บทที่ 469 ทะลวงระดับครึ่งอริยะ อริยะบังเกิดจิตมาร

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 469 ทะลวงระดับครึ่งอริยะ อริยะบังเกิดจิตมาร

[ระดับความเกลียดชังที่อริยะมิ่งจีมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]

เมื่อหานเจวี๋ยเห็นจดหมายฉบับนี้ ก็อดที่จะรู้สึกโล่งใจขึ้นมาไม่ได้

นี่หมายความว่าพลังคำสาปแช่งของเขาสัมฤทธิ์ผลแล้ว

ผู้ที่อริยะมิ่งจีเกลียดชังคือตัวเขาในฐานะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ไม่ใช่หานเจวี๋ย ดังนั้นเขาย่อมไม่รู้สึกกังวล

อีกอย่าง ณ ปัจจุบันขอเพียงอยู่ในอาณาเขตเต๋า แม้จะเป็นอริยะมรรคาสวรรค์ก็บุกเข้ามาไม่ได้

หานเจวี๋ยไม่คิดมากอีก ฝึกบำเพ็ญต่อ

….

หลังจากมรรคาสวรรค์เริ่มต้นใหม่ วันเวลาก็ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วยิ่ง

เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกแปดร้อยปีแล้ว

ในแดนมนุษย์ แปดร้อยปีเพียงพอจะทำให้เกิดการผลัดเปลี่ยนราชวงศ์แล้ว

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ใกล้จะฝ่าทะลวงระดับครึ่งอริยะ แรงกรรมที่สั่งสมจากมหาเคราะห์หลายต่อหลายครั้งช่างมหาศาลไร้สิ้นสุด เพียงพอให้หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อ

การทะลวงระดับครึ่งอริยะ ใช้เวลายาวนานกว่าการทะลวงระดับครั้งไหนๆ

เวลาผ่านไปยี่สิบปีเต็ม หานเจวี๋ยถึงได้เข้าสู่ระดับครึ่งอริยะ

เนื่องจากมีอาณาเขตเต๋าบดบังกลไกสวรรค์ หานเจวี๋ยจึงไม่ต้องเผชิญด่านเคราะห์ แต่อำนาจอันกล้าแกร่งที่เขาแผ่ออกมาแม้แต่เขตอาคมของระบบก็ไม่สามารถสะกดไว้ได้ ทุกคนในอาณาเขตเต๋าต่างสัมผัสรับรู้ได้

เขตอาคมระบบทำได้เพียงปกปิดสถานการณ์ภายในเท่านั้น ไม่สามารถปิดกั้นการรั่วไหลของกลิ่นอายภายในได้ ถึงอย่างไรหานเจวี๋ยก็มิใช่คนธรรมดา

แม้พลังอำนาจของหานเจวี๋ยจะกล้าแกร่ง ทว่าคนภายนอกก็ไม่สามารถมองทะลุค่ายกลป้องกันของอาณาเขตเต๋าได้

“อาจารย์ทะลวงระดับอีกแล้วหรือ”

“อำนาจกล้าแกร่งยิ่ง นี่มิใช่สิ่งที่ต้าหลัวจะบรรลุถึง”

“หรือจะเป็นอริยะ”

“ข้าว่าคงมิใช่การทะลวงระดับ แต่เป็นการสรรค์สร้างพลังวิเศษ”

“แน่นอน พลังวิเศษพวกนั้นของเจ้าสำนักล้วนเลิศล้ำอย่างยิ่ง มิเคยยลยินมาก่อน แสดงว่าระหว่างที่เขาฝึกบำเพ็ญได้ตระหนักรู้พลังวิเศษอยู่ตลอด”

สำหรับการทะลวงขั้นของหานเจวี๋ย ชาวสำนักซ่อนเร้นต่างรู้สึกปลดปลงยิ่งนัก

นี่ถือเป็นเรื่องดี ยิ่งหานเจวี๋ยแข็งแกร่งเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งปลอดภัยเท่านั้น และในขณะเดียวกันพวกเขาก็จะถูกกระตุ้นให้ยกระดับพลังมรรคไปด้วย

ภายในอารามเต๋า

หานเจวี๋ยทำให้ตบะเสถียรพลางตรวจดูหน้าจอสถานะไปด้วย

[ชื่อ: หานเจวี๋ย]

[อายุขัย: 9820/1, 290, 009, 999, 999, 999, 999, 999]

[เผ่าพันธุ์: เทพมารอนธการ (มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต)]

[ตบะ: ระดับเซียนทองต้าหลัวเตรียมบุพกาลระยะต้น]

[วิชายุทธ์: มหามรรควัฏจักรอนธการ วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา]

[มหามรรค: มหามรรคเวียนว่ายตายเกิน มหามรรคแห่งกรรม มหามรรคเอกอุบัติ]

….

เซียนทองต้าหลัวเตรียมบุพกาลระยะต้น!

เซียนทองต้าหลัวบุพกาลน่าจะหมายถึงระดับอริยะ

เป็นคำที่ชวนให้ลิ้นพันกันเสียจริง

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าอายุขัยของตนเพิ่มขึ้นสิบเท่าแล้ว!

หนึ่งแสนสองหมื่นล้านล้านล้านปี!

นอกจากข้าแล้วจะยังมีผู้ใดอีก!

รอจนตบะเสถียร หานเจวี๋ยจะสาปแช่งอริยะมิ่งจีเป็นอย่างดี

สิ่งที่ควรค่าให้กล่าวถึงคือ การทะลวงระดับครึ่งอริยะของหานเจวี๋ยไม่ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบเลย

หรือว่าระบบไม่ยอมรับระดับขั้นนี้

หานเจวี๋ยรู้สึกหดหู่อยู่บ้าง จากนั้นก็ตั้งใจฝึกบำเพ็ญต่อ

เขาใช้เวลาสิบปีถึงทำให้ตบะเสถียรได้ จากนั้นจึงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งอริยะมิ่งจี

ครั้งนี้เขาอยากเห็นว่าขีดจำกัดของตนอยู่ที่กี่ปี

ห้าวันผ่านไป

อายุขัยหานเจวี๋ยเริ่มลดลง เขาจ้องมองหน้าต่างค่าสถานะของตน

ร้อยล้านปี!

พันล้านปี!

หมื่นล้านปี!

แสนล้านปี!

อายุขัยลดลงเร็วขึ้นเรื่อยๆ!

….

นอกชั้นฟ้าที่สามสิบสาม อริยะมิ่งจี เทพสูงสุดหนานจี๋ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย และอริยะจินอันรวมตัวกันอยู่ในศาลาหินหลังหนึ่ง เมฆหมอกโอบล้อมรอบๆ ดูสลัวและเลือนราง

ทุกคนพูดคุยกันตามปกติ จู่ๆ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยก็ถามขึ้นว่า “สหายเต๋ามิ่งจี เหตุใดจู่ๆ ถึงเงียบไปเล่า”

อริยะมิ่งจีสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง เอ่ยตอบ “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการกำลังสาปแช่งข้า”

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ!

เมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา อริยะทั้งสามท่านต่างขมวดคิ้ว

ก่อนหน้านี้เหล่าอริยะเคยหารือกันมาก่อน สังเกตเห็นว่ามหาเคราะห์ดำเนินไปรวดเร็วถึงเพียงนี้ มีสาเหตุมาจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการที่คอยสาปแช่งกลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ต่างๆ ของแดนเซียน ถึงขั้นที่ก่อให้เกิดกระแสการสาปแช่ง ทำให้บรรดาอริยะจำเป็นต้องลงมือปิดฉากแผนการของแต่ละคนด้วยตัวเอง

พวกเขาถึงขั้นที่เคยรวมมือกันสืบหาแล้ว แต่ไม่อาจสืบทราบฐานะที่แท้จริงของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการให้กระจ่างได้

ยามนี้อริยะมิ่งจีถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการตามสาปแช่ง นี่มิใช่เรื่องดี เช่นนี้แสดงให้เห็นว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการพุ่งเป้ามาที่เหล่าอริยะ

พอคิดว่าอริยะมิ่งจีอาจถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการที่ยังไม่ทราบตัวตนสาปแช่งจนสิ้นชีพ เหล่าอริยะต่างก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าหมองอาดูรในชะตากรรมของพวกพ้องที่มีความสัมพันธ์เชิงน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า

ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!

หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ ถึงอริยะถูกสาปแช่งตายไป อำนาจของอริยบุคคผู้นั้นจะตกอยู่ที่ใดเล่า

“เจ้ามั่นใจจริงๆ น่ะหรือว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการคืออริยะมรรคาสวรรค์” เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยขมวดคิ้วพลางถาม

อริยะมิ่งจีย้อนถาม “นอกจากอริยะแล้ว สิ่งมีชีวิตสามัญจะมีฝีมือถึงขั้นนี้หรือ ส่วนตัวตนที่อยู่สูงขึ้นไป พวกเขาแยแสมรรคาสวรรค์เสียที่ไหน”

เมื่ออริยะทั้งสามได้ฟังก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตน

การต่อสู้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งของเหล่าอริยะลมีมาเนิ่นนานนัก เดิมทีต่างฝ่ายก็ต่างไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว

อริยะมิ่งจีกำลังสังเกตปฏิกิริยาของอริยะทั้งสาม ในใจเขาคิดสิ่งใดอยู่นั้น อริยะทั้งสามก็ไม่อาจทราบแน่ชัด

อันที่จริงอริยะทั้งสามต่างมีความสงสัยคลางแคลงว่าอริยะมิ่งจีเสแสร้งแกล้งทำ แสดงละครให้พวกตนดูอยู่หรือไม่

“ขอกล่าวอย่างไม่ปิดบัง ช่วงนี้ข้าเองก็ถูกสาปแช่งเช่นกัน”

จู่ๆ อริยะจินอันก็เอ่ยขึ้น ความหม่นหมองฉายชัดผ่านสีหน้า

อริยะมิ่งจีเหลือบมองเขา ถามขึ้นว่า “จริงหรือ”

อริยะจินอันยืนยัน “อืม เช่นเดียวกับเจ้า ถูกคนสาปแช่งหนึ่งครั้งทุกสิบปี เพียงแต่พวกเรามิได้ถูกสาปแช่งในเวลาเดียวกันเท่านั้น”

เทพสูงสุดหนานจี๋ “หากว่ากันตามนี้ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็มิได้อยู่ในหมู่พวกเรา แต่เป็นอริยะรายอื่น สามนิกายสำนักเต๋าแม้จะแก่งแย่งชิงดี แต่ก็ไม่เคยลงมือจริงจังเลยสักครั้ง ถึงอย่างไรความสัมพันธ์ของพวกเราก็เป็นหนึ่งคนรุ่งทุกคนรอด หนึ่งคนร่วงทั้งปวงล่ม”

เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยพยักหน้าเห็นด้วย

อริยะมิ่งจีลอบสบถในใจ แต่ฉากหน้ากลับเอ่ยไปว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หวังว่าสหายเต๋าทั้งสามจะร่วมกันสืบหาตัวตนที่แท้จริงของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ”

“ได้!”

อริยะทั้งสามตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน

….

สามล้านล้านปี!

หานเจวี๋ยทำลายสถิติใหม่ของตนอย่างต่อเนื่อง แต่อริยะระดับมรรคาสวรรค์เลิศล้ำจริงๆ สาปแช่งอย่างไรก็ไม่เกิดเรื่องขึ้น

หานเจวี๋ยอยากวัดขีดจำกัดของตัวเองว่าสรุปแล้วจะผลาญอายุขัยไปมากน้อยเพียงใด ถึงจะปรากฏค่าสถานะติดลบ

อายุขัยถูกหักลบไปเรื่อยๆ

จนกระทั่งเสียไปสิบล้านล้านปี หานเจวี๋ยก็เริ่มใจสั่นแล้ว

บัดซบ เขาเป็นถึงครึ่งอริยะแล้ว จะสามารถสาปแช่งไปจนถึงท้ายที่สุดได้หรือไม่

ยืนหยัดต่อไปอีกหน่อยดีหรือไม่นะ

หานเจวี๋ยกัดฟันแน่น

ยามที่อายุขัยถูกหักไปสิบห้าล้านล้านปี ในที่สุดหานเจวี๋ยก็มองเห็นจดหมายฉบับหนึ่ง

[อริยะมิ่งจีศัตรูคู่อาฆาตของท่าน อริยะจิตปั่นป่วน บังเกิดจิตมารเนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]

หานเจวี๋ยหยุดมือทันที

หัวใจเขายังคงหลั่งโลหิตอยู่ดี

เสียอายุขัยไปสิบห้าล้านล้านปีถึงพอฝืนสาปแช่งให้บังเกิดจิตมารได้

นี่น่ะหรืออริยะมรรคาสวรรค์

หานเจวี๋ยเก็บหนังสือแห่งความโชคร้าย ตัดสินใจว่าต่อไปจะไม่วุ่นวายแล้ว

สิ้นเปลืองเกินไป

อริยะมิ่งจีไม่มีทางเป็นศัตรูรายสุดท้าย วันหน้าย่อมมีศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า อยู่ที่ว่าจะปรากฏตัวขึ้นช้าหรือเร็วเท่านั้น หากต้องผลาญอายุขัยไปเรื่อยๆ เช่นนั้นจะคุ้มกันหรือ

ความเร็วในการฝ่าทะลวงของหานเจวี๋ยเชื่องช้าลง เช่นนี้หมายความว่าอายุขัยของเขาไม่อาจฟื้นฟูอย่างรวดเร็วได้อีก

ต่อไปต้องหนักแน่นกว่านี้

ขณะที่หานเจวี๋ยใคร่ครวญกับตัวเองอยู่ อริยะมิ่งจีก็รู้สึกตื่นตระหนกแล้ว

อริยะมิ่งจีไปหาฉิวซีไหล ทั้งสองพบปะกันในตำหนักทองวิจิตรหรูหราหลังหนึ่ง

“อะไรนะ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งเจ้าจนเกิดจิตมารได้อย่างนั้นหรือ” ฉิวซีไหลได้ฟังก็ตกใจหน้าถอดสี

หากนำอริยะมิ่งจีมาเทียบกับเขา ย่อมมีเพียงความแข็งแกร่งมิมีอ่อนด้อย

หากสิ่งที่อริยะมิ่งจีบอกเป็นความจริง เจ้าแดนต้องห้ามอันธการผู้นั้นก็สามารถคุกคามเขาได้เช่นกัน

สีหน้าของอริยะมิ่งจีย่ำแย่อย่างยิ่ง เขากล่าวว่า “หากข้าพูดปด ดวงชะตามรรคาสวรรค์จะลดทอนลง!”

สีหน้าท่าทางของฉิวซีไหลดูตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นอริยะแน่นอน ถึงขั้นที่อาจจะแข็งแกร่งว่าอิรยะมิ่งจีเลยด้วยซ้ำ!

เป็นผู้ใดกันแน่

………………………………………………………………