บทที่ 476 หลังจากนี้ข้าจะปกป้องเจ้า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 476 หลังจากนี้ข้าจะปกป้องเจ้า

บทที่ 476 หลังจากนี้ข้าจะปกป้องเจ้า

ฉินเย่จือกะพริบตาและมองไปที่ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานที่ดูอึดอัดไร้หนทาง จากนั้นจึงคิดว่าเขาไม่สามารถหยอกล้อนางได้อีกต่อไป

และพูดว่า “ที่เจ้าพูดคือเจ้ายังไม่แต่งงาน และข้ายังไม่แต่งงาน…”

ฉินเย่จือมองใบหน้าของกู้เสี่ยวหวาน แต่เขาก็ยังไม่พูดประโยคสุดท้ายออกมา

ในขณะนี้ ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานแดงก่ำราวกับก้นของลิง นางก้มศีรษะลงชิดอกและพูดเสียงเบาราวกับเสียงของยุงพลางพยักหน้า “ที่ข้าเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ เจ้าห้ามคิด…”

เมื่อฉินเย่จือได้ยินสิ่งนี้ ความผิดหวังพลันปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวานอีกครั้ง ความผิดหวังนั้นก็หายไป

“ข้า…ข้าแค่อยากจะบอกเจ้า…ข้าไม่ใช่ผู้หญิงง่าย ๆ เช่นนั้น! ข้าแค่พูดคำที่น่าตกใจเพื่อหยุดพวกนางทั้งสองคนเท่านั้น การปล่อยให้พวกนางเป็นเช่นนี้ต่อไปมันน่ารำคาญ!” กู้เสี่ยวหวานพูด

หลังจากฉินเย่จือฟังจบแล้ว เขาก็ตบหน้าอกเบา ๆ และพึมพำ “นั่นทำให้ข้าตกใจแทบตาย!”

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ยินสิ่งที่ฉินเย่จือพูด นางเงยหน้าขึ้นและถาม “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานกลมโต ลูกตาดำขลับราวกับน้ำหมึก ราวกับแก้วสีดำที่ส่องประกายระยิบระยับ

ฉินเย่จือมองลึกลงไปในดวงตาของกู้เสี่ยวหวาน และกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ไม่มีอะไร! สิ่งที่เจ้าพูดเมื่อครู่ ข้ารู้แล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล!” หลังจากพูดแล้วเขาก็ส่งสายตาปลอบใจให้กู้เสี่ยวหวาน

เป็นเรื่องตลก ถ้ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนเช่นนี้จริง ๆ ฉินเย่จือคงจะต้องเดินทางไกลไปยังสถานที่ที่นกไม่อึ*[1] ไม่ได้ทำอะไรเลยและยุ่งวุ่นวายที่นี่ทั้งวัน!

กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดต่อ “ครอบครัวของกู้ซินเถามีหน้ามีตาอยู่ในเมือง เจ้าไม่อยากไปจริงหรือ?”

หลังจากพูดแล้ว นางก็ก้มหน้าลงอีกครั้งราวกับกลัวเล็กน้อยที่จะได้ยินคำตอบของฉินเย่จือ

ฉินเย่จือยิ้มเยาะ รู้สึกหมดหนทาง ลูกแมวน้อยตัวนี้กำลังคิดอะไรอยู่?

“ครอบครัวของข้ายากจน แต่ครอบครัวของกู้ซินเถามีเงิน นอกจากนี้ ลุงของข้ายังเคยสอบเป็นบัณฑิตมาก่อน และตอนนี้เขาทำงานที่ร้านซุ่นซิน เขาคงจะติดต่อกับผู้มีอำนาจในเมืองตลอดทั้งวัน ถ้าพูดไม่ผิด บางทีพ่อของนางอาจจะหาทางที่ดีให้เจ้าได้จริง ๆ ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าจะประสบความสำเร็จในอนาคตอย่างแน่นอน แต่ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่ ข้ากลัวว่าเจ้าจะถูกฝังจริง ๆ!”

กู้เสี่ยวหวานทนไม่ไหวและพูดว่า “ถ้าตอนนี้เจ้าเสียใจ ข้าจะส่งเจ้าไปที่นั่น ข้าจะไปขอโทษกู้ซินเถาและให้นางพาเจ้าไป!”

หลังจากพูดจบ นางก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง นางไม่ต้องการให้ฉินเย่จือเห็นใบหน้าของตนที่เต็มไปด้วยความเสียดาย ฉินเย่จืออยู่ในบ้านของตนมาเป็นเวลานานแล้ว และตนได้ปฏิบัติต่อฉินเย่จือเป็นครอบครัวของตนอย่างสมบูรณ์

แต่ถ้ามันขัดขวางการไล่ตามอนาคตที่ดีกว่าของฉินเย่จือ และทำลายอนาคตของคนอื่น นางไม่สามารถทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมเช่นนั้นได้

ฉินเย่จือฟังคำพูดของกู้เสี่ยวหวานและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อครู่ที่บ้านเก่าของตระกูลกู้ กู้เสี่ยวหวานชี้ไปที่ตนเองและพูดว่าเขาคือคนในครอบครัวของนาง ในเวลานั้นที่นางพูดเช่นนี้ออกมา นางปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนครอบครัวอย่างสมบูรณ์

ตอนนี้ หลังจากพูดคำเหล่านี้แล้ว ฉินเย่จือไม่ใช่คนใจแคบ ดังนั้นเขาจึงสามารถเดาความหมายในคำพูดของกู้เสี่ยวหวานได้อย่างเป็นธรรมชาติ นางไม่ต้องการรั้งเขาไว้ และอยากให้เขามีทางที่ดีกว่า

ฉินเย่จือรู้สึกกังวลเล็กน้อยและฝีเท้าของเขาก็หยุดกะทันหัน ดวงตาของเขาหรี่ลง ในใจของเขาเต็มไปด้วยความทุกข์และความเห็นอกเห็นใจ

“หากข้าต้องการ โลกก็จะอยู่ในกำมือข้า” ฉินเย่จือพูด เสียงนั้นเบามากและลมกระโชกแรงพัดพาคำพูดของเขาลอยไป

กู้เสี่ยวหวานเดินไปข้างหน้าและไม่ได้ยินเสียงของฉินเย่จือ หลังจากเดินสองก้าว นางก็พบว่าฉินเย่จือไม่ได้เดินตามมา และเมื่อมองย้อนกลับไป นางก็เห็นดวงตาที่ราวกับดวงดาวของฉินเย่จือมองมาที่ตน

ไม่มีคลื่นใด ๆ

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกอายเล็กน้อย ประโยคที่นางถามเมื่อครู่ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเหมือนนางกำลังดูถูกฉินเย่จือ

เมื่อฉินเย่จือเผชิญหน้ากับกู้ซินเถา ไม่ว่ากู้ซินเถาจะบังคับและล่อลวงอย่างไร ฉินเย่จือก็ไม่หวั่นไหว

ในใจของนางอยากจะให้เขาอยู่ต่อ แต่เมื่อครู่ตนเองกลับใช้คำพูดนั้นเพื่อกระตุ้นเขา

กู้เสี่ยวหวานคิดว่าฉินเย่จือโกรธ นางจึงรีบเดินไปหาฉินเย่จืออย่างรวดเร็วและเงยหน้าขึ้นมองฉินเย่จือพลางพูดอย่างอึดอัดใจ “สิ่งที่ข้าพูดเมื่อครู่ เจ้าไม่ต้องใส่ใจ!”

ฉินเย่จือมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน เขาไม่ตอบคำถามของนาง แต่หันศีรษะไปมองนางและพูดอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวหวาน ถ้าพวกเขากล้าที่จะรังแกเราอีกในอนาคต ข้าจะโยนพวกเขาทิ้งไปให้หมด ได้หรือไม่?”

กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจเบา ๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก นางพูดประชดประชันอย่างแผ่วเบาว่า “ได้! เจ้าเป็นผู้ชาย หากไปทำอะไรพวกนางเข้า คนอื่นจะพูดอย่างไร!”

ก็จริง! ฉินเย่จือไม่ได้คิดมากเช่นนั้น ในอดีต เรื่องที่เขาดูอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ เขาก็จะบอกให้อาโม่ทำอยู่เสมอ ในวันนี้ เมื่อลองคิดดูแล้วมันก็จริงอย่างที่นางพูด หากเขาลงมือกับเด็กและผู้หญิง มันจะเป็นการทำลายศักดิ์ศรีของเขาเสียเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญกับผู้คนที่ก้าวร้าวเช่นนี้ เขาจึงไม่สามารถยอมให้พวกนางกลั่นแกล้งกู้เสี่ยวหวานซ้ำแล้วซ้ำได้อีก

เมื่อเห็นความอึดอัดบนใบหน้าของฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานก็พูดทันทีว่า “ข้าไม่ได้อ่อนแอเช่นนั้น พวกนางต้องการจะรังแกข้า แต่มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น”

ตั้งแต่ฉินเย่จือมาที่บ้านกู้ เขาได้เห็นหลายครั้งจริง ๆ ว่ากู้เสี่ยวหวานถูกญาติที่น่ารังเกียจเหล่านั้นมารังแกถึงหน้าประตูบ้าน เขาพยักหน้าและแค่นยิ้ม “เช่นนั้นในตอนที่เสี่ยวหวานเป็นอันตราย หากมีข้าอยู่เคียงข้างเจ้า เจ้าสามารถด่าได้เท่าที่ต้องการ หากเจ้าด่าไม่ได้ เจ้าก็วางใจได้ เกรงว่าในโลกนี้คงไม่มีคนที่ข้าจะสู้ไม่ได้!”

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าฉินเย่จือมีทักษะบางอย่าง และคิดว่าฉินเย่จือกำลังคุยโวโอ้อวด นางก็ยิ้มออกมา ความขุ่นเคืองที่บ้านหลังเก่าของตระกูลกู้เมื่อครู่นี้ก็ถูกกวาดล้างไปจนหมด “อืม ตกลง ข้ารู้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นหากข้าทำไม่ได้ ข้าจะให้เจ้าที่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโลกสั่งสอนบทเรียนให้พวกคนเลวเหล่านั้น!”

*[1] ใช้เพื่ออธิบายสถานที่ที่ค่อนข้างแห้งแล้งที่แม้แต่นกก็ไม่ต้องการมา