บทที่ 503 แมงดาที่โด่งดังที่สุด

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 503 แมงดาที่โด่งดังที่สุด

บทที่ 503 แมงดาที่โด่งดังที่สุด

“งั้นก็ได้ ไม่มีปัญหา!” ซูอันกล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างเคอะเขิน ผู้ชายคนไหนจะเดือดร้อนกับเรื่องแบบนี้?

เจิ้งตานก้มศีรษะลงเมื่อนางได้ยินคำตอบรับ

ซูอันเงยหน้าขึ้นมองไปยังรอบ ๆ ถ้ำของมังกรแดง เขาตัดสินใจว่าภายในถ้ำอย่างน้อยก็เหมาะสม ดังนั้นเขาจึงอุ้มเจิ้งตานไปหาที่เหมาะ ๆ ในถ้ำ

ศพของมังกรแดงนั้นยังคงนอนอยู่ที่เดิม มันยังคงแผ่พลังกดดันที่ตกค้างซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางที่สัตว์ร้ายตัวใดจะกล้าเข้ามาในถ้ำ

ส่วนภัยคุกคามจากพวกมนุษย์นั้นก็ไม่น่าห่วง พวกเขาอยู่ในส่วนลึกของภูเขามังกรซ่อน คงไม่มีใครกล้าเข้ามาลึกขนาดนี้ และแม้ว่าจะมีคนมาที่นี่ แต่ก็คงไม่มีใครสามารถลากร่างมังกรขนาดใหญ่เช่นนี้ได้

“พี่หญิงใหญ่ ท่านจะไม่แอบดูพวกเราใช่ไหม?” ซูอันถามหมี่ลี่ทันที

ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 513!

“เจ้าเห็นว่าข้าซึ่งเป็นถึงจักรพรรดินีเป็นคนแบบไหน? ทำไมข้าจะต้องอยากดูการกระทำที่สกปรกของเจ้า!” หมี่ลี่ตะโกนอย่างโกรธจัด “ข้าจะกลับไปนอน อย่ามายุ่งกับข้า!”

หลังจากพูดจบ เสียงของนางก็ขาดหายไปอย่างฉับพลัน

ซูอันเรียกนางอีกสองสามครั้ง และเมื่อเขาไม่ได้ยินเสียงตอบรับใด ๆ ซูอันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หลังจากพาเจิ้งตานเข้ามาในถ้ำ ซูอันกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ริมฝีปากสีแดงอันร้อนรุ่มก็ประกบเข้ากับปากของเขาเองซะก่อนแล้ว

พิษในร่างกายของเจิ้งตานส่งผลเต็มที่

ร่างกายที่บอบบางและอ่อนนุ่มของนางโอบกอดซูอัน เมื่อโดนหญิงสาวที่สวยเช่นนี้เป็นฝ่ายรุกเข้าหาเขาก่อน ไม่มีทางที่เขาจะสามารถนิ่งเฉยได้หากยังคงเรียกตัวเองว่าผู้ชาย!

การหายใจและการเคลื่อนไหวของพวกเขารุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ชุดของเจิ้งตานที่บอบบางถูกฉีกขาดกระจัดกระจายเหมือนฝูงผีเสื้อเผยให้เห็นร่างกายที่สมบูรณ์แบบที่สมาชิกกลุ่มวาฬนับไม่ถ้วนฝันถึง

เจิ้งตานหยุดซูอัน เสียงของนางขัดแย้งและวิตกกังวลไม่แพ้กัน “ไม่… ข้าทำไม่ได้…ข้าไม่สามารถทำลายความบริสุทธิ์ของข้าก่อนแต่งงาน…” นางอ้อนวอน

จู่ ๆ ความคิดถึงหลักเหตุผลมากมายผุดขึ้นในหัวของนาง นางกังวลจนขมวดคิ้วแน่น

ซูอันคิดว่าคงจะดีถ้านางไม่พูดเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ยิ่งนางมีพฤติกรรมเช่นนี้ เขาก็ยิ่งรับไม่ได้

ครั้งสุดท้ายที่ชายหนุ่มล้มเหลวในตอนท้ายด้วยเหตุนี้ เขาจะทำผิดพลาดแบบเดียวกันซ้ำอีกได้ยังไง?

ซูอันจูบนางอย่างอ่อนโยน ในไม่ช้าสายตาของนางก็พร่ามัว และมือที่ยันหน้าอกเขาก็ไม่มั่นคงอีกต่อไป

เมื่อรู้สึกถึงความลังเลของนาง ซูอันก็กดร่างกายของเขาเบา ๆ ลงบนตัวนาง

น้ำตาหยดหนึ่งไหลอาบใบหน้าของนาง ในที่สุดทั้งสองก็กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน

……

หลังจากเวลาผ่านไปนาน ความชัดเจนก็กลับมาที่ดวงตาของเจิ้งตาน

“เจ้าจะไม่โทษข้าในเรื่องนี้ใช่ไหม?” ซูอันกล่าวขอโทษ

เจิ้งตานส่ายหัวเล็กน้อย แขนที่เนียนราวกับหยกของนางโอบรอบตัวเขาอย่างอ่อนโยน และตอบรับเขาด้วยร่างกายของนาง

หลังจากนั้นไม่นาน นางก็รู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนที่พลุ่งพล่านในตัวของตน มันเป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่นางถูกวางยาพิษครั้งแรก นางจำคำพูดที่จองหองของเฉินเซวียนได้ทันที

ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางเริ่มแดง อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างที่เป็นอยู่ ก็ไม่มีอะไรต้องอายอีกแล้ว นางขยับริมฝีปากข้างหูของเขาและกระซิบเบา ๆ “อาซู พิษที่ข้าได้รับมีชื่อว่า ‘สิบแปดสายลมใบไม้ผลิ’ … ”

“ข้ารู้เรื่องนั้น” ซูอันตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ นางถึงบอกเรื่องนี้กับเขา

เมื่อเห็นความไม่เข้าใจของเขา ใบหน้าของเจิ้งตานก็แดงขึ้นเท่านั้น นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอธิบายว่า “มันตรงตามชื่อจริง ๆ เราต้องทำ…สิบแปดครั้ง…”

นางสาปแช่งเฉินเซวียนอยู่ในใจ เขาไปเอายาที่น่ารังเกียจเช่นนี้มาจากไหน?

ซูอันนิ่งไปครู่ก่อนจะหัวเราะ “งั้นข้าจะทุ่มสุดตัวเลยก็แล้วกัน!”

เวลาผ่านไปมากขึ้น เจิ้งตานกอดซูอันไว้แน่น ร่างกายของนางสั่นสะท้าน

นางใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อหายใจ นางช่วยซูอันเช็ดเหงื่อของเขา “เจ้าไม่เหนื่อยเกินกว่าจะทำต่อไปเหรอ?”

ซูอันหัวเราะ “ไม่มีผู้ชายคนไหนในโลกนี้ที่จะเหนื่อยเมื่อมีสาวสวยอย่างเจ้าตรงหน้า!”

เจิ้งตานยิ้มหวานซึ่งทำให้นางดูมีเสน่ห์มากกว่าปกติ

ธรรมชาติที่แท้จริงของนางไม่ใช่คนเรียบร้อยและเป็นกุลสตรี ‘สิบแปดสายลมใบไม้ผลิ’ ประกอบกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน ได้จุดประกายเพลิงที่ซ่อนในส่วนลึกของตัวนาง

ขณะที่ทั้งสองโอบกอดกัน นางก็พึมพำเบา ๆ ข้างหูของชายหนุ่ม “อาซู เจ้าไม่รู้สึกเหรอว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นเหมือนทะเลสาบและดวงจันทร์?’

“ทะเลสาบและดวงจันทร์?” ซูอันรู้สึกงุนงง คุณหนูผู้สูงศักดิ์ทุกคนชอบบทกวีนี้งั้นเหรอ?

“ข้าคือทะเลสาบ ส่วนเจ้าคือดวงจันทร์” เจิ้งตานพูดพร้อมยิ้มอย่างอ่อนหวาน “ทะเลสาบอยู่ใต้ดวงจันทร์ ในขณะที่ดวงจันทร์อยู่เหนือทะเลสาบ ข้าอยู่ภายใต้เจ้าในขณะที่เจ้ากำลัง…”

นางหัวเราะคิกคัก

ซูอันรู้สึกถึงคลื่นความร้อนที่พลุ่งพล่านในร่างกายของเขา จนคิดว่าตัวเองกำลังจะระเบิด ผู้หญิงคนนี้เป็นจิ้งจอกในหมู่จิ้งจอกจริง ๆ!

เวลาผ่านไปอีกครั้ง และร่างกายของซูอันก็แข็งค้างในทันใด แต่ถึงกระนั้น เขากลับรู้สึกลังเลเล็กน้อย นางหมั้นแล้ว ถ้าเขาบังเอิญทำให้นางตั้งครรภ์…

ราวกับว่านางสัมผัสได้ถึงความวิตกของเขา เจิ้งตานมองมาที่เขาด้วยดวงตาที่อ่อนโยน “ทุกอย่างปกติดี มีที่ที่แสงแดดมาไม่ถึง แต่เจ้าทำได้”

ซูอันคำรามในลำคอ เขาจะยับยั้งตัวเองได้ยังไง?

ที่มุมหนึ่งของถ้ำ ร่างวิญญาณของหมี่ลี่ซึ่งมองเห็นไม่ได้ด้วยตาเปล่ากำลังยืนจ้องซูอันและเจิ้งตานอยู่ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “หากผู้หญิงคนนี้ได้เป็นหนึ่งในนางสนมของจักรพรรดิ นางคงจะสร้างความหายนะอย่างใหญ่หลวงให้กับนางสนมทั้งหมดแน่นอน!”

ผู้หญิงคนนี้สามารถสลับบุคลิกไปมาระหว่างความเป็นกุลสตรีและความยั่วยวนเช่นเดียวกับจิ้งจอกได้อย่างลงตัว มีผู้ชายเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถต้านทานการล่อใจเช่นนี้ได้

ทันใดนั้นนางก็สังเกตเห็นว่าซูอันกำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง นางตกตะลึง “สิบแปดครั้งแล้วจริง ๆ! หากเขาเป็นแมงดา เขาจะเป็นแมงดาที่โด่งดังที่สุดอย่างแน่นอน!”

คำว่า ‘แมงดา’ เป็นสิ่งที่นางได้เรียนรู้จากซูอัน

แก้มของนางแดงขึ้นและร้อนขึ้น ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางรีบปิดประสาทสัมผัสทั้งห้าและเข้าสู่ภาวะจำศีลอีกครั้ง

“หยุดนอนได้แล้ว ลุกขึ้น!”

เช้าวันรุ่งขึ้น ซูอันถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงที่ไม่พอใจของหมี่ลี่

“เป็นอะไรไปพี่หญิงใหญ่” เขามองไปทางร่างหมี่ลี่ที่โปร่งใส ด้วยอาการง่วงงุนอยู่

ในเวลาเดียวกัน เจิ้งตานยังคงหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของเขา ใบหน้าของนางมีรอยยิ้มหวานและพึงพอใจ

หมี่ลี่พ่นลมหายใจ “เอาลูกแก้วนั่นออกมาดูกันว่าเป็นสมบัติแบบไหน!”

ผู้ชายคนนี้ประกอบกามกิจทั้งคืน ซึ่งหมายความว่านางไม่สามารถพักผ่อนได้ ฉากที่นางเห็นได้หลอกหลอนตัวนางเอง แม้ว่านางจะปิดประสาทสัมผัสทั้งห้าของนางแล้วก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ผู้ชายคนนี้สามารถนอนหลับได้อย่างสบายหลังจากออกแรงอย่างเต็มที่!

นางอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นนางจึงหาเหตุผลในตอนเช้าเพื่อปลุกเขาให้ตื่น

“โอ้…” เขาค้นในกระเป๋าของเขาและหยิบลูกแก้วออกมา

“ไปข้างนอกกันก่อน ข้าไม่ต้องการที่จะมองผู้หญิงที่ใส่เสื้อผ้ารุงรังแบบนี้!” หมี่ลี่บ่นและเดินออกไป

เขาก้มศีรษะลงเพื่อมองดูผิวสีดอกกุหลาบของเจิ้งตาน เสื้อผ้าของนางห่างไกลจากคำว่ารุงรังนัก น่าจะเป็นรุ่งริ่งมากกว่า!

ซูอันหัวเราะอย่างเชื่องช้าและทำตามคำพูดของหมี่ลี่อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มกลับสะดุดล้มลงหลังจากก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว เขาไม่ได้รู้สึกเหมือนกำลังเดินบนพื้นแข็ง แต่มันเหมือนกับเขาย่ำอยู่บนปุยฝ้าย (ขาอ่อน)

หมี่ลี่มองเขา นางเข้าใจชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

ซูอันหัวเราะอย่างเคอะเขิน

หมี่ลี่พ่นลมอย่างเย็นชาก่อนจะสั่งสอนเขา “ส่งพลังชี่ของเจ้าเข้าไปในลูกแก้วซะ แล้วส่งจิตสำนึกของเจ้าเข้าไปทีละนิดด้วย!” นางค่อย ๆ สอนเขาถึงวิธีควบคุมจิตสำนึกของเขา

ซูอันพยักหน้า เขาทำตามที่นางบอก ซึ่งก็ต้องตกตะลึงเมื่อส่งจิตสำนึกเข้าไปในลูกแก้ว!