ค่าเสียเวลาหนึ่งพันตำลึง?
ผู้คนมากมายพากันเบิกตากว้าง
เงินจำนวนหนึ่งพันตำลึงสำหรับชาวบ้านทั่วไปนั้น สามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ไปทั้งชีวิตเลยทีเดียว
แต่ผู้คนทั้งหลายได้แต่ชำเลืองมองแล้วส่ายหน้า
เกรงว่าเงินหนึ่งพันนี้คงไม่อาจได้มา
ไม่ต้องกล่าวถึงความยากลำบากในการเดินทางไปหลิ่งหนานสถานที่อันห่างไกลและยากลำบากแห่งนั้น หากว่าหลี่ต้าหลังถูกคนฆ่าตายเข้าระหว่างทางจะทำเช่นไร จะมีผู้ใดรู้เล่า
ในไม่ช้าก็มีใครคนหนึ่งตะโกนออกมาจากฝูงชนว่า
“ท่านอ๋องกล่าวได้น่าฟังเหลือเกิน หากว่าหลี่ต้าหลังถูกฆ่าตายระหว่างเดินทางเล่า เมื่อเขาตายไปแล้วเงินก็ไม่จำเป็นต้องให้ พวกเราชาวบ้านก็ไม่รู้เรื่องเช่นกัน…”
ทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดนั้น “นั่นสิ ท้องฟ้ากว้างใหญ่ถนนอันห่างไกล หากว่าหลี่ต้าหลังถูกฆ่าระหว่างทางล่ะก็ เมื่อถึงเวลานั้นไม่เพียงแต่จะประหยัดเงินเท่านั้น บางทีคนร้ายอาจจะถูกปล่อยตัวไปก็ได้…”
กฎหมายจะไม่ลงโทษบุคคลกลุ่มมาก พวกเขาทั้งหลายมารวมตัวกันที่แห่งนี้จึงไม่กลัวที่จะถูกลงโทษเนื่องจากกล่าวหาเยี่ยนอ๋อง
หึๆ การที่เยี่ยนอ๋องกล้าทำเช่นนี้ช่างเสียชื่อเสียงของเขายิ่งไปอีก
อวี้จิ่นได้แต่ยิ้มแล้วตั้งใจฟัง
หลังจากที่ชาวบ้านเหล่านั้นเอ่ยวาจามากมายจบสิ้นลง เขาก็ได้ยกมือขึ้นแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอันดังว่า “ทุกท่านโปรดฟังข้า”
ตอนนี้มีคนมากมายรวมตัวกัน แม้ว่าพวกเขาจะเพียงกระซิบกระซาบกัน แต่น้ำเสียงเหล่านั้นเมื่อมารวมกันแล้วก็ดูมีพลัง สามารถทะลุทะลวงเข้าไปดังก้องอยู่ในหูอย่างชัดเจน
ฝูงชนเงียบทันที
พวกเขาสงสัยยิ่งนักว่าเยี่ยนอ๋องจะกล่าวสิ่งใดออกมา
ที่จริงควรจะกล่าวว่า การที่เยี่ยนอ๋องปรากฏกายขึ้นในเหตุการณ์เช่นนี้ เพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นความอยากรู้ของทุกคน
พวกเขาพบเหตุการณ์วุ่นวายเหล่านี้มีมาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ขุนนางและผู้มั่งคั่งก้าวออกมายืน อีกทั้งนับว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์นี้
เมื่อคิดได้ดังนั้นทุกคนก็ล้วนตื่นเต้น
สายตาของผู้คนต่างตื่นเต้นแล้วจ้องมองไปยังชายหน้าตางดงามผู้นี้
“ข้าขอเชิญอีกห้าสิบคนร่วมเดินทางคุ้มกันนักโทษไปพร้อมกับหลี่ต้าหลัง อาหารและที่พักอาศัย ข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง ทุกคนหลังจากกลับมาถึงเมืองหลวงแล้วจะได้ค่าตอบแทนคนละสองร้อยตำลึง”
หันหรานผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินซึ่งซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนกำลังรอชมเรื่องราว ได้แต่เผยอริมฝีปากขึ้น
เยี่ยนอ๋องสามารถคิดวิธีได้มากมายจริงๆ ห้าสิบคนกับการติดตามคุ้มกันนักโทษไปส่ง อีกทั้งยังมีอาหารให้ เขาจะส่งองค์หญิงออกไปสมรสหรือ
แต่ถึงกระนั้น ก็ทำได้เพียงนั่งยิ้มอยู่ด้านข้าง
เยี่ยนอ๋องทูลขอฝ่าบาทให้เขาให้ความร่วมมือ แล้วเขาจะกล่าวสิ่งใดได้อีกเล่า
หันหรานรู้สึกว่าตนกำลังตกหลุมพราง แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่เยี่ยนอ๋องกล่าวว่าจะมอบค่าตอบแทนและอาหารให้ ค่าใช้จ่ายเหล่านั้นเขาเป็นผู้รับผิดชอบเอง จึงได้ถอนหายใจออกมา
ช่างเถิด ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เงินของเขา เยี่ยนอ๋องจะใช้เงินของตนเองในการสุรุ่ยสุร่ายดังนั้นก็เรื่องของเขาเถิด
จากเมืองหลวงถึงหลิ่งหนานใช้เวลาไปกลับประมาณสี่เดือน รวมที่พักและอาหารเท่ากับว่าได้รับเงินสองร้อยตะลึงเปล่าๆ?
บรรดาผู้ที่เข้ามามุงดู ไม่ว่าจะรู้หนังสือหรือไม่ก็รีบยกนิ้วขึ้นมานับ จากนั้นดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้าง
นี่มันช่างคุ้มค่ายิ่งนัก ปีหนึ่งพวกเขาทำงานอย่างหนัก แต่อาจจะได้ค่าตอบแทนไม่ถึงสามสิบตำลึงด้วยซ้ำ
ปัญหาด้านความปลอดภัย?
จะมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยได้อย่างไรกัน มีคนมากมายไปด้วยกันเช่นนั้น หรือเยี่ยนอ๋องจะฆ่าปิดปากพวกเขาทั้งหมด เพียงแค่คิดก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้
อวี้จิ่นชำเลืองมองผู้ชมรอบข้างแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอันดังว่า “พวกท่านคิดเยี่ยงไร หากมีคนประสงค์จะเดินทางไป ให้ลงนามได้ตอนนี้ ข้าจะทำการรวบรวมรายชื่อ ณ บัดนี้”
เมื่อพวกเขาได้ยินต่างก็พากันกรูเข้าไปด้วยความบ้าคลั่ง ผู้คนไม่น้อยเบียดเสียดไปด้านหน้าแล้วตะโกนว่า “ข้าไป ข้าจะลงชื่อ!”
ชั่ววินาทีนั้นไม่มีใครสนใจโยนผักปลาใส่อาชายโต้วอีกแล้ว
อาชายาโต้วกะพริบตาน้ำตาไหล
หลี่ต้าหลังหนึ่งพันตำลึง และอีกห้าสิบคนคนละสองร้อยตำลึง รวมเป็นหนึ่งหมื่นหนึ่งพันตำลึง
เพื่อพาตัวเขาไปที่หลิ่งหนาน เยี่ยนอ๋องยินดีจ่ายเงินมากถึงหนึ่งหมื่นหนึ่งพันตำลึง… ฮือๆ หากรู้ว่าตนเองมีค่ามากขนาดนี้สู้เขาขายตนเองให้แก่เยี่ยนอ๋องไม่ดีกว่าหรือ อย่างน้อยปุ๋ยและน้ำก็จะไม่ไหลไปยังทุ่งนาของผู้อื่น
หากอวี้จิ่นรู้ว่าเขานำมาเปรียบเทียบเช่นนี้คงจะโมโหอย่างแน่นอน
“ท่านอ๋องขอรับ ผู้คนมากมายเช่นนี้อาจเกิดเหตุการณ์เหยียบกันตายได้”
“ทุกท่านได้โปรดเงียบก่อน” อวี้จิ่นตะโกนขึ้นเสียงดัง
ความมั่งคั่งมักทำให้ผู้คนใจเต้นรัวเสมอ บัดนี้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเยี่ยนอ๋องไม่มีประโยชน์นัก เสียงโห่ร้องของผู้คนท่วมท้นเกินกว่าเสียงของเขา
อวี้จิ่นยื่นมือออกไป
จากนั้น เอ้อร์หนิวที่หมอบอยู่ไม่ไกลออกไปก็วิ่งเข้ามา ท่าทางว่าง่ายเหมือนกำลังรอคำสั่งอยู่
อวี้จิ่นลูบไปที่ศีรษะของเอ้อร์หนิว “เอ้อร์หนิว ต่อจากนี้ถึงตาเจ้าแล้วหากทำได้ดีข้าจะให้กินเนื้อนึ่ง”
ดวงตาของเอ้อร์หนิวเป็นประกายทันที มันมองไปรอบข้างจากนั้นใช้ขาหลังของมันกระแทกไปที่เก้าอี้บันได
เดิมทีเก้าอี้นั้นไม่ได้มั่นคงนัก เมื่อช่วงเช้านักกายกรรมสร้างบันไดนี้ขึ้นมาเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้อื่น แต่ต่อมาได้ถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือกเพื่อเพิ่มความมั่นคง
ท่าทางของเอ้อร์หนิวค่อนข้างยืดหยุ่นคล่องแคล่ว ในไม่ช้ามันก็ปีนขึ้นไปบนจุดสูงสุดแล้วเงยหน้าขึ้นส่งเสียงหอนออกมา
อวี้จิ่นใบหน้ามืดมนลงทันที
เจ้าเอ้อร์หนิวตัวนี้ช่างเอาใจคนเก่งยิ่งนัก เขาเพียงแค่สั่งให้มันเห่าสักสองสามครั้งเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คน ใครจะรู้เล่าว่าเจ้าสุนัขตัวนี้จะ ‘บิน’ ขึ้นไปสูงขนาดนั้น เจ้าหมาบินเอ้ย
อวี้จิ่นมองขึ้นไปบนบันไดสูงลิบลิ่วแล้วรู้สึกวิงเวียนศีรษะ
น่าแปลกเหลือเกินเมื่อเช้าตอนที่นักแสดงกายกรรมปีนขึ้นไป เขาไม่ได้รู้สึกเวียนหัวแม้แต่น้อย
ด้วยเสียงที่คำรามออกมาดูเหมือนสุนัขแต่ก็ไม่ใช่สุนัข ดูเหมือนหมาป่าแต่ก็ไม่ใช่หมาป่า ทำให้ฝูงชนเงียบในทันใด
“มองไปที่เก้าอี้นั่นสิ มีหมาป่าตัวโตอยู่ที่นั่น”
“หมาป่า?”
ทุกคนถอยห่างออกไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
จากนั้นพบว่าผู้คนด้านล่างพากันนิ่งเงียบ หลังจากที่เป้าหมายสำเร็จแล้ว เอ้อร์หนิวก็สะบัดหางแล้วลื่นตัวลงมาจากเก้าอี้บันไดอย่างรวดเร็ว
“ให้ตายสิ หมาป่าตัวนี้ปีนต้นไม้ได้!”
ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นตกใจเสียจนขนหัวลุก โชคดีที่มีคนมากจึงยังไม่มีใครวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง
พวกเขากลัวแล้วหรือ
เอ้อร์หนิวเดินตรงเข้าไปหาอวี้จิ่นแล้วนั่งลงด้านข้าง สายตาของมันมองไปรอบข้างด้วยความดูถูกแล้วอ้าปากเห่า “โฮ่ง!”
หลังจากที่เอ้อร์หนิวเห่าออกมา สีหน้าของทุกคนก็ดูประหลาดใจ
เจ้าตัวใหญ่โตที่อยู่ตรงหน้านี้ มันเป็นเพียงแค่…สุนัข?
เอ้อร์หนิวตบหางของมันลงไปที่พื้นด้วยความไม่พอใจ
เจ้ามนุษย์น่าโง่ทั้งหลาย ข้ามีหน้าตาเหมือนสุนัขขนาดนี้ พวกเจ้าดูไม่ออกหรือ
อวี้จิ่นส่งสายตาไปทางเอ้อร์หนิวเป็นความหมายว่ากลับไปจะคิดบัญชีกับเจ้า ก่อนจะตะโกนกล่าวขึ้นว่า “คาดไม่ถึงว่าทุกคนจะกระตือรือร้นเพียงนี้ เป็นข้าเองที่คิดได้ไม่รอบคอบ เอาเช่นนี้เถิด ห้าสิบคนที่จะเดินทางไปด้วยกันนี้ข้าจะให้หลี่ต้าหลังเป็นคนจัดการคัดเลือก ให้เขาตัดสินใจเลือกคนที่เขาเชื่อถือได้ห้าสิบคนคุ้มกันตัวนักโทษไปด้วยกัน ทุกท่านมีความคิดเห็นหรือไม่”
หลังจากที่อวี้จิ่นกล่าวจบก็หันไปมองดูผู้คนเหล่านั้น พวกเขาตะโกนขึ้นว่า “ไม่มี”
“ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้าใจ” เมื่ออวี้จิ่นกล่าวจบแล้วก็หันไปมองหลี่ต้าหลัง “ไม่ทราบว่าการที่ข้าจัดการเช่นนี้ ท่านมีความคิดเห็นใดหรือไม่”
หลี่ต้าหลังขยับริมฝีปากเล็กน้อย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปไม่หยุด
กล่าวตามเหตุผลแล้วชายตรงหน้าเป็นถึงท่านอ๋องแต่กลับทำให้เขามากมายเพียงนี้ แล้วเขาจะกล่าวอย่างไรได้อีก
แต่หากกล่าวเรื่องความรู้สึก…
หลี่ต้าหลังได้แต่พึมพำออกมาว่า “แต่ภรรยาของข้าไม่อาจกลับมาได้แล้ว…”
แววตาของอวี้จิ่นแฝงไปด้วยคำขอโทษจากใจจริง เขายกมือขึ้นแล้วโค้งคำนับหลี่ต้าหลังอย่างสุดซึ้ง “ข้ารู้ว่าภรรยาของท่านนั้นประเมินค่าไม่ได้ ดังนั้นข้าขอกล่าวว่าขอโทษ…”
หลี่ต้าหลังเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ท่านอ๋องผู้สง่างามสูงส่งคำนับเขาเช่นนี้จึงได้รู้สึกตื่นตระหนกลนลานรีบคารวะกลับ “ท่านอ๋องอย่าได้ทำเช่นนี้ อย่าได้ทำเช่นนี้เลย…”
ผู้คนที่มุงดูเห็นฉากที่ดูเหมือนจะเห็นอยู่ในหนังสือละคร พวกเขาถอนหายใจออกมาแล้วนึกในใจว่า เยี่ยนอ๋องช่างเป็นคนดีเหลือเกิน
บรรดาตัวแทนที่ซ่อนอยู่ในฝูงชนซึ่งถูกส่งมาจากจวนต่างๆ ล้วนกลับไปรายงานนายของจวนตนเองในสิ่งที่พวกเขาเห็น
ณ ตำหนักหยั่งซิน จิ่งหมิงฮ่องเต้หลับพระเนตรฟังรายงานจากหันหรานแล้วค่อยๆ ลืมพระเนตรขึ้น
“เจ้าเจ็ดคิดหาวิธีให้ผู้เสียหายส่งนักโทษไปด้วยตนเอง?”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ความสงสัยของชาวบ้านที่มีต่อคดีนี้ก็คงจะคลายหายไปจนสิ้น
เจ้าเจ็ด เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่! แสดงได้ดีกว่าในหนังสือละครเสียอีก!