บทที่ 475 ระบบประท้วงแล้ว

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 475 ระบบประท้วงแล้ว

บทที่ 475 ระบบประท้วงแล้ว

เสี่ยวเถียนตะลึงงัน ถ้าตอนนี้ไม่ได้อยู่ข้างนอก เธอคงจะมองแผงระบบแล้ว เพิ่งจะเปิดภารกิจใหม่ เธอจะทำไปสี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้วได้ยังไง? หรือสมองของระบบมันช็อต?

แต่สายตาสองคู่นั้นที่มองอยู่ ทำให้เธอต้องยับยั้งความกระตือรือร้นเอาไว้

กลับบ้านค่อยดู กลับบ้านค่อยดู!

เสี่ยวเถียนพยายามโน้มน้าวใจตัวเอง เพราะยังไงตัวภารกิจที่ทำสำเร็จมันก็ยังอยู่ตรงนั้น มันไม่หนีไปไหนหรอก

[โฮสต์ไม่อยากดูหน่อยหรือคะว่าของขวัญทั้งสองชิ้นคืออะไร?]

เสี่ยวเถียนทนไม่ไหวแล้ว

ดูเลยแล้วกัน!

สุดท้ายเธอก็ทนต่อคำล่อลวงไม่ไหว

จากนั้นจึงรีบวิ่งไปห้องน้ำ แล้วเปิดจอขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ภารกิจส่วนแรกอย่าง ‘มีธัญพืชนานาชนิดในหนังสือ’ ทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว

“แอนนา ทำไมจู่ ๆ มันถึงเสร็จล่ะ?”

[โฮสต์คะ นี่เป็นผลพวงของข้อมูลที่รวบรวมได้ค่ะ]

ตัวระบบเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งยังสับสนด้วย เมื่อเช้านี้ยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมไม่เห็นโฮสต์ทำภารกิจส่วนแรกเสร็จเสียที ทว่าไม่ทันได้รู้ตัวก็ดันเสร็จเสียแล้วในบ่ายวันเดียวกัน!

“ข้อมูลที่รวบรวมได้?”

เสี่ยวเถียนไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าตัวระบบจะพูดอะไรแบบนี้ด้วย จึงอดสงสัยไม่ได้

[พูดง่าย ๆ ก็คือ ตัดสินจากการกระทำของครอบครัวของโฮสต์ค่ะ ทั้งในเรื่องเรียนและระดับการสะสมความมั่งคั่ง]

เสี่ยวเถียนตกใจ

อะไรนะ?

มันตัดสินจากการกระทำของคนที่บ้านหรือ?

จู่ ๆ ก็รู้สึกกดดันขึ้นมา

ทำงานคนเดียวมันสะดวกกว่าทำร่วมกับคนในบ้านเสียอีก!

[จากการตรวจจับของระบบ ครอบครัวของโฮสต์ได้บรรลุเป้าหมายเกินข้อกำหนดในส่วนแรกแล้วค่ะ จึงเข้าสู่ส่วนที่สองในทันที]

“แอนนา แต่เราเพิ่งจะเข้าส่วนที่สองมาเองนะ แล้วทำไมมันบอกว่าเสร็จไปแล้วสี่สิบเปอร์เซ็นต์ล่ะ?”

[เป้าหมายของส่วนที่สองคือ เรื่องความก้าวหน้าด้านการเรียนของคนที่บ้านและการที่โฮสต์มีบ้านของตัวเองค่ะ และตอนนี้โฮสต์มีบ้านแล้วสองหลัง แถมคนที่บ้านยังก้าวหน้าเรื่องเรียนค่อนข้างไวด้วยค่ะ!]

เธอเข้าใจแล้วว่าถึงระบบจะเป็นของเธอ แต่การจะทำภารกิจให้เสร็จได้ เธอจะทำแค่คนเดียวไม่ได้ จึงต้องค่อย ๆ เปลี่ยนคนอื่นแทน

ส่วนเรื่องการสะสมความมั่งคั่งทำเสร็จไปแล้ว งั้นการทำส่วนที่สองน่าจะง่ายกว่าไหมนะ?

เสี่ยวเถียนใช้เวลาห้าปีถึงจะทำส่วนแรกเสร็จ หากใช้ความเร็วในปัจจุบัน ส่วนที่สองน่าจะเสร็จภายในปีหรือสองปี

ตอนนั้นเองที่ระบบได้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง และคำพูดของมันทำให้หัวใจเสี่ยวเถียนเย็น เฉียบ!

[โฮสต์อย่าคิดว่ามันง่ายนะคะ แต่ภารกิจในส่วนแรกก็ถือได้ว่าเสร็จเร็วมากแล้วค่ะ]

เอาเถอะ อันที่จริงมันก็เร็วอยู่นั่นแหละ เสี่ยวเถียนตื่นขึ้นจากความตื่นเต้นทันที

[โฮสต์คะ คุณสามารถตรวจดูแพ็กเกจของขวัญจากระบบได้นะคะ!]

ทำไมถึงลืมได้นะ เธอได้ของขวัญมาตั้งสองชิ้น แต่ดันลืมถามเสียได้ ส่วนระบบก็ลืมพูดอีก

“เปิดเลย ๆ!” เธอตื่นเต้นมาก

ในโลกนี้มันจะมีคนไม่ชอบเปิดของขวัญกันด้วยหรือ? แถมเธอยังชอบมากอีกด้วย โดยเฉพาะของที่ระบบให้มา เพราะมันเป็นของจริง

มือขาวเนียนกดเปิดของขวัญอันแรก

อะไรเนี่ย?

เธอประหลาดใจมากจนอ้าปากค้าง

ไม่ให้แปลกใจได้ยังไง ของขวัญที่ระบบให้มันใหญ่มากเลยนะ

“ระบบ จริงหรือเนี่ย?” เธอถามเสียงสั่น

[จริงสิคะ คุณรับรางวัลสูงสุดที่ทางระบบสามารถมอบให้ได้เลยค่ะ!]

แต่น้ำเสียงไม่ค่อยมีความสุขเลยนะ?

แต่ตัวเสี่ยวเถียนกลับมีความสุขแทน

“รางวัลของเธอไม่ได้ให้แค่ฉันหรือไง? ทำไมถึงไม่ค่อยเต็มใจเลย?”

[แต่คุณไม่ควรจะสุ่มได้ในตอนนี้สิ]

“จะตอนนี้หรือตอนไหน ยังไงฉันก็ได้อยู่ดีนี่!” เสี่ยวเถียนยิ้ม ก่อนใส่กระดาษแผ่นบางไว้ในกล่องเก็บของ

“ฉันอยากเปิดอีกอันนึงด้วย!” เธอเตือน

ระบบว่าอย่างอ่อนล้า [ระบบไม่ไหวแล้วค่ะ ต้องไปเผากระดาษ! วันนี้ทางเราจะไม่มีบริการใด ๆ แล้วค่ะ!]

ฮะ? มีอารมณ์กับเขาด้วยหรือ?

เอาเถอะ มีก็มี ยังไงเธอก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว

เด็กสาวออกจากห้องน้ำอย่างมีความสุขแล้วกลับไปที่ห้องโถงใหญ่

ที่นั่นไม่โล่งอีกแล้ว

ตอนนี้มีทั้งพวกคริสติน่า ออกัสและคนอื่น ๆ รออยู่แล้ว

ชายคนนั้นพาล่ามมาด้วย ถึงจะไม่ได้เก่ง แต่ประโยคง่าย ๆ ก็ยังไม่มีปัญหาอะไร เพราะงั้นการสนทนาระหว่างพวกเขาจึงเป็นไปอย่างราบรื่น หมายถึงระหว่างพวกออ กัสกับพวกฉืออวี้เลี่ยงน่ะ

คริสติน่าดูไม่ค่อยสนใจเท่าไร กระทั่งเห็นเสี่ยวเถียนถึงได้มีชีวิตชีวาขึ้นมา

ในช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมง เด็กสาวรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก ทั้งยังแต่งหน้าอ่อน ๆ มาด้วย

รู้เลยว่าเป็นสาวสวยคนหนึ่ง!

“โอ้ ที่รัก เธอกลับมาเสียที ถ้าไม่มาฉันคงออกไปตามหาแล้วล่ะ!”

เสี่ยวเถียน “…”

ตั้งใจจะตีสนิทกันเลยสินะ

ออกัสมองน้องสาวที่ท่าทางเปลี่ยนไป ใบหน้าหล่อมีรอยยิ้มบาง ๆ อยู่

มองแค่แวบเดียวก็รู้เลยว่าพี่ชายสุดหล่อคนนี้รักน้องขนาดไหน

“คุณคริสติน่าคะ ขอถามหน่อยค่ะว่าตอนนี้มีแผนอะไรในใจไหม?”

“ฉันเคยได้ยินคนพูดว่า ประเทศทางฝั่งตะวันออกมีสิ่งสวยงามและตื่นตาเยอะแยะเลย โดยเฉพาะอาหารที่อร่อย ฉันอยากลองชิม!”

มันก็ถือเป็นคำขอปกตินะ แถมตอนนี้เป็นเวลากินข้าวแล้วด้วย ถึงคริสติน่าจะไม่ได้พูดขึ้นมา เราก็เป็นฝ่ายพูดอยู่ดี

เสี่ยวเถียนแปลให้ผู้อำนวยการทั้งสองฟัง

สิ้นประโยค ฉืออวี้เลี่ยงก็เอ่ยอย่างสุภาพ “พวกเราจองโต๊ะไว้แล้วครับ และเตรียมเป็ดย่างไว้ให้ทุกท่านด้วย!”

นี่คืออาหารของเมืองหลวงเลยนะ และมันก็คือสิ่งที่เขาคิดเป็นอันดับแรกเลยด้วย

เสี่ยวเถียนยิ้มก่อนจะแปลให้ฟัง

คริสติน่าโบกมือปฏิเสธ “ไม่เอา ๆ ฉันไม่อยากกินเป็ดย่าง ฉันอยากกินอาหารฝั่งตะวันออกอร่อย ๆ!”

เสี่ยวเถียนประหลาดใจ

ในใจเธอมีแต่อาหารอร่อย ๆ ฝั่งตะวันออกหรือ?

ตอนนั้นไม่คิดเลยว่าคริสติน่าจะพูดสิ่งน่าอัศจรรย์ใจออกมาได้ แถมยังเกือบทำให้เธอที่เคยเห็นโลกกว้างมาก่อนตกใจด้วย

“ฉันได้ยินมาว่ามันมีสำรับอาหารแมนจูกับฮั่นด้วยน่ะ!”