ตอนที่ 270 หนานหนานผู้น่าอิจฉา
ตอนที่ 270 หนานหนานผู้น่าอิจฉา
อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงที่อยู่ตรงข้ามประตูอยู่ในเวลานั้นหัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที รู้สึกว่าจะถูกสายตาของเย่ซิวตู๋นั้นทำให้แตกสลายไปในฉับพลัน
ทั้งสองคนจึงรีบก้าวถอยหลังไป และทำเหมือนกับว่า…พวกเขานั้นไม่มีตัวตน
เย่ซิวตู๋กำชับต่อพ่อบ้าน “ให้เขาไปรอข้าที่ห้องตำรา”
“ขอรับ” พ่อบ้านหยางนั้นมีสีหน้าเป็นปกติ และถอยออกมาอย่างเงียบ ๆ
หลังจากเย่ซิวตู๋ถ่ายทอดคำสั่งแล้วเสร็จ ชายหนุ่มจึงพาหนานหนานที่เดินไปจับผมอวี้ชิงลั่วข้าง ๆ เตียงอย่างเงียบ ๆ กลับมา “พอแล้ว อย่ารบกวนท่านแม่ นางเหนื่อยต้องการพักผ่อน เจ้าออกมากับข้า ข้าจะสอนวรยุทธ์ให้กับเจ้า”
“หืม? หา?” หนานหนานดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าของเด็กน้อยตกใจและสับสน ก่อนโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน “ท่านพ่อเอ่ยอะไรออกมาน่ะ? เมื่อครู่พ่อบ้านหยางบอกว่าเสนาบดีฝ่ายขวากำลังรอท่านอยู่นะ ไอ้หยา ท่านรีบไปพบกับเขาเสียเถิด ตั้งแต่เด็ก ๆ ท่านแม่สอนข้าว่าต้องปฏิบัติต่อผู้คนและสิ่งของอย่างจริงใจ การให้คนรอนานนั้นนับว่าเป็นการกระทำที่ไม่ดี ท่านพ่อ เด็กดีอย่างข้าจะทำให้ธุระด่วนของท่านพ่อล่าช้าได้เช่นไร เอาล่ะ ๆ ท่านรีบวางข้าลงเถิด พวกเราสองคนแยกทางกันบ้างจะเป็นไร?”
เย่ซิวตู๋หัวเราะ และดึงใต้ข้อศอกจูงเด็กน้อยออกไป ก่อนจะปิดประตูปล่อยให้อวี้ชิงลั่วพักผ่อนอย่างเงียบ ๆ
เย่หลานเฉิงและอวี้เป่าเอ๋อร์สบตากัน และรีบตามไปอย่างเชื่อฟัง
หนานหนานดิ้นไปดิ้นมาแล้วแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่นานก็ถูกเย่ซิวตู๋สั่งให้อยู่ในลานบ้าน “มองเห็นถนัดแล้ว มาให้ข้าตีสักที เจ้ามาสู้กับข้าสักครั้ง”
โม่เสียนที่เมื่อครู่กำลังออกมาจากห้องครัวกับเยว่ซินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่านายท่านจะทำการประลองเล็ก ๆ ทันใดนั้นจึงหยุดฝีเท้าลง และมายืนอยู่ข้าง ๆ เสิ่นอิงที่รออยู่ตรงลานบ้าน และมองดูอย่างใจจดใจจ่อ
แต่ว่าหนานหนานกลับกระโดดไปข้าง ๆ “หืม? ท่านพ่อ เมื่อครู่ข้าบอกไม่ชัดเจนหรืออย่างไร? ข้าบอกว่า…”
“เริ่มแล้วนะ” เย่ซิวตู๋ไม่แม้แต่จะให้เวลาแก่เด็กน้อยได้อธิบาย ชายหนุ่มก้มไปเก็บกิ่งไม้ที่อยู่บนพื้นและโฉบร่อนถลา ทำให้พื้นนั้นเต็มไปด้วยฝุ่น ใบไม้จำนวนนับไม่ถ้วนปลิวขึ้นเป็นทิวทัศน์อันงดงาม
ความเร็วที่เย่ซิวตู๋ทำนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก การเคลื่อนไหวราวกับเมฆาและสายน้ำที่ไหลไม่ขาดสาย ภายใต้เพลงกระบี่นั้น แม้ท่วงท่าจะดูนุ่มนวลแต่ก็มีกำลังพอที่จะสังหารคนได้
โม่เสียนและเสิ่นอิงที่อยู่อีกด้านนั้นมองหน้ากัน เหตุใดนายท่านจึงเริ่มสอนกระบี่ให้กับหนานหนาน?
“ท่านพ่อ ท่านไม่แม้แต่จะฟังคำพูดของข้า ท่านทำเช่นนี้ก็ไร้ยางอายไม่ต่างอะไรกับท่านแม่ ข้าไม่รักท่านแล้ว ท่านเข้าใจไหม? ข้าไม่รักท่านจริง ๆ แล้ว ท่านอย่าไม่เชื่อล่ะ…” หนานหนานยังคงอธิบาย จึงทำให้ใบไม้ไม่กี่ใบนั้นลอยเข้าไปในปากของเด็กน้อย ด้วยเหตุนี้ในโพรงปากของเขานั้นจึงรู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก จนต้องถ่มน้ำลายออกมาเป็นหลายครั้ง
แต่เมื่อรอให้เด็กชายเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง เย่ซิวตู๋ก็ได้หยุดทำแล้ว ชายหนุ่มหรี่ตามองเด็กน้อย “เอาละนะ เริ่มกันเถิด”
“นะ…นายท่าน นี่มันจะเร็วไปไหมขอรับ” โม่เสียนต้องการช่วยเหลือหนานหนาน เมื่อครู่เจ้าเด็กน้อยมัวแต่พูด เกรงว่าเขาจะมองไม่เห็นความเคลื่อนไหว และมากไปกว่านั้นเพลงกระบี่ของนายท่านก็รวดเร็วเป็นอย่างมาก แม้แต่เขาและเสิ่นอิงยังต้องตั้งจิตเพ่งสมาธิดูจึงจะสามารถจดจำวิชากระบี่นั้นได้
เย่ซิวตู๋เหลือบมองชายหนุ่ม “อย่างไร เจ้ามีความคิดเห็นต่อข้าหรือ?”
“…” ไหนเลยชายหนุ่มจะกล้า โม่เสียนสะอึกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นจึงรีบถอยกลับและไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก
เย่ซิวตู๋ระบายลมหายใจเบา ๆ และหันไปมองหนานหนาน “ถ้ายังไม่เริ่มแล้วล่ะก็ ข้าวเที่ยงของวันนี้ก็ไม่ต้องกิน”
“ อะไรนะ?????” หนานหนานตกตะลึง นี่เป็นการทรมานยิ่งกว่าการทรมานสำหรับเด็กน้อยจริง ๆ เสียอีก
เสิ่นอิงและโม่เสียนรู้สึกเป็นกังวลใจ พวกเขาเองก็ยังไม่เคยเห็นนายท่านสอนคนอื่น ถึงแม้นี่จะเป็นครั้งแรก แต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะเข้มงวดถึงเพียงนี้
ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นหนานหนาน เขากลับไม่ปรานีเลยแม้แต่น้อย เอาล่ะ ถึงแม้นี่จะเป็นข้ออ้างว่าทำให้หนานหนานเก่งขึ้น แต่ถ้ามันรุนแรงขนาดนี้ เมื่อแม่นางอวี้รู้เข้า นางจะมีความสุขหรือ?
ทั้งสองคนสบตากันอย่างรวดเร็ว ยิ่งรู้สึกว่าความบาดหมางระหว่างนายท่านและอวี้ชิงลั่วนั้น เกรงว่ามันจะมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ท่านพ่อ ท่านเองก็อยู่กับท่านแม่มาเป็นเวลานาน แท้จริงแล้วท่านเรียนแต่สิ่งที่ไม่ดีมานี่เอง” หนานหนานอ้าปาก และเอ่ยสิ่งที่ตนนั้นรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา แต่เด็กน้อยก็ค่อย ๆ เดินมาที่บริเวณกลางลานบ้าน และรับกิ่งไม้จากเย่ซิวตู๋ หลังจากนั้นก็ทำท่าทำทาง
เพียงแต่ก่อนที่จะเริ่มขึ้น เขาก็ได้กรีดร้องออกมาดัง ๆ “แม้แต่ข้าวเช้าข้าเองก็ยังไม่ได้กิน ท่านพ่อทำร้ายข้าได้เจ็บปวดยิ่งนัก ข้าขอสาปแช่งให้ท่านหลั่งเร็ว”
“หือ…” ไม่เพียงแค่โม่เสียนและเสิ่นอิง แม้แต่คนรับใช้ในตำหนักที่มาแอบดูการประลองอันน่าตื่นเต้นนี้ก็อดที่จะอุทานออกมาไม่ได้
ใบหน้าของเย่ซิวตู๋เคร่งขรึมขึ้น ให้ความรู้สึกน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“ใครสอนคำพวกนี้ให้กับเจ้า?”
หนานหนานตกตะลึงไปพักหนึ่ง และเกาศีรษะอย่างไม่เข้าใจ “คำพวกนี้มันทำไมหรือ? หรือว่ามันร้ายแรง? ก็ถูก ท่านแม่ใช้คำพวกนี้ในเวลาด่าท่านลุงคนขายขนมสายไหม ทำให้สีหน้าของเขาดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก อีกนิดก็จะเอาชีวิตท่านแม่แล้ว”
ทุกคนต่างเข้าใจได้ทันทีว่าคำนี้มีที่มาจากแม่นางอวี้ เพียงแค่วินาทีต่อมา คนในตำหนักต่างก็เริ่มส่งเสียงออกความคิดเห็นขึ้น หนานหนานไม่รู้แม้แต่ความหมาย แต่ก็กล้าที่จะกล่าวคำนี้ต่อท่านอ๋องหรือ?
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เพียงกล่าวเตือนหนานหนานเล็กน้อย “ถ้ายังไม่เริ่มอีก ข้าวเย็นก็ไม่ต้องกิน”
หนานหนานรู้สึกราวท้องฟ้ากำลังจะถล่ม จึงรีบหยิบกิ่งไม้ขึ้นมา ก้าวขาเล็ก ๆ และเม้มริมฝีปาก ก่อนจะโฉบร่อนถลาลงไปบนพื้นเช่นเดียวกับที่เย่ซิวตู๋ทำไปก่อนหน้า
ฉากเดียวกันนี้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ใบไม้ที่ร่วงหล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้นมาเป็นเวลานานก็ลอยขึ้นอย่างระเบียบอีกครั้ง ปลิวว่อนเรียงเป็นสายราวกับมังกรร่อนเสือกระโจนที่ดูมีชีวิตชีวาภายใต้การบัญชาของกิ่งไม้นั้น
แม้ร่างกายเล็ก ๆ ของเด็กน้อยจะไม่คล่องแคล่วและเปี่ยมทักษะเหมือนเย่ซิวตู๋ แต่กระบวนท่าของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
หนานหนานที่กำลังเคลื่อนไหวในตอนนี้ช่างแตกต่างจากตัวตนในวันปกติราวกับว่ามีเขาสองคน ขณะนี้ร่างกายเล็ก ๆ ของเขาได้ปล่อยพลังที่เหนือจินตนาการออกมา นอกจากนี้ใบหน้าเล็ก ๆ ของเด็กชายก็เคร่งขรึมเกือบจะเหมือนกับเย่ซิวตู๋ทุกประการ
กิ่งไม้เคลื่อนไหวขึ้นลงและสะบัดซ้ายขวา เมื่อมันหวดลงมาก็เกิดเสียงหักดัง ‘เป๊าะ’ และร่วงหล่นลง
หนานหนานขมวดคิ้วและกระทืบเท้าอย่างโกรธเคือง จ้องไปที่กิ่งไม้หักแล้วพึมพำกับตัวเอง “แปลกมาก ในตอนสุดท้าย ด้วยแรงมากมายเช่นนี้ กิ่งไม้ยังไงก็ต้องหัก แต่ของท่านพ่อนั้นไม่ได้เป็นอะไร อีกทั้งยังเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น แปลกจริง ๆ …”
หนานหนานหน้าย่นจนจะกลายเป็นจีบซาลาเปา เมื่อตนคิดไม่ออกจึงเงยหน้าขึ้นถามเย่ซิวตู๋ “ท่านพ่อ ในตอนสุดท้ายเมื่อครู่ เห็นอยู่ว่า…”
คำพูดของหนานหนานหยุดกะทันหัน เมื่อมองไปที่ผู้คนที่อยู่ข้างหน้า พวกเขาก็กำลังอ้าปากค้างและมีสีหน้าตกใจขณะถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หนานหนานไปจำคำอะไรมาจากท่านแม่ล่ะเนี่ย อย่าแช่งท่านพ่อแบบนั้นสิ
เวลาน้องเอาจริงเอาจังก็ดูเท่อยู่น้า
ไหหม่า(海馬)