บทที่ 467 น่าอิจฉาเสียจริง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 467 น่าอิจฉาเสียจริง

บทที่ 467 น่าอิจฉาเสียจริง

เสี่ยวเหมยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามกันออกมาตรง ๆ เช่นนี้ เด็กสาวหน้าแดง ทว่าพูดอะไรไม่ออก

“ไม่ค่ะ ปู่ฉือ หนูไม่ชอบ…แต่ก็ไม่ได้ไม่ชอบนะ…”

เธออธิบายได้ไม่ชัดเจนนัก

ชอบเขาหรือ?

ไม่เลย เธอไม่ชอบชายแปลกหน้าที่เจอกันครั้งเดียวหรอกนะ ไม่สิ หลายครั้งต่างหาก

มันเรียกว่าไม่ชอบได้หรือเปล่า?

แล้วทำไมถึงไม่ชอบล่ะ?

เขาดูเป็นมิตรมาก และก็ไม่ได้ทำเรื่องแปลก ๆ กับเธอด้วย!

“ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ งั้นมันก็คือชอบหรือเปล่า?” ชายชราหรี่ตามอง

เสี่ยวเหมยไม่คิดว่าจะได้ข้อสรุปเช่นนี้ จึงรีบพูดทันที “ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ หนูจะชอบใครโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้นะ!”

ฉือเก๋อทำท่าเหมือนว่าเข้าใจ ก่อนมองเสี่ยวเหมยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมาย

ตอนเจอเด็กคนนี้ครั้งแรก เธอเป็นเพียงเด็กสาวในชนบทและมีความซื่อตรงกว่าเด็กคนอื่น ๆ

แต่ไม่คิดว่าหลังจากมาอยู่ที่เมืองหลวงสักพักก็ได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ หากเธอเดินอยู่บนถนน ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเป็นเด็กจากชนบท

หน้าตาดี บุคลิกภาพยิ่งดีกว่า

ไม่แปลกใจที่สะดุดตาฮั่วซือเหนียนตั้งแต่แรกพบ

แต่ไอ้เด็กนั่นมันไร้ความสามารถเหลือเกิน อุตส่าห์สร้างโอกาสให้พาเสี่ยวเหมยไปส่งที่บ้าน แต่กลับทำพลาดเสียอย่างนั้น

แถมยังทำให้เธอต้องมาฟ้องเขาอีก

“เสี่ยวเหมยไม่ต้องห่วงนะ ปู่จะบอกไอ้เด็กนั่นให้”

ฉือเก๋อหัวเราะ ไม่รู้ว่าตนมีความสุขมากแค่ไหน

ฮั่วซือเหนียนเจองานช้างเสียแล้ว คิดว่าอยู่ต่างประเทศหรือ? ไปหาเขาถึงโรงเรียนพร้อมช่อดอกไม้เนี่ยนะ?

เพิ่งเจอกันครั้งแรก แต่ชวนไปดูหนังแล้วเนี่ยนะ? ไม่รู้ว่าสมองของมันคิดอะไรอยู่กันแน่! กลับไปเมื่อไรจะต้องสั่งสอนเสียหน่อยแล้ว!

แล้วชายชราจะไปรู้ได้ยังไงว่าเพื่อไล่ตามหญิงสาวอันเป็นที่รัก ฮั่วซือเหนียนคิดอยู่นานเลยว่าจะมอบช่อดอกไม้ให้เธอและชวนไปดูหนัง

แถมยังไม่เคยคิดอีกด้วยว่าเสี่ยวเหมยจะไม่สนใจ ทั้งยังพยายามหนีอีก แต่ก็จำได้ว่าตอนอยู่ต่างประเทศ พวกผู้ชายที่นั่นมักจะทำแบบนี้ทั้งนั้น แล้วทำไมการที่เขาทำมันกลายเป็นว่าไร้ประโยชน์เสียได้?

ที่ชั้นสอง เสี่ยวเถียนกำลังสอนการบ้านพี่แปดอยู่ ก่อนจะอธิบายให้ฟังอย่างชัดเจน

มันไม่ได้ยาก แต่ไม่รู้ว่าทำไมพี่แปดที่แสนฉลาดถึงแก้วนไปวนมาแบบนี้

“พี่เข้าใจที่เสี่ยวเถียนสอนแล้ว”

เสี่ยวปาเอ่ยอย่างจริงจัง

เด็กสาวมองนาฬิกา ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่เดินขึ้นมา

“พี่แปด เราลงไปกันเถอะ ข้าวน่าจะเสร็จแล้ว!”

คงเสร็จแล้วแน่ ๆ เพราะเธอได้กลิ่นกับข้าวหอมฉุยเลย ฝีมือคุณย่าดีอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้ยิ่งดีขึ้นมาก เพราะว่าลูกค้าเพิ่มขึ้นทุกวัน อันที่จริงควรหาเชฟมาช่วยสักคน

ขณะที่เสี่ยวเถียนกำลังจดจ่อกับเรื่องนี้อยู่ จึงไม่เห็นรอยยิ้มแห่งชัยชนะของพี่ชายเลยเพราะเขาไม่ยอมให้น้องเข้าใกล้อี้หย่วน จึงหาข้ออ้างลากเสี่ยวเถียนขึ้นมาข้างบน

ตอนนั้นเองที่เขาก็หิวหมือนกัน

จึงเห็นด้วยกับข้อเสนอของเสี่ยวเถียน และทั้งสองก็เดินลงมาข้างล่าง

ตอนมาถึงก็เห็นอาหารละลานตาไปหมด เอาใส่ในจานใบใหญ่เรียงรายแน่นบนโต๊ะ สีสันน่ากินมาก

คุณย่าซูออกมาพร้อมกับหม้อน้ำซุป

“เสี่ยวปา ลากน้องขึ้นไปทำไม? ใกล้ได้เวลากินข้าวแล้วนะ ทำให้น้องหิวแบบนี้ แกระวังตัวไว้เถอะ!”

หญิงชราเห็นหลานชายมากับเสี่ยวเถียนก็อ้าปากด่าทันที

เขาคิดว่าเราต้องตรวจสายเลือดแล้วล่ะ ดูสิ ดูเวลาย่าทำกับเขาแล้วทำกับน้อง ทำไมต่างได้ขนาดนี้เลยล่ะ? กลัวน้องหิว แต่ไม่กลัวเขาหิวเลยหรือไง!

“คุณย่า ผมก็หิวเหมือนกันนะ!”

“คนอย่างแกสมควรหิวหรือ?” หญิงชรามองหลานชาย

เขาหันไปหาน้อง หวังว่าเธอจะปลอบโยนเขาสักนิด แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเสี่ยวเถียนบังเอิญเจออี้หย่วนพอดี จึงทิ้งพี่ชายแล้ววิ่งเข้าไปหาเด็กหนุ่ม

เสี่ยวปากระทืบเท้าด้วยความโมโห เขาควรมีน้องแบบนี้ดีไหมเนี่ย?

“พี่อี้หย่วน วันนี้คุณย่าหนูทำของอร่อย ๆ เพียบเลย พี่รีบไปล้างมือเร็ว ได้เวลากินข้าวแล้วนะ”

ยามที่เสี่ยวเถียนเรียกอี้หย่วน น้ำเสียงนั้นเรียกได้ว่าสนิทสนมเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่เสี่ยวปาเท่านั้น แต่พี่ ๆ คนอื่นก็รู้สึกอิจฉาตาร้อน

ฉือเก๋อมองเด็กสองคนด้วยความพึงพอใจ! โดยเฉพาะรอยยิ้มที่ปิดไม่มิดของหลานชาย เขายิ่งมีความสุขกว่าเดิมเสียอีก

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้สร้างเมฆหมอกก้อนใหญ่ไว้ในใจอี้หย่วน และเพราะการปรากฏตัวของเสี่ยวเถียนได้ทำให้มันจางหายไป

ยินดีด้วย ๆ!

เสี่ยวเถียนไม่ใช่แค่ดาวนำโชคของบ้านซูเท่านั้น แต่ยังเป็นดาวนำโชคของบ้านเราด้วย!

ฉืออี้หย่วนยังไม่ได้ไปล้างมือ แต่ทำเพียงยิ้มและคุยกับเสี่ยวเถียนแทน ตอนนั้นเองที่เขาหยิบกิ๊บติดผมคริสตัลออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นให้ต่อหน้าเสี่ยวเถียนราวกับขุมทรัพย์

เขาเตรียมไว้ตั้งนานแล้ว และคิดจะมอบให้เธอ แต่โดนเสี่ยวปาขัดจังหวะเสียก่อน

มันเป็นกิ๊บสีฟ้าน้ำทะเลฝังด้วยคริสตัลเม็ดงาม ยามต้องแสงไฟจะส่องแสงเป็นประกาย

เสี่ยวเถียนไม่ได้สนใจกิ๊บแบบนี้เท่าไร เพราะมันทำมาจากพลาสติกแข็งและพลอยเทียม

แต่เพราะฉืออี้หย่วนเป็นคนมอบให้ เธอจึงรับไว้ด้วยรอยยิ้มและติดมันอย่างระมัดระวัง ก่อนจะหันไปให้อีกฝ่ายชม ยามได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก มุมปากของเด็กหนุ่มจึงยกขึ้นสูงกว่าเก่า

แล้วค่อย ๆ ปรับทิศทางของกิ๊บอย่างเบามือ

ฉือเก๋อมองเสี่ยวเหมยอีกครั้ง เขานึกถึงคำพูดของเธอก่อนจะอดภาคภูมิใจไม่ได้

เรื่องทำให้สาวมีความสุข เจ้าฮั่วซือเหนียนยังทำได้ไม่เท่าหลานชายของเขาเลย!

แต่เสี่ยวเหมยไม่ได้คิดอะไรเยอะ แค่ถือผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ด้วย

จากนั้นใบหน้าของเธอพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที

เสี่ยวเถียนหันกลับมายิ้ม “พี่อี้หย่วน สวยไหมคะ?”

ฉืออี้หย่วนมองรอยยิ้มสดใสคู่นั้น ก่อนจะตอบ “สวยครับ!”

อย่างที่คนขายบอกเลย เด็กผู้หญิงชอบกิ๊บติดผมแบบนี้กันทั้งนั้น

แต่พวกเด็กผู้หญิงข้างนอกจะติดเป็นแบบอื่นแทน และไม่สวยเท่าเสี่ยวเถียนของเราด้วย

เด็กสาววิ่งโผเข้าไปหาผู้เป็นย่าและมารดาเพื่ออวดกิ๊บ

ฉือเก๋อมองหลานชายก่อนจะว่าไปประโยคหนึ่ง

“ไอ้เด็กนี่ รู้จักให้ของสาวนะ ฉันเป็นปู่แกแท้ ๆ ยังไม่เห็นจะได้อะไรเลย!”

ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บใจ

อิจฉาเหลือเกิน เขาควรทำยังไงเนี่ย?

ฉืออี้หย่วนอดทนไม่เบ้หน้า

อายุปูนนี้แล้วยังจะแข่งกับเด็กอีกหรือ?

ตอนที่คุณย่าซูกับเหลียงซิ่วเห็นกิ๊บบนหัวของเสี่ยวเถียน ก็เอ่ยชมแล้วชมเล่า

เรื่องที่อี้หย่วนมอบกิ๊บติดผมให้เสี่ยวเถียน พวกเธอไม่ได้คิดอะไรนัก ทั้งยังไม่เห็นว่าจะผิดอะไรตรงไหน

เพราะรู้จักกันมาหลายปีแล้ว เคยมอบของให้กันน้อยเสียที่ไหนล่ะ?

“ก่อนหน้านี้ย่าเคยเห็นเด็กคนอื่นติดกิ๊บนะ แต่ไม่มีใครสวยเท่าหลานย่าเลย!”

หญิงชรามองอยู่นานแล้วพูดตรงประเด็นมาก

แน่นอนว่าเธอเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ส่วนมันจะตรงจุดหรือไม่เธอไม่รู้หรอก

และแกก็ไม่สนด้วยว่าสิ่งที่พูดจะเป็นยังไง เพราะในใจของแก หลานสาวน่ะเยี่ยมที่สุดก็พอแล้ว!

ทว่าแกก็ยังไม่ลืมชมเด็กหนุ่มด้วย “เสี่ยวหย่วนตาถึงนะเนี่ย! ดูกิ๊บที่เลือกมากสิ สวยจริง ๆ เลยนะ!”

ฉืออี้หย่วนยกยิ้มมากกว่าเดิม เมื่อได้รับคำชมโดยไม่ทันตั้งตัว

“คุณย่าซูครับ ผมเจอโดยบังเอิญน่ะ แล้วคิดว่าเหมาะกับน้องดี!”

หญิงชราหันขวับไปมองหลานชายโดยพลัน

“ไอ้เด็กพวกนี้ ทำไมไม่คิดจะซื้ออะไรให้น้องบ้างเลย ไม่รู้วัน ๆ ทำอะไรกันอยู่!”

หลานชายบ้านซู “…”

ทำไมต้องเอาพวกเราไปเอี่ยวด้วย?

และทุกคนก็โยนความไม่ชอบใจใส่อี้หย่วนอีกครั้ง