บทที่441 ซื่อจื่อท่านต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะ

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่441 ซื่อจื่อท่านต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะ

คำเดียว ทำเอาแก้มของหยุนถิงแดงขึ้นทันที จ้องมองจวินหย่วนโยวด้วยความโกรธ “ซื่อจื่ออย่าล้อเล่นไปเลย!”

“ข้าไม่ได้ล้อเล่น ข้าเพียงแค่พูดตามจริง!” จวินหย่วนโยวตอบ

“หยุด ห้ามพูดหัวข้อนี้อีก ท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องที่ท่านลั่วถูกลักพาตัว มีคนที่ท่านสงสัยหรือไม่?” หยุนถิงรีบเปลี่ยนเรื่อง

ตอนนี้นางเพิ่งท้อง และทำอันนั้นไม่ได้ พูดมากเท่าไหร่ก็ล้วนแต่จะทำให้ทั้งสองอยู่ไม่สบาย

สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นลงในทันที “แม่ทัพเฒ่าฟู่บอกว่า ก่อนท่านลั่วถูกพาตัวไปนั้นได้กล่าวคำว่าขยะแห่งสำนัก นางสงสัยว่าหอเทพเซียนเป็นคนทำ”

หยุนถิงรู้สึกประหลาดใจมาก “หอเทพเซียน พวกเขามีกำลังความสามารถลักพาตัวท่านลั่วได้อย่างไร ข้าเห็นเหล่าองครักษ์พวกนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส เห็นได้ชัดอีกฝ่ายนั้นลงมือโหดเหี้ยมเพียงใด”

“ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของหอเทพเซียนน่าจะยังมีคนอื่น ไม่ใช่นั้นพวกเขาไม่สามารถเอาชนะองครักษ์ของจวนตระกูลฟู่ได้แน่นอน คนเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ที่ฝ่าเคยอันตรายมากับแม่ทัพเฒ่าฟู่ ผ่านศึกมานักต่อนัก” จวินหย่วนโยวตอบ

“แล้วซื่อจื่อ ท่านมีแผนการอะไร?”

“ข้าจะไปที่หอเทพเซียนด้วยตนเอง เพื่อช่วยท่านลั่วออกมา หลายปีมานี้ล้วนเป็นเขาที่คอยช่วยข้าดูแลรักษาร่างกายมาโดยตลอด หากไม่มีเขา เกรงว่าข้าคงตายไปนานแล้ว”

หยุนถิงฟังแล้วก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก “งั้นข้าไปเป็นเพื่อนท่าน”

“ไม่ได้ หอเทพเซียนอยู่ห่างจากต้าเยียน แถมมีอันตรายอยู่ทุกที่ และเจ้าก็เพิ่งตั้งครรภ์ ไม่ควรมีอันตรายแม้แต่นิด” น้ำเสียงคำสั่งของจวินหย่วนโยวอย่างไม่ต้องสงสัย

“แต่ข้ารู้วิธีใช้พิษ แม้ว่าองครักษ์เงามังกรของท่านจะแข็งแกร่งมาก แต่เรื่องการใช้พิษก็มิสามารถเทียบข้าได้ บางทีข้าก็อาจช่วยอะไรได้อยู่บ้าง?” หยุนถิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา

นางก็แค่อยากทำอะไรเพื่อซื่อจื่อสักหน่อย

“ไม่ได้ หอเทพเซียนอันตรายเกินไป เจ้าจะไปเสี่ยงไม่ได้ องครักษ์เงามังกรสู้รบมานับครั้งไม่ถ้วน และมีประสบการณ์ ขอเพียงช่วยท่านลั่วได้ ข้าก็จะให้คนกำจัดหอเทพเซียนให้หมดสิ้น ครั้งนี้ฟังข้า เจ้าอยู่ที่จวนซื่อจื่อดีๆ ข้าก็สามารถไว้ใจได้!” จวินหย่วนโยวทำหน้าดูจริงจัง

“ก็ได้ ฟังซื่อจื่อ ท่านไปครั้งนี้ต้องระวังไว้ให้มากๆ หากเกิดสถานการณ์ใดๆก็รีบส่งจดหมายนกพิราบมาให้ข้า” หยุนถิงพูดอย่างยอมทำตาม

“อืม”

รถม้ากลับไปที่จวนซื่อจื่อ จวินหย่วนโยวก็รีบเรียกทุกคนมารวมกันทันที และหารือเกี่ยวกับแผนการเดินทางและแผนการรบ

หยุนถิงก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ รีบกลับไปที่ห้องและเข้าไปในมิติแล้วเตรียมถุงยา ครั้งนี้จะไปที่หอเทพเซียน ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งการแพทย์และการใช้พิษ ดังนั้นถุงยาทุกถุงหยุนถิงจึงใส่ยาถอนพิษ และยาพิษไว้เป็นจำนวนมาก

หลังจากหยุนถิงทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ก็รีบให้ซูหลินแจกจ่ายให้กับทุกคนในทันที เมื่อเหล่าองครักษ์เงามังกรต่างก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก และรีบพกติดตัวไว้ในทันที

เมื่อเห็นเสื้อคลุมสีขาวที่โดดเดี่ยวของซื่อจื่อ หยุนถิงก็อาลัยอาวรณ์ยิ่งนัก “ซื่อจื่อ ท่านต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะ!”

“ไว้ใจเถอะ ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน ข้ายังจะต้องอยู่เคียงเจ้าและลูกของพวกข้า” จวินหย่วนโยวพูดและจูบหน้าผากของหยุนถิง

“อืม ข้ารอท่าน”

……………

ทางนี่ โม่หลาน หยุนเสี่ยวลิ่วและเสี่ยวอันจื่อทั้งสามกำลังกินและดื่มอย่างเอร็ดอร่อยในจวนของอ๋องเก้า ได้รับการต้อนรับอย่างดี มีความสุขและเพลิดเพลินยิ่งนัก

หลังทั้งสามพักผ่อนมาเป็นเวลาหลายวัน และเมื่อพวกเขาพักฟื้นตัวเรียบร้อย โม่หลานและอีกสองคนก็ดำเนินการตามแผนในทันที

วันนี้ก็เป็นวันเจรจาระหว่างหลีอ๋องและเป่ยหมิงฉี่ เป่ยหมิงฉี่ส่งคำเชิญขอเจรจาสันติภาพด้วยตนเองตัว แน่นอนว่าหลีอ๋องเองก็ต้องดีใจอยู่แล้ว หากสามารถชนะโดยไม่ต้องรบและแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่แคว้นต้าเยียน เขาเองก็เต็มใจอยู่แล้ว

โม่ฉือหานพาทหารที่เชื่อได้ของตัวเองไปที่จวนไท่จื่อตั้งแต่เช้าเลย เป่ยหมิงฉี่ต้อนรับด้วยตนเอง “หลีอ๋องมาแคว้นเป่ยลี่ของพวกข้าในครั้งนี้ลำบากแล้ว นี่คือชาหลงจิ่งที่ดีที่สุดในจวนไท่จื่อของข้า หลีอ๋องสามารถลองดื่มดู”

โม่ฉือหานเห็นเป่ยหมิงฉี่อ่อนน้อมถ่อมตนเยี่ยงนี้ ก็พอใจยิ่งนัก ยกน้ำชาขึ้นมาแล้วจิบไปสองคำ “เป็นชาที่ดีจริงๆด้วย”

“ถ้าอย่างนั้น หลีอ๋องก็ดื่มเยอะๆ”

“ไม่ต้อง ในเมื่อเป่ยหมิงไท่จื่อต้องการพูดถึงการเจรจาสันติภาพ ข้าอยากรู้ว่าจะเจรจาอย่างไร?” โม่ฉือหานถามตรงไปตรงมา

เป่ยหมิงฉี่ดูจริงจังและระมัดระวัง “การเจรจาสันติภาพเกี่ยวข้องถึงผลประโยชน์และอำนาจของทั้งสองแคว้น โปรดหลีอ๋องเปลี่ยนไปคุยกันที่ห้องหนังสือ ขุนนางชั้นสูงคนสำคัญของแคว้นเป่ยลี่ก็ล้วนอยู่ที่ห้องหนังสือ เพราะข้ายังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ดังนั้นจำเป็นที่ต้องให้พวกเขาอยู่เป็นพยาน!”

“อืม” โม่ฉือหานก็ไม่ได้คิดมาก

ตอนนี้กองทัพใหญ่ของเขาอยู่ข้างนอก และยังมีทหารที่เชื่อได้หลายสิบคน แคว้นเป่ยลี่มีศึกภายนอกและศึกภายใน ตนเองยังคุ้มครองได้ยาก ดังนั้นโม่ฉือหานจึงไม่ได้คิดมาก เป่ยหมิงฉี่เองก็คงไม่กล้ามีกลอุบายใดๆ

ดังนั้นโม่ฉือหานจึงเดินตามเป่ยหมิงฉี่ออกไป และเห็นขุนนางชั้นสูงสองคนทำความเคารพเป่ยหมิงฉี่ และตามพวกเขาไป

ส่วน ของหลีอ๋องกำลังจะตามไป แต่ถูกองครักษ์ของจวนไท่จื่อห้ามเอาไว้ “ห้องหนังสือของไท่จื่อเป็นสถานที่สำคัญ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้าใกล้”

“ท่านอ๋อง!” เหล่าทหารที่เชื่อได้รีบมองไปที่หลีอ๋อง

“พวกเจ้าอยู่ที่นี่เถอะ” โม่ฉือหานสั่งและจากไป

“ขอรับ!”

ในห้องหนังสือ

มีขุนนางชุ้นสูงห้า หกคนรออยู่ที่นั่นแล้วจริงๆด้วย เป่ยหมิงฉี่พาโม่ฉือหานเข้าไป เหล่าขุนนางก็ทำความเคารพ

“พวกคนไม่ต้องมากพิธี วันนี้ข้าเรียกทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องการเจรจาสันติภาพกับแคว้นต้าเยียน ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นของตัวเองได้ ข้าและหลีอ๋องล้วนอยู่ตรงนี้ เช่นนี้ก็ตัดสินง่ายหน่อย!” เป่ยหมิงฉี่กล่าว

“พ่ะย่ะค่ะ”

ดังนั้นเหล่าขุนนางต่างก็เริ่มขึ้นมา บ้างก็ยกดินแดนให้ บ้างก็จ่ายค่าชดเชย บ้างก็ส่งเครื่องบรรณาการ บ้างก็เซ็นพันธสัญญา————

กล่าวโดยสรุปก็คือมีทุกอย่าง ทุกคนต่างก็มีความคิดและความคิดเห็นเป็นของตนเอง แถมยังทะเลาะเบาะแว้งกันเพราะความคิดเห็นที่ต่างกัน

โม่ฉือหานฟังจนหมดความอดทน “เป่ยหมิงไท่จื่อโปรดตัดสินใจโดยเร็ว เวลาของข้ามีค่ามากนัก หากไม่สามารถให้เงื่อนไขการเจรจาสันติภาพที่น่าพอใจแก่ข้า ทหารเหล่านั้นของข้าคงจะไม่ยอมยุติกรณีพิพาทลงด้วยดีอย่าง——————”

คำว่า “แน่นอน” ยังไม่ทันได้พูดออกมาโม่ฉือหานก็เพียงรู้สึกว่าตรงหน้ามืดลง ร่างกายอ่อนแรง คนทั้งคนไม่สามารถยืนตัวตรงได้

“เป่ยหมิงฉี่ไอ้บ้าเอ๊ย เจ้าทำอะไรกับข้า?” โม่ฉือหานจ้องมองด้วยความโกรธ ไอ้สารเลวคนนี้กล้าใช้กลอุบาย

เป่ยหมิงฉี่ไม่ได้อ่อนน้อมถ่อมตนและสรรเสริญเยินยอเหมือนก่อนหน้านี้ แต่กลับทำหน้าดูถูกเหยียดหยามและไม่แยแส “โม่ฉือหานเจ้าอวดดีเกินไปแล้ว ข้าสรรเสริญเยินยอเจ้าเพียงไม่กี่คำ ก็คิดว่าตัวเองเป็นใคร ยังกล้ามาโจรตีแคว้นเป่ยลี่ของข้า คิดว่าข้ารังแกได้ง่ายจริงหรือ ในเมื่อเจ้ามาส่งถึงที่เองก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

ในใจของโม่ฉือหานมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น “เจ้าจะทำอะไรกันแน่?”

“เรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนหลีอ๋องมาหนักใจแล้ว เจ้ารอดูละครก็พอ” เป่ยหมิงฉี่หัวเราะเยาะ

โม่ฉือหานยังจะพูดอะไรอีก แต่ก็ไม่สามารถต้านทานความรู้สึกที่ไร้เรี่ยวแรงนั้นได้อีกต่อไป และล้มลงกับพื้นและสลบไปเลย

เหล่าขุนนางต่างก็ได้รับการแจ้งจากเป่ยหมิงฉี่มาก่อนแล้ว ดังนั้นพวกเขาเองก็จึงไม่รู้สึกแปลกใจกับฉากนี้

“ไท่จื่อทรงมีปรีชา มีหลีอ๋องพวกข้าก็มีเงื่อนไขที่จะเอามาเจรจากับแคว้นต้าเยียนแล้ว!” ขุนนางทั้งหลายสรรเสริญเยินยอด้วยความประจบ

“ทหาร นำตัวโม่ฉือหานลงไปแล้วต้อนรับอย่างดี!” ดวงตาของเป่ยหมิงฉี่ฉายความโหดเหี้ยม

“ขอรับ!” องครักษ์สองคนเข้ามาแล้วยกโม่ฉือหานลงไป

ส่วนทางนี่ ทหารที่เชื่อได้ที่โม่ฉือหานพามานั้นยังคงรออยู่ที่เดิม โม่หลาน หยุนเสี่ยวลิ่วและเสี่ยวอันจื่อวิ่งไปอย่างเร่งรีบ

เมื่อทุกคนเห็นโม่หลานและอีกสองคนมา ต่างก็มีดีใจและตื่นเต้นมาก “คุณหนูโม่ พวกเจ้าไม่เป็นไรดีเยี่ยงนัก พวกข้ายังห่วงพวกเจ้า กลัวเป่ยหมิงไท่จื่อจะปฏิบัติกับไม่ดีกับพวกเจ้า”

“เสี่ยวลิ่ว ข้าเป็นห่วงว่าเจ้าจะกินไม่อิ่ม นอนไม่อิ่ม ก่อนหน้านี้พวกข้ายังปรึกษากันว่าจะไปช่วยพวกเจ้าด้วยตนเอง หลีอ๋องไม่ให้พวกข้าออกจากกองทัพโดยไม่ได้รับอนุญาต”

“เห็นพวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่ดียิ่งนัก เป่ยหมิงไท่จื่อได้ทำให้พวกเจ้าลำบากใจหรือไม่?”