บทที่ 512 ภรรยาของข้ารักข้ามากที่สุด
บทที่ 512 ภรรยาของข้ารักข้ามากที่สุด
ซูอันตกใจ
ปกติแล้ว ฉู่ชูเหยียนมักจะสงบและเยือกเย็นอยู่เสมอ นางแทบไม่เคยแสดงอารมณ์ออกมาเลย
นอกเหนือจากครั้งที่ชิวฮัวเล่ยมาที่นี่ก่อนหน้านี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางให้คะแนนความโกรธแค้นมากมายแก่เขา
ซูอันรู้สึกสับสน “เจ้าไม่ได้เป็นคนลงมือทำคนเดียวไม่ใช่เหรอ ทำไมเจ้าถึงโกรธข้า? เห็น ๆ กันอยู่ว่าต้องเป็นความผิดพลาดของฮวนเจาแน่ ๆ!”
“แน่นอน ข้า…” ฉู่ชูเหยียนเริ่มตอบตามสัญชาตญาณ แต่นางก็เปลี่ยนสิ่งที่นางกำลังจะพูดอย่างรวดเร็ว “แน่นอน ข้ารู้ดีว่าฮวนเจาพยายามอย่างมากในการเตรียมสิ่งนี้ให้กับเจ้า ดังนั้นเจ้าควรจะขอบคุณแม้ว่ามันจะไม่ได้รสชาติดี เจ้าไม่สามารถพูดสิ่งที่หยาบคายเช่นนี้ให้ข้า… แค่ก ๆ ให้น้องสาวของข้าเสียน้ำใจแบบนี้”
“ข้าทำให้นางเสียน้ำใจ? ข้าก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง! อย่าเรียกของพวกนี้ว่าอาหารเลย!” ซูอันรู้สึกไม่เป็นธรรม “นอกจากนี้ ฮวนเจาและข้าสนิทกัน นางคงไม่คิดอะไรมากหรอกหากข้าวิจารณ์นางตรง ๆ”
“เจ้าจะพูดแบบนี้ไม่ได้ไม่ว่าเจ้าจะสนิทกับใครมากแค่ไหน! ถ้ามีคนทำอาหารให้เจ้าด้วยความตั้งใจขนาดนี้ แล้วเจ้าตำหนิอย่างหยาบคายแบบเมื่อครู่ เจ้าคิดว่าคนทำให้จะรู้สึกยังไง?” ฉู่ชูเหยียนกล่าวอย่างโกรธเคือง
—
ท่านยั่วยุฉู่ชูเหยียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 33…33…33…
—
ซูอันเพิ่งฉุกคิดได้เมื่อเขาเห็นว่านางยังคงโกรธอยู่ตลอด บางทีอาหารทั้งหมดนี้อาจจะเป็นผลงานของภรรยาข้าก็ได้…
“อืม เจ้าพูดถูกจริง ๆ อาหารเหล่านี้มาจากความตั้งใจที่ดี ข้าควรจะกินมันด้วยความขอบคุณ”
หลังจากพูดจบ เขาเริ่มตักอาหารเข้าปากเหมือนคนตะกละ
ฉู่ชูเหยียนเริ่มสับสนเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ ซูอันก็ตักอาหารกินอย่างรวดเร็วราวกับว่าพวกมันอร่อยมาก นี่ข้ามีพรสวรรค์ในการทำอาหารจริงเหรอ?
ว่าแต่ทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงวิจารณ์พวกมันแย่ ๆ ขนาดนั้น?
ด้วยความสับสน นางจึงหยิบตะเกียบแล้วลองคีบหนึ่งในอาหารมาลองชิมดู
ใบหน้าของนางกระตุกทันทีที่อาหารตกถึงลิ้น แก้มขาวของนางกลายเป็นสีแดงระเรื่อ “ม…มันค่อนข้างไม่อร่อย อย่ากินอีกเลย ข้าให้คนครัวเตรียมอาหารให้เจ้าแทนจะดีกว่า…”
ซูอันหัวเราะ “ตัวอาหารเองนั้นไม่ได้มีรสชาติที่ดีนัก แต่ด้วยความรักของภรรยาของข้า มันจึงกลายเป็นอาหารรสเลิศอย่างแท้จริง!”
“เจ้าหมายความว่ายังไง ด้วยความรัก…?” ฉู่ชูเหยียนรู้สึกหงุดหงิด แต่นางก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเขากำลังพูดถึงอะไร “เจ้ารู้…ว่าข้าเองที่…”
ซูอันดึงนางเข้ามากอด “ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น ไม่มีทางที่ข้าจะไม่สังเกตว่าจริง ๆ แล้วภรรยาของข้าเป็นคนทำ”
ฉู่ชูเหยียนรู้สึกตกใจ เมื่อจู่ ๆ นางก็ถูกดึงเข้าไปกอด เนื่องจากธรรมชาติของนางไม่คุ้นเคยกับการใกล้ชิดกับใครเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งของซูอันที่เพิ่มขึ้น แม้ว่านางพยายามดิ้นออกจากวงแขนของเขาหลายครั้ง แต่ก็ทำไม่ได้ และนางก็ไม่กล้าออกแรงมากกว่าเดิม เพราะกังวลว่าจะพลั้งมือทำให้เขาเจ็บตัว นางจึงยอมแพ้และปล่อยให้เขากอดไว้
ตอนนี้ไม่มีคนอื่นเห็นสักหน่อย…
แต่ในขณะเดียวกันนี้เอง เฉิงโซวผิงตะโกนจากด้านนอก “นายน้อย นายน้อย!”
ฉู่ชูเหยียนกระโดดพรวดเหมือนกระต่ายตกใจ นางกระโจนออกจากอ้อมกอดและจัดทรงผมของนาง “กินให้อร่อย วันนี้ข้าขอตัวกลับก่อนแล้ว!”
จากนั้นนางจึงวิ่งหนีไป
“ห๊ะ? คุณหนูใหญ่…” เฉิงโซวผิงยืนอยู่ตรงทางเข้า เขากำลังจะแสดงความเคารพต่อนาง แต่เจ้านายสาวของเขากลับวิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมา
เฉิงโซวผิงเกาศีรษะและมองไปที่ซูอันด้วยความสับสน “นายน้อย เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูใหญ่? ท่านทำอะไรให้คุณหนูใหญ่ไม่พอใจงั้นเหรอ?”
ซูอันกัดฟันกรอด จ้องไปที่ไอ้ตัวแสบอย่างหงุดหงิด “ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าทำไมเจ้าถึงถูกส่งไปทำงานในครัว!”
เฉิงโซวผิงรู้สึกเย็นยะเยือกที่กระดูกสันหลังของเขา นี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะสร้างปัญหาให้กับนายน้อย “ง…งั้นเดี๋ยวข้าขอตัวไปหาคนซ่อมประตูก่อนก็แล้วกันนายน้อย!”
หลังจากพูดจบ เขาก็หนีไปเช่นกัน
ซูอันพูดไม่ออก ไอ้เด็กคนนี้สามารถอยู่รอดได้นานขนาดนี้ได้ยังไง?
หลังจากกินอาหารเสร็จ ซูอันก็มุ่งหน้าไปยังที่พักของฉู่ชูเหยียน
ตระกูลฉู่ไม่ได้เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยรอบ ๆ ที่พักอาศัยของนางอีกต่อไป เนื่องจากอาการของฉู่ชูเหยียนดีขึ้นมากแล้ว มันง่ายกว่าเดิมมากสำหรับเขาที่จะหาทางเข้าไป
“นั่นใคร?”
เสียงเล็กน้อยของการเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้หนีจากการตรวจจับของ ฉู่ชูเหยียน แต่เพียงพริบตาเดียวนางก็ปรากฏตัวหลังบานหน้าต่างที่เขากำลังจะกระโจนเข้ามาโดยถือกระบี่อยู่ในมือ
เมื่อนางเห็นว่าเป็นซูอัน การแสดงออกที่เย็นชาก็หายไปจากใบหน้าของนางทันที พร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดง “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ซูอันกระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง “ข้ามาสานต่อคำพูดเมื่อครู่ที่ข้ายังพูดไม่จบ”
ฉู่ชูเหยียนวางกระบี่ลง “แต่เมื่อครู่มันเหมือนเจ้าพูดจบประโยคแล้วนะ?”
“ข้าไม่มีวันหมดเรื่องคุยกับเจ้า” ซูอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉู่ชูเหยียนเม้มริมฝีปากของนาง “คุยกันพรุ่งนี้ละกัน วันนี้มืดมากแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเรามาพูดถึงเรื่องที่สำคัญกว่ากัน ข้ามาเพื่อล้างความเย็นที่เหลืออยู่ในร่างกายของเจ้า” ซูอันกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนกำลังพูดถึงเรื่องคอขาดบาดตาย
แก้มของฉู่ชูเหยียนแดงระเรื่อ “ข้าสบายดีแล้ว ข้าไม่ต้องการขจัดความเย็นอีกแล้ว”
ซูอันส่ายหัว “แน่นอนว่าถ้ามองแค่ผิวเผินเจ้าดูดีขึ้นมาก! แต่แท้จริงแล้วยังมีน้ำแข็งหลงเหลืออยู่ในร่างกายของเจ้า หากมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น อีกเจ้าอาจมีปัญหาอีกรอบได้ เจ้าไม่ต้องการที่จะประสบกับความทุกข์ทรมานอีกครั้งใช่ไหม?”
ฉู่ชูเหยียนรู้สึกไม่แน่ใจในคำพูดเหล่านี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะรู้สึกแข็งแรงราวกับเป็นคนเดิมก่อนที่จะมีอาการป่วยเกิดขึ้น แต่นางก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่า ถ้าหากนางหักโหมต่อสู้อย่างรุนแรงอีกรอบ อาการของนางจะปะทุขึ้นมาอีกหรือเปล่า?
เมื่อรู้สึกถึงความกลัวเล็กน้อยของนาง ซูอันยิ้มและฉวยโอกาสอุ้มนางตรงไปยังเตียงนอน
ร่างกายของฉู่ชูเหยียนแข็งทื่อ หัวใจของนางเริ่มเต้นแรง นางรู้สึกว่านางควรจะปฏิเสธเขา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถรวบรวมกำลังได้แม้เพียงเล็กน้อย
ขณะที่จิตใจของนางกำลังวุ่นวาย ร่างกายของนางก็สั่นสะท้านในทันใด ไม่นานริมฝีปากที่สวยงามของนางก็เปิดขึ้นอีกครั้ง
อา…
ฉู่ชูเหยียนมองเขาด้วยความหงุดหงิด ผู้ชายคนนี้เริ่มเอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ…
ซูอันจูบที่ติ่งหูของนางและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูสิ ร่างกายของเจ้าพร้อมแล้ว”
หูของนางเป็นส่วนที่บอบบางมากในร่างกาย นางรู้สึกว่าลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาลูบไล้หูของนางเบา ๆ นางโอบกอดชายที่อยู่บนตัวนางโดยไม่รู้ตัว “เจ้านี่มันคนพาลจริง ๆ…”
ซูอันชอบที่จะเห็นใบหน้าสวยงามที่ปกติมักจะเยือกเย็นนี้กลายเป็นสีแดงจากการล้อเล่นของเขา และเขาชื่นชอบท่าทางที่เขินอายของนางมากที่สุด ความรู้สึกยินดีที่ได้พิชิตใจนางนั้นมากมายเกินกว่าจะพูดออกมาได้
…
หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่ชูเหยียนก็พูดเบา ๆ ว่า “ทำไมข้ารู้สึกเหมือนเจ้าหลอกข้า?”
ซูอันหัวเราะคิกคัก “แล้วเจ้าไม่ชอบเหรอ?”
ฉู่ชูเหยียนซุกใบหน้าที่หน้าอกของเขา รู้สึกอายเกินกว่าจะตอบ
…
ซูอันมองออกไปข้างนอก ท้องฟ้ามืดลงแล้ว “ดึกแล้ว ข้าควรกลับได้แล้ว”
ขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้น แขนอันเรียบเนียนของฉู่ชูเหยียนดึงเขากลับมา
เมื่อเห็นสายตาที่ค่อนข้างสับสนของซูอัน ฉู่ชูเหยียนก็พูดตะกุกตะกัก “อันที่จริง…คืนนี้…เจ้าไม่จำเป็นต้องกลับไปห้องของเจ้าหรอก…”
“ห๊ะ?” ซูอันรู้สึกประหลาดใจและดีใจจนเนื้อเต้น
ฉู่ชูเหยียนรู้สึกอับอายทันที นางรีบดึงผ้าห่มมาคลุมศีรษะของนางอย่างรวดเร็วและพูดด้วยเสียงอู้อี้เบา ๆ ว่า “อย่าคิดมากไปไกล ก็ประตูของเจ้าพังไปแล้ว…เอาไว้เจ้าค่อยกลับไปนอนที่นั่นเมื่อประตูซ่อมแซมเสร็จก็แล้วกัน”
ซูอันหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข แล้วเขาก็รีบสอดตัวกลับเข้าไปใต้ผ้าห่มก่อนที่จะโอบกอดร่างกายที่อ่อนนุ่มของนาง “ไม่ว่ายังไงภรรยาของข้าก็รักข้ามากที่สุด!”
เสียงของฉู่ชูเหยียนเข้มขึ้นเล็กน้อย “มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเจ้ากับผู้หญิงของคนอื่นหรือเปล่า?”
“ไม่มีทาง ไม่มีทาง!” ซูอันรีบอธิบาย “ข้าก็แค่พูดไปเรื่อยเท่านั้นเอง!”
ว่ากันว่าคำพูดของผู้ชายนั้นเชื่อไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้วคำพูดของผู้หญิงก็เชื่อไม่ได้เช่นกัน!
ก่อนหน้านี้ ฉู่ชูเหยียนตกลงกับเขาอย่างชัดเจนว่านางจะไม่ใส่ใจหากเขาจะมองหาผู้หญิงคนอื่น แต่แล้วทำไมตอนนี้นางกลับดูเต็มไปด้วยความหึงหวง?
“จริง ๆ นะ?” ฉู่ชูเหยียนถามซ้ำอย่างไม่เชื่อถือ
ซูอันกังวลว่าเขาจะยิ่งทำให้เรื่องแย่ลงไปอีก เขาไม่ได้พูดอะไร แต่พลิกตัวขึ้นไปทาบทับร่างกายนาง
“อีกครั้งเหรอ?” ฉู่ชูเหยียนหน้าแดง น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความตกใจ แต่ก็แฝงไปด้วยความตื่นเต้น
…
เช้าวันรุ่งขึ้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น “ชูเหยียน เปิดประตูหน่อย แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”