War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1851
ตอนที่ 1,851 : จะผายลมยังไม่กล้า!
กาลเวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน ไม่ทันไรก็เหลืออีกเพียงไม่กี่วันจะครบกำหนด ‘นัดหมายประลอง 5 ปี’ แล้ว…
เหนือทางเข้าถิ่นอาศัยของเผ่าพันธุ์มังกร ปรากฏกลุ่มคนโรยตัวลงมาจากฟ้าด้วยท่าทางเหนื่อยล้าจากการเดินทางเล็กน้อย
กลุ่มคนดังกล่าวมีชายหนุ่ม 3 คนกับชายชราอีกคน…
เป็นกลุ่มคนของตำหนักเมฆาคราม…ที่นำพามาโดยต้วนหรูเฟิง!
นอกจากต้วนหรูเฟิงที่นำมาแล้ว ยังมียอดฝีมือคนสำคัญของตำหนักเมฆาครามติดตามมาอีกหนึ่ง..กู่มี่!
ส่วนอีก 2 คนนั้นแน่นอนว่าย่อมเป็นต้วนหลิงเทียนกับกู่ลี่
“น้องหลิงเทียน เรื่องนี้เจ้าแน่ใจแล้วหรือ?”
เมื่อเห็นว่าทางเข้า ‘รังมังกร’ อยู่เบื้องหน้า กู่ลี่ก็มองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาขึงขังจริงจัง “เรื่องที่เจ้าต้องประลองกับตี้จิ่ว มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บนั่นมิใช่เรื่องตลก! พลาดพลังไปเจ้าอาจตายได้!”
“พี่กู่…”
ต้วนหลิงเทียนได้แต่ตอบกลับด้วยท่าทางจนปัญญา “ตั้งแต่ออกเดินทางมาท่านถามคำถามนี้กับข้าจะครบสิบครั้งอยู่แล้ว เรื่องนี้ท่านมั่นใจได้เลย และคำตอบของข้าก็ยังคงเดิม…แถมต่อให้ข้าสู้มันไม่ได้จริงๆ ข้าก็สามารถถอนตัวได้อย่างปลอดภัยแน่นอน…อีกทั้งยังมีบิดาข้าอยู่ทั้งคนท่านยังต้องห่วงข้าอีกรึไง?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงจุดนี้ก็หันไปมองต้วนหรูเฟิง ซึ่งต้วนหรูเฟิงก็หันกลับมาพยักหน้ายืนยันกับกู่ลี่ ค่อยหันกลับไปนำทางต่อ
ไม่กี่วันที่ผ่านมาต้วนหลิงเทียนก็ได้ออกจากการปิดด่านฝึกตนในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ!
หลังออกมาจากการปิดด่านแล้ว เขาก็ไปหามารดารวมถึงคู่หมั้นและลูกน้อยทันที ใช้เวลากับครอบครัวอยู่พักหนึ่ง ค่อยติดตามบิดามายังเผ่าพันธุ์มังกร
สำหรับจุดประสงค์การมาเผ่าพันธุ์มังกรครั้งนี้ ก็มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น…
บรรลุ สัญญา 5 ปี!
สัญญา 5 ปีที่ว่าก็คือการนัดหมายประลองชิงสิทธิ์เข้าสระชำระมังกรระหว่างบุตรชายต้วนหรูเฟิงกับตี้จิ่ว!
และหลังจากผ่านไป 5 ปี วันนี้ต้วนหรูเฟิงก็ได้พาบุตรชาย ต้วนหลิงเทียน มาเผชิญหน้ากับตี้จิ่ว ผู้ที่ชนะจะได้เข้าใช้สระชำระมังกร ที่จะเปิดออกทุกๆ 5,000 ปี! มันคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกร!!
หนึ่งในกุญแจเปิดสระชำระมังกรนั้นอยู่กับต้วนหรูเฟิง ซึ่งเป็นเขาริบมาจากผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว สาเหตุเพราะเขาไม่เชื่อถือในความซื่อสัตย์ของเผ่าพันธุ์มังกร!
และมีเพียงต้องใช้กุญแจ 2 ดอกพร้อมกันเท่านั้น ถึงจะเปิดสระชำระมังกรได้
ไม่นานภายใต้การนำของต้วนหรูเฟิง ทั้งกลุ่มก็เหินมาถึงทางเข้าหุบเขามังกร ต่างพุ่งร่างตรงเข้าไปอย่างไม่คิดจะลดความเร็ว
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
……
ตอนนี้เองพลันมีเงาร่างมากมายพุ่งออกมาจากหุบเขา ทั้งหมดเป็นคนของเผ่าพันธุ์มังกรที่คอยลาดตระเวนตรวจตราพื้นที่โดยรอบ
“จ้าวตำหนักเมฆาคราม ต้วนหรูเฟิง พาบุตรชายมาที่นี่เพื่อบรรลุขอตกลง 5 ปี!”
ไม่รอให้คนของเผ่าพันธุ์มังกรที่เข้ามาอ้าปากกล่าวคำใด ต้วนหรูเฟิงพลันโพล่งคำออกไปเสียงดังฟังชัด ยังดังทะลวงไปถึงหุบเขามังกรด้านหลัง พาลให้เผ่าพันธุ์มังกรที่พุ่งร่างออกมาตกใจไม่น้อย
ต้วนหรูเฟิง!
นั่นไม่ใช่นามของจ้าวตำหนักเมฆาครามหรือไร?!
“เชิญท่านจ้าวตำหนักต้วน”
เมื่อทราบว่ากลุ่มคนเบื้องหน้าคือพวกต้วนหรูเฟิง เคนเผ่ามังกรที่ออกมาก็ได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง ค่อยต้อนรับขับสู้ด้วยสุภาพ
ถึงแม้ 5 ปีที่แล้วต้วนหรูเฟิงจะบุกมาอุกอาจและไม่ได้ไว้หน้าผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรของพวกมันแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามสุดท้ายการรบแตกหักก็ไม่ได้เกิดขึ้น ทว่าระดับสูงของเผ่ากลับตกลงประนีประนอมและเลือกที่จะให้ บุตรชายต้วนหรูเฟิง ประลองกับตี้จิ่วเพื่อชิงสิทธิ์เข้าสระชำระมังกรแทน
ต่อหน้าต้วนหรูเฟิงกระทั่งอาวุโสเผ่าพันธุ์มังกรยังต้องยอมลง พวกมันไม่สุภาพได้หรือ?!
หากพวกมันไม่สุภาพเกิดต้วนหรูเฟิงรำคาญใจอะไรขึ้นมา ตบเปรี๊ยงเดียวฆ่าพวกมันอนาถ ไหนเลยเผ่าพันธุ์มังกรจะยืนหยัดเพื่อพวกมัน?
“คนเผ่ามังกรงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ค่อยมองไปยังคนเผ่ามังกรที่กรูกันออกมา เนตรเทวะเปิดใช้งานทันที
เนตรเทวะนี้เป็นทักษะลับที่ผู้เฒ่าหั่วถ่ายทอดให้เขา ไม่เพียงแต่จะมองด่านพลังฝึกปรือของอีกฝ่ายออก ยังเห็นร่างกายที่แท้จริงอีกฝ่ายด้วย
ความสามารถนี้คล้ายคลึงกับ เนตรอัคคีนัยน์ตาทอง ของผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดินซุนหงอคง! ที่สามารถมองเห็นซึ้งถึงทุกสิ่ง!
แต่แน่นอนว่าเนตรเทวะยังอ่อนด้อยกว่า เนตรอัคคีนัยน์ตาทอง ของซุนหงอคงอยู่หลายส่วน
เมื่อเปิดใช้เนตรเทวะแล้ว ในสายตาของต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นว่า…ด้านหลังร่างกลุ่มคนเบื้องหน้าแต่ละคน กลับมีเงาร่างลางๆลอยล่องอยู่ กล่าวให้ชัดมันเป็นเงาร่างมังกร!
‘มังกรเทพยาดา 3 กรงเล็บงั้นเหรอ?’
ขณะเดียวกันจากเงาร่างดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็สามารถระบุจำนวนกรงเล็บ และรู้ถึงระดับของพวกมันได้ทันที
“ยินดีที่ได้พบท่านจ้าวตำหนักต้วน ท่านผู้อาวุโสกู่มี่”
ภายใต้การนำทางของคนเผ่ามังกร พวกต้วนหรูเฟิงก็เหินร่างเข้าไปยังหุบเขาอันเป็นรังมังกรอย่างสะดวก และเข้ามาได้ไม่ทันไรพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นแต่ไกล
พร้อมกับเสียงก็ปรากฏร่างชายชราร่างใหญ่มาในชุดสีเขียวขึ้นเบื้องหน้ากลุ่มต้วนหรูเฟิง
“อาวุโสชิงเหยียน”
เมื่อคนของเผ่าพันธุ์มังกรที่ทำหน้าที่นำทางต้วนหรูเฟิงเห็นชายชราในชุดสีเขียว พวกมันก็เร่งประสานมือคารวะทำความเคารพทันที และต่างเหินลอยไปหยุดยืนด้านหลังชายชราอย่างนอบน้อม
“ท่านจ้าวตำหนักน้อย มันคือมังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บเรียกว่าชิงเหยียน เมื่อ 5 ปีที่แล้วด่านพลังมันอยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดซึ่งทัดเทียมกับตี้จิ่ว…หากแต่ตอนนี้มันไม่น่าจะเทียบตี้จิ่วได้แล้ว”
ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงชราดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอย่างประจวบเหมาะ
ผู้ที่ส่งเสียงกล่าวบอกตัวตนอีกฝ่ายให้เขารู้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นกู่มี่เอง
เมื่อต้วนหลิงเทียนมาอยู่ในตำหนักเมฆาคราม บิดาของเขาก็ได้แนะนำให้เขารู้จักกับกู่มี่เรียบร้อยแล้ว
แต่หากให้กล่าวไป นั่นก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนได้เจอกู่มี่
เจอกันครั้งแรกนั้นเป็นวันที่เขาออกจากแดนลับเซียนของตำหนักฟ้าลี้ลับ
ต่อมาจึงค่อยทราบว่าที่กู่มี่ไปวันนั้นเพราะไปเพื่อยืนยันตัวตนของเขานั่นเอง แต่น่าเสียดายด้วยทักษะแปลงโฉมอันแยบคายของเขา กู่มี่ยากที่จะมองได้ออก
แม้กู่มี่คนนี้จะแลดูเย็นชาไม่สุงสิงกับผู้ใด
แต่ตอนอยู่ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนอีกฝ่ายมักแย้มยิ้มอยู่บ่อยครั้งถึงรอยยิ้มจะแลดูน่าเกลียดปานคนร่ำไห้ก็ตามที…
‘มังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บ ชิงเหยียน?’
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับทราบ เขาเองก็ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บทันทีที่เข้ามาในรังมังกร
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ต้วนหลิงเทียนจึงเปิดใช้เนตรเทวะทันที
“ฮึ่ม!”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่สำนึกเทวะของเขาจะแผ่พุ่งออกไปตรวจสอบ อีกฝ่ายก็สามารถค้นพบได้ก่อน กระทั่งยังแผ่พุ่งสำนึกเทวะอันร้ายกาจออกมาทำลายสำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนโดยตรง!
“อั๊ค!”
หน้าต้วนหลิงเทียนซีดไปทันที ยังรู้สึกวิงเวียนศีรษะปานโลกหมุน โลหิตตีกลับกระทั่งกระอักออกปากคำใหญ่!
วูบ! วูบ! วูบ!
ทันใดนั้นสีหน้าต้วนหรูเฟิง กู่มี่ และกู่ลี่เปลี่ยนไปทันที
ปงงง!!
ไม่ทราบลงมืออย่างไร หากแต่ตอนนี้กู่มี่วูบร่างหายไปจากจุดเดิม ก่อนที่จะไปปรากฏตัวอีกครั้งในที่ๆชิงเหยียนยืนอยู่เมื่อครู่ ส่วนชิงเหยียนนั้นปลิดปลิวกระเด็นไปไม่เป็นท่าราวลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร!
อั๊ค! อ๊อค!!
……
ชิงเหยียนที่ปลิดปลิวกระเด็นไปกระอักโลหิตไม่หยุด เลือดแดงเรียงเป็นเส้นลากยาวกลางฟ้าแลดูงดงามพิกล ก่อนที่พวกมันจะหล่นร่วงกลับกลายเป็นบุปผางามเบ่งบานกลางหาวในชั่วพริบตา ค่อยกระซ่านกระเซ็นหายไป
“ท่านจ้าวตำหนักน้อยของข้าอุตส่าห์ตรวจสอบเจ้า ก็นับว่าเป็นเกียรติของเจ้าแล้ว! หากเจ้ากระทำตัวโง่เขลาอีกครั้ง ตาย!”
ไม่ทันไรกู่มี่ก็อันตรธานหายไปอีกครั้ง ค่อยกลับมาหยุดยืนถัดจากต้วนหรูเฟิง ราวกับมันสามารถหายตัวไปโผล่ที่ใดก็ได้ กล่าวออกด้วยสีหน้าเย็นชา พาลให้ผู้คนที่ได้ยินหนาวสะท้านจับใจ
คนเผ่ามังกรที่เหลืออดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวจนตัวสั่น
กระทั่งผู้อาวุโสของพวกมันยังถูกจัดการง่ายดายเพียงนี้ นับประสาอะไรกับพวกมัน!
ตอนนี้พวกมันหวังเพียงว่าอีกฝ่ายจะไม่พาลมีโมโหมาถึงพวกมัน
“ที่แท้เป็นท่านจ้าวตำหนักน้อยนี่เอง…ข้าไม่ทราบตัวตนของท่านมาก่อน จึงกระทำการล่วงเกินท่านแล้ว ท่านจ้าวตำหนักน้อยโปรดอภัยให้ข้าด้วย…”
ชิงเหยียนที่ถูกซัดสาหัสไม่เพียงไม่โมโห ยังเร่งมองไปทางต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาขอขมาออกมา
วาจายังทำราวกับกล่าวออกมาจากใจจริง
เห็นเช่นนี้มุมปากของต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกระตุกไปวูบหนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้าให้ชิงเหยียนเบาๆคราหนึ่ง
เมื่อเห็นชิงเหยียนถอนหายใจอย่างโล่งอกราวกับรอดตัวไป ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะเขาคิดตรวจสอบพลังฝึกปรือผู้อื่นด้วยเนตรเทวะก่อนแท้ๆ…เรียกได้ว่าเขาผิดเอง!
การที่เขาไปตรวจสอบผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจนโดนทำลายสำนึกเทวะที่แผ่ออกไป ก็นับว่าเขารนหาที่เอง!
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นเขาบาดเจ็บ กู่มี่ไม่เพียงแต่จะลงมือทุบตีผู้คน กระทั่งยังข่มขูชิงเหยียนจนอีกฝ่ายขอโทษเขาแบบนี้
นี่มันตรรกะอะไรกัน!
“น้องหลิงเทียน หลังจากพวกเรามาไกลถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังไม่คุ้นชินอีกหรือ…ชนะเป็นจ้าวแพ้เป็นโจร หากวันนี้ไม่มีอาต้วนกับอาวุโสกู่มาด้วย แม้พวกเราจะไม่ตายก็น่ากลัวจะเลี้ยงไม่โตกันแล้ว…”
กู่ลี่ที่คล้ายแลเห็นความรู้สึกผิดของต้วนหลิงเทียนส่งเสียงกล่าว
“มองให้ดีเถอะ ลึกลงไปในแววตาชิงเหยียนนั่น มันเต็มไปด้วยความคับแค้นใจนัก…”
เสียงของกู่ลี่ยังคงดังต่อเนื่อง
ไม่ต้องให้กู่ลี่กล่าวบอก อันที่จริงต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นแล้วว่าลึกลงไปในแววตาของชิงเหยียนนั้นเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ ความอึดอัดที่ต้องฝืนทนกล้ำกลืนความอัปยศอดสู กระทั่งยังแฝงเร้นไปด้วยจิตสังหาร
“ว่ากันว่ามังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บทั้งหลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีคามภาคภูมิใจในตัวเองสูงล้ำ แต่วันนี้นับว่าข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ เพราะพวกมันกลับมีความอดทนเป็นเลิศแบบนี้ด้วย”
ต้วนหลิงเทียนตอบ
“อะไร! มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ?”
ได้ยินเสียงตอบกลับของต้วนหลิงเทียน กู่ลี่ถึงกับตะลึง เร่งส่งเสียงผ่านปราณกล่าวถามออกมาอีกครั้งทันที “น้องหลิงเทียน! เจ้าบอกว่าตาแก่นี่เป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บงั้นเรอะ?!”
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ “ก่อนหน้านี้อาวุโสกู่มี่ส่งเสียงมาบอกข้าว่า…มันคือมังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บ เห็นว่าชื่อ ชิงเหยียน ทำไ…”
“มังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บ ชิงเหยียน…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวไม่ทันจบคำดี กู่ลี่โพล่งออกมาอีกครั้งด้วยความตกใจ “ข้าเคยได้ยินมาก่อน เห็นว่าพลังฝึกปรือของมันบรรลุเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด…ทว่าด้วยร่างกายที่แท้จริงของมันคือมังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บ พลังฝีมือของมันจึงนับว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดทั้งภูมิภาคเบื้องล่าง!”
“กระทั่งต่อให้เป็นอดีตจ้าววังนภา จูลู่ฉี ของพวกเรา ยังห่างไกลกว่าจะเทียบกับมังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บชิงเหยียนผู้นี้ได้…ถึงแม้จ้าววังจูจะถูกขนานนามว่าเซียนมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตำหนักฟ้าลี้ลับก็ตาม!”
กล่าวถึงจุดนี้กู่ลี่พลันถอนหายใจ “วันนี้ข้าได้เห็นแล้วว่าตำหนักเมฆาครามน่าทึ่งถึงเพียงใด…มังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บไม่กล้าแม้แต่จะผายลมต่อหน้าอาวุโสกู่มี่ด้วยซ้ำ! ไม่เพียงมันจะกล้ำกลืนฝืนทนความอัปยศกระทั่งเป็นฝ่ายกล่าวขอขมาลาโทษต่อเจ้า…”