาหอยสังข์ตอบกลับมาอย่างไร้เดียงสา

“อะไรนะ?”

“มันทั้งหวาน เค็ม…แล้วก็ร้อน” หลังจากพูดจบธิดาหอยสังข์ก็หลับตาลงก่อนที่จะล้มลงไปในทันที

“???”