บทที่ 450 หาเชอรีนเจอ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

อารัณรับมาแล้วมองเพียงชั่วพริบตาจดจำไว้ในใจ ใช้มือถือเข้าเว็บไซด์ที่ลึกลับโดยตรง จากนั้นเชื่อมกับระบบดาวเทียม ตามหมายเลขของเชอรีนล็อคพิกัดของเชอรีนไว้

แค่มือถือของเชอรีนอยู่ข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ก็หนีการติดตามของอารัณไม่ได้

ตอนนี้สิ่งที่วารุณีกังวลก็คือมือถือของเชอรีน กลัวว่าจะไม่อยู่ข้างกายเธอ

วารุณีกำสองมือไว้แน่นๆ แล้วมองอารัณด้วยความตื่นเต้น ภายในใจรู้สึกกังลวลมาก

นัทธีกอดเธอไว้ในอ้อมกอดเบาๆ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เชอรีน ทำไมจู่ๆถึงหายไปล่ะ”

ตอนนี้อยู่ในช่วงประกวด เชอรีนที่เป็นนางแบบ น่าจะหนีไปไหนไปเรื่อยไม่ได้หรือเปล่า และก็คงไม่มีทางแยกแยะเรื่องหนักเรื่องเบาขนาดนั้น

ดังนั้นในนั้นต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน

วารุณีได้ยินผู้ชายจองตัวเองถาม จึงนวดแก้ม “ว่าไปแล้วก็ต้องโทษฉัน ก่อนจะเข้าประกวดฉันไปห้องน้ำ จากนั้นโดนคนขังไว้ในห้องน้ำจนออกมาไม่ได้ คิดจะให้ฉันไปประกวดสาย สุดท้ายจะโดนตัดสิทธิ์จากการแข่งขัน”

“อะไรนะ?” นัทธีทำนัยน์ตาตะลึงงัน

กลับมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?

วารุณีถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “จากนั้นฉันเลยโทรหาเชอรีน ให้เธอรีบกลับมาปล่อยฉันออกไป หลังจากฉันออกไป ก็ให้เชอรีนเอาไม้กวาดที่ขวางประตูไปตรวจลายนิ้วมือ แล้วให้ไปเอากล้องวงจรปิดที่อยู่แถวห้องน้ำ อยากจะหาคนที่ขังฉันไว้ในห้องน้ำ ทว่าเชอรีนออกไปก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย”

“เธอน่าจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า” จู่ๆ นัทธีก็พูดด้วยเสียงต่ำ

วารุณีพยักหน้า “ใช่ ฉันก็รู้สึกแบบนี้”

ตอนแรกเธอยังนึกว่าเชอรีนอยู่ในระหว่างทางที่ตรวจลายนิ้วมือ จึงไม่ทันได้กลับมา

ทว่าต่อให้เป็นแบบนี้ ตอนใกล้เวลาแคทวอร์ค เชอรีนก็ไม่มีทางไม่ดูมือถือตลอดอยู่แล้ว แล้วไม่โทรหาเธอด้วย

ดังนั้นภายหลังเธอก็นึกขึ้นได่ว่า เชอรีนอาจจะเกิดเหตุไม่คาดคิดอะไรขึ้น

“นัทธี ถ้าเชอรีนเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าควรทำยังไงจริงๆ” วารุณีจับแขนของนัทธีไว้ รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก

เธอไม่ได้ว่าเป็นห่วงการประกวดของตัวเอง ทว่าเป็นห่วงความปลอดภัยในชีวิตของเชอรีน

ถ้าเชอรีนเสียชีวิตไปแล้ว หรือว่าได้รับบาดเจ็บ ชาตินี้เธอคงตกอยู่ในสภาวะที่รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

“ไม่เป็นไร ยังมีผมนี่” นัทธีสัมผัสได้ว่าวารุณีกำลังหวาดกลัว จึงตบหลังของเธอเบาๆ

ร่างของวารุณีสั่นเทา ขอบตาก็ค่อยๆซึมน้ำตา ภายในใจรู้สึกหนักหน่วงมาก

เชอรีน เธออยู่ไหนกันแน่?

“หาเจอแล้ว!” ตอนที่วารุณีกำลังกังวลเชอรีน จู่ๆ อารัณก็พูดขึ้น

วารุณีรีบผลักผู้ชายออก แล้วหันไปมองลูกชาย

นัทธีมองท่าทีของเธอ จึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ค่อนข้างรู้สึกตลก

“อารัณ อยู่ไหน?” วารุณีถามอย่างเร่งรีบ

อารัณยื่นมือถือไปให้วารุณี แล้วชี้จุดสีแดงด้านบน “อยู่ในตึกปลอดภัย แต่ไม่รู้ว่าตึกไหน แผนผังสามมิติไม่แสดงชั้นบนและชั้นล่างเท่านั้น”

เพราะว่าชั้นบนชั้นล่างทับกัน ไม่ว่าสามมิติจะแสดงออกมาชัดเจนแค่ไหน ก็แค่มีสถานที่เดียวกัน

“ดังนั้นหม่ามี๊ พวกคุณทำได้เพียงสั่งให้คนไปตามหาน้าเชอรีนตรงตึกปลอดภัยทุกชั้น” อารัณพูดไป

วารุณีพยักหน้า แล้วกำลังจะตกลง

นัทธีจึงอาสารับผิดชอบเรื่องนี้ “ให้ผมทำเถอะ ผมเป็นหนึ่งในนักลงทุนในการประกวดครั้งนี้ ผมสามารถใช้คนได้เยอะกว่า”

“ได้ งั้นต้องรบกวนคุณแล้ว” วารุณีพยักหน้าอย่างแรงโดยยังคงกำหมัดแน่นอยู่

นัทธีนวดผมของเธอหนึ่งที แล้วเอามือถือออกมา

ไม่กี่นาทีผ่านไป คนที่นัทธีสั่งงานก็ได้ส่งข่าวมาว่าหาเชอรีนเจอแล้ว เธออยู่ในถังขยะขนาดใหญ่ในห้องควบคุมกล้องวงจรในตึกปลอดภัยชั้นหนึ่ง

ตอนที่หาเจอ เชอรีนยังคงสลบอยู่ ท้ายทอยบวมขึ้นมา ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าโดนตีจนสลบไป

วารุณีได้ยินเรื่องพวกนี้ก็ถอนหายใจ แล้วรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก

เธอถอนหายใจ เพราะว่าตามหาเชอรีนเจอแล้ว และยังมีชีวิตอยู่

สิ่งที่ทำให้โมโมห เชอรีนกลับถูกคนตีจนสลบไป แล้วถูกทิ้งในกองขยะ

และทุกๆสองทุ่มจะมีพนักงานทำความสะอาดไปเก็บกวาดถังขยะ

และในตอนนั้น เชอรีนจะเป็นหรือตาย ใครจะไปรู้?

“เชอรีน เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เชอรีนถูกส่งมาถึงห้องพักผ่อน วารุณีดึงมือของเธอไว้ แล้วถามด้วยน้ำตาคลอ

ครั้งนี้เชอรีนยังรู้สึกเวียนหัเล็กน้อย เธอก็ยังสะลึมสะลือพิงอยู่บนโซฟา ผ่านไปสักพักถึงจะพูดออกเสียง “วารุณี?”

“ฉันเอง ฉันเอง” วารุณีพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง แล้วน้ำตาคลอได้หนักกว่าเดิม

“เธอจริงๆด้วย” เชอรีนมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาลาย จึงมีชีวิตชีวาขึ้นมา

วารุณีพยักหน้าอีกครั้ง “ฉันเอง”

“งื้อๆๆ……..” เชอรีนร้องไห้ขึ้นมา “เธอจริงๆด้วย ดีจริงๆ วารุณี ฉันยังนึกว่ามีชีวิต งื้อๆๆ…….”

ได้ยินคำพูดนี้ ภายในใจของวารุณีทั้งโทษตัวเองและรู้สึกผิด จึงกอดเธอไว้ทันที “ขอโทษ เชอรีน ฉันขอโทษ”

ด้านข้าง นัทธีที่เห็นวารุณีกอดเชอรีนไว้ สีหน้าก็หม่นหมองเล็กน้อย นัยน์ตาสื่อความหึงหวงออกมาอย่างปิดบังไว้ไม่อยู่

แต่แม้ว่าเขาไม่มีความสุข ทว่าก็ไม่ได้หยุดพวกเธอ หันหลังเดินออกมา

นอกห้องพักผ่อน พิธีกรในงานประกวดเห็นนัทธีออกมา ก็ทำความเคารพนัทธีด้วยความเคารพ “คุณนัทธี ต้องขอโทษจริงๆที่เกิดเรื่องแบบนี้ในการแข่งขัน พวกเราต้องสืบหาความจริงให้ชัดเจแน่นอน แล้วจะให้คำตอบกับคุณ”

เขาก็นึกไม่ถึงจริงๆ วันนี้ดีไซเนอร์ที่เกือบจะมาสายคนนั้น กลับเป็นคุณผู้หญิงของท่านประธานบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป”

และนางแบบของคุณผู้หญิงของท่านประธานยังถูกตีอย่างโหดเหี้ยมแล้วทิ้งไว้ในถังขยะ ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีคนไม่อยากให้ท่านประธานของท่านประธานเข้าร่วมการแข่งขันต่อ

ไม่ว่าคนๆนั้นคือใคร เขาก็ต้องหาออกมาให้ได้ คนๆนี้ทำแบบนี้ ไม่เพียงแต่ทำลายคุณผู้หญิงของท่านประธาน แล้วยังทำลายชื่อเสียงของการประกวดนานาชาติอีกด้วย

ดังนั้นไม่ว่ายังไง หาคนๆนั้นจนเจอ เขาต้องลอบฆ่าคนๆนั้นแน่นอน

พอนึกถึงขั้นนี้ แววตาพิธีกรเป็นประกายแสงแห่งความอาฆาตออกมา

นัทธีจับได้ จึงพยักหน้าอย่างพอใจ “ดีมาก ผมวังว่าคุณจะให้ข้อสรุปที่น่าพอใจกับผม ถ้าไม่อย่างงั้น ผมจะถอนทุน และทำให้ภรรยาของผมออกจากการประกวด”

พิธีกรเกร็งไปทั้งตัวทันที วินาทีต่อไป ก็พยักหน้าด้วยความจริงจัง “วางใจเถอะ จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน”

เขาต้องไม่ยอมให้ประธานนัทธีถอนทุน บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปอยู่ในตำแหน่งสูงในนานาชาติ ถ้าบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปถอนทุน บริษัทที่ลงทุนอื่นก็ต้องสงสัยว่าพวกเขาทำผิดใจอะไรกับบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปหรือเปล่า ถึงเวลาบริษัทที่ลงทุนอื่น ก็อาจจะถอนทุนก็ได้

เขาไม่ต้องการเห็นภรรยาของเขาถอนตัวออกจากการประกวด ผู้เข้าประกวดถอนตัวเองกับะผู้จัดงานขอให้พวกเขาถอนตัวเป็นสองแนวคิดกัน

ด้านหลังอาจเป็นเพราะผู้เข้าร่วมประกวดไม่ถูก ส่วนด้านหน้าก็จะทำให้ผู้อื่นสงสัย ผู้จัดงานมีด้านมือหรือไม่ ถึงเวลานั้น ความน่าเชื่อถือของฝ่ายจัดงานก็ได้ถูกสงสัย คุณค่าและตำแหน่งของงานประกวดก็จะต่ำลง

ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเห็น

“ดีมาก” นัทธีเงยหน้าขึ้น “นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่งคือเพิ่งพบนางแบบของภรรยาผม และยังต้องให้แพทย์วินิจฉัย ดังนั้นแคทวอล์คจะเลื่อนออกไปเป็นหนึ่งชั่วโมง ทำแบบนี้ได้ไหม”

“แน่นอนครับ” พิธีกรพยักหน้าทันที

แค่เลื่อนแคทวอล์ค ไม่ได้ให้คุณผู้หญิงใช้เส้นสายสักหน่อย ก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

นัทธีตอบอืมกลับ “ไปเถอะ ไปตามหมอมาด้วย”

“ครับ” พิธีกรพยักหน้าแล้วเดินออกไป

วารุณีกำลังจะถามว่าเชอรีนถูกคนตีจนสลบได้ยังไง

เชอรีนยกน้ำอุ่นขึ้น แล้วตอบกลับด้วยความหวาดกลัว “ตอนฉันไปเอากล้องวงจรปิดที่ห้อง ไม่มีใครอยู่ในห้องควบคุมกล้องวงจร ฉันเลยคิดว่าจะออกไปหาหน่อย สุดท้ายพอออกไป ก็รู้สึกเหมือนด้านหลังมีเสียงฝีเท้า มีคนตามฉัน ฉันกำลังจะหันไปมอง แต่…….”

“แต่อะไร?” วารุณีกุมมือเธอไว้