ตอนที่ 464 ไม่ว่าง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 464 ไม่ว่าง

ฮ่องเต้พยักหน้า ตระกูลของราชครูถานล้วนเป็นบัณฑิต เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมาก หลานสาวของราชครูของจักรพรรดิแต่งงานกับโอรสของจักรพรรดิถือว่าคู่ควรกันมาก

“เจ้าบอกเจตนาของเราให้เหลียงอ๋องรับรู้ด้วย…” ฮ่องเต้ตระหนักได้ว่าโอรสของเขากำลังปรุงยาวิเศษให้เขาอยู่ เขาต้องถามความเห็นของเจ้าตัวด้วย ฮ่องเต้หรี่ตาแคบมองไปทางเกาเต๋อเม่า

“เจ้าช่วยเกลี้ยกล่อมเหลียงอ๋องด้วย ตระกูลต่งให้ความสำคัญกับชื่อเสียง หากเหลียงอ๋องฝืนแต่งงานกับคุณหนูต่ง ใต้เท้าต่งคงไม่ปล่อยให้บุตรสาวที่ทำให้ตระกูลต่งต้องเสื่อมเสียมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่! เจ้าลอบสังเกตปฏิกิริยาของเหลียงอ๋องแล้วกลับมารายงานให้เราฟังอย่างละเอียด!”

เกาเต๋อเม่าตะลึง ฮ่องเต้เริ่มหวาดระแวงในตัวเหลียงอ๋องแล้วอย่างนั้นหรือ เขารีบรับคำทันที

มองเกาเต๋อเม่าเดินจากไป ฮ่องเต้เอนกายพิงบัลลังก์มังกรอีกครั้ง จากนั้นเอื้อมมือไปลูบศีรษะมังกรซึ่งอยู่ตรงที่พิงแขน

ความหวาดระแวงในตัวเหลียงอ๋องของฮ่องเต้ไม่เคยจางหายไป ตอนที่ใส่ร้ายไป๋เวยถิง เหลียงอ๋องกล่าวว่าทำไปเพื่อช่วยซิ่นอ๋อง การตายของฉินเต๋อเจาทำให้ไม่มีหลักฐานมัดตัวเหลียงอ๋องเรื่องคดีเสบียงที่หนานเจียง ฮ่องเต้จึงกักตัวเขาให้อยู่แต่ในจวน หลักจากนั้นเหลียงอ๋องอยู่ในโอวาทมาโดยตลอด อีกทั้งรัชทายาทขอร้องให้เหลียงไปจัดการปัญหาที่เยี่ยนว่อเพื่อชดเชยความผิด ฮ่องเต้คิดว่าอย่างไรเสียก็คือบุตรของเขาจึงอนุญาต

ต่อมา เหลียงอ๋องแก้ไขปัญหาที่เยี่ยนว่อไม่สำเร็จ ทว่า กลับพานักปรุงยาวิเศษจากเยี่ยนว่อมาให้เขา กล่าวว่าเขามัวแต่ตามหานักปรุงยาจนแก้ไขปัญหาเยี่ยนว่อไม่สำเร็จ ฮ่องเต้ซาบซึ้งใจในความกตัญญูของเหลียงอ๋อง

ฮ่องเต้ปล่อยให้เหลียงอ๋องเกิดความคิดที่จะแย่งชิงราชบัลลังก์ได้ ปล่อยให้โอรสตรียมการเพื่อสิ่งนั้นได้ ทว่า เขาไม่มีทางปล่อยให้เหลียงอ๋องสนิทสนมกับขุนนางที่มีอำนาจทางทหารอยู่ในมือเด็ดขาด

ฮ่องเต้ยังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์ตอนที่องค์ชายรองก่อกบฏในปีนั้นอยู่ เขาไม่มีทางยอมให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด

ฮ่องเต้หรี่ตาแคบ หากเหลียงอ๋องจริงใจต่อคุณหนูต่งจริงๆ เขาคงไม่ปล่อยให้นางเป็นอันใดไปแน่ๆ

ทว่า หากเขาทำได้ทุกวิถีทางเพียงเพื่ออำนาจทางทหารในมือของต่งชิงเยว่ ก็อย่าหาว่าบิดาอย่างเขาใจร้ายก็แล้วกัน

เมื่อไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากจวนต่ง ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว

ไป๋จิ่นจื้อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจึงรีบถลาเข้าไปหาทันที

“พี่หญิงใหญ่ องค์รัชทายาทเสด็จเข้าไปในวังแล้วเจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ฟางเหล่ากำชับองค์ชายว่าห้ามปล่อยให้เหลียงอ๋องแต่งงานกับพี่ถิงเจินได้เด็ดขาด พี่ถิงเจินเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ”

“ไม่ต้องห่วง ถิงเจินมิเป็นอันใดหรอก” ไป๋ชิงเหยียนลูบศีรษะของไป๋จิ่นจื้อเบาๆ จากนั้นเดินกลับไปยังจวนไป๋ซึ่งเปลี่ยนป้ายจวนเป็นจวนองค์หญิงจวิ้นจู่แทนแล้ว

ต่งถิงเจินหลงรักเหลียงอ๋องหัวปักหัวปำ ต่อให้นางจะรู้สึกสงสัยในคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนอยู่บ้าง ทว่า ท่านลุงชิงผิงกล่าวถึงขนาดนั้นแล้วนางก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจ แสดงว่าลึกๆ แล้วนางยังแอบตั้งความหวังอยู่

ในสายตาของต่งถิงเจิน ทุกคนในตระกูลต่งรวมกันยังไม่สำคัญเท่าเหลียงอ๋องเพียงคนเดียว เห็นได้ชัดว่าเหลียงอ๋องเล่นกับใจคนได้ดีเพียงใด

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่โทษต่งถิงเจิน ชาติที่แล้วนางก็หลงกลเหลียงอ๋องเช่นนี้เหมือนกัน

หญิงสาวคิดว่าเหลียงอ๋องเป็นคนอ่อนแอไร้ความสามารถ ทว่า กลับยินดีแย่งชิงบัลลังก์นั่นเพื่อคืนความเป็นธรรมให้ตระกูลไป๋ ให้ท่านปู่ของนาง

แสงจันทร์บนท้องฟ้าสาดส่องไปยังไป๋ชิงเหยียนที่เดินจูงม้ากลับจวน ยิ่งทำให้หญิงสาวดูเยือกเย็นมากขึ้น

เมื่อเลี้ยวออกจากซอยอันคังที่เงียบเหงาแทบไม่มีผู้คน อีกทั้งเป็นซอยที่พักของบรรดาตระกูลสูงศักดิ์ ไป๋ชิงเหยียนมองเห็นเซียวหรงเหยี่ยนเครื่องแต่งกายหรูหราสีขาวเรียบ บริเวณเอวพันด้วยผ้าไหมหยกยืนอยู่กลางถนนท่ามกลางแสงไฟ

ร่างของชายหนุ่มสูงโปร่ง ท่าทีสุขุมและดูสูงศักดิ์ราวกับหงส์ที่สง่างามโดดเด่นแม้จะอยู่ท่ามกลางฝูงกา

ไป๋จิ่นจื้อเหลือบมองไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ ก้าวเข้าไปรับเชือกม้ามาจากไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวทักทายเซียวหรงเหยี่ยน

“เซียวเซียนเซิง บังเอิญจังนะเจ้าคะ!”

ดวงตาล้ำลึกของเซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยรอยยิ้ม โค้งกายทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อ

ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพกลับ เมื่อหยัดกายขึ้นก็เห็นเซียวหรงเหยี่ยนเดินตรงมาทางนาง ด้านหลังมีเพียงเยว่สือและองครักษ์อีกสองคนเท่านั้น

“ยังไม่ทันได้ยินดีกับคุณหนูใหญ่ไป๋ที่ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นองค์หญิง คุณหนูสี่ที่ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นจวิ้นจู่เลยขอรับ!” ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนเต็มไปด้วยรอยยิ้มบางๆ

“ทราบมาว่าพรุ่งนี้คุณหนูใหญ่ไป๋และคุณหนูสี่ไป๋จะเดินทางกลับซั่วหยางแล้ว เหยียนจึงเตรียมนำของไปแสดงความยินดีที่จวน นึกไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญเจอกับคุณหนูใหญ่และคุณหนูสี่ที่นี่ขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนกำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น เยว่สือที่ถือกล่องของขวัญอยู่กล่าวขึ้น ไป๋จิ่นจื้อรีบส่งสัญญาณให้เยว่สือนำของมาให้นางแทน

เยว่สือเข้าใจในทันที รีบวิ่งนำกล่องของขวัญอ้อมมายืนอยู่ด้านหลังไป๋จิ่นจื้อ ไม่ขวางการสนทนาระหว่างเซียวหรงเหยี่ยนและไป๋ชิงเหยียน

“เหยี่ยนส่งคุณหนูใหญ่และคุณหนูสี่กลับจวนนะขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนผายมือให้ไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “รบกวนเซียวเซียนเซิงด้วยเจ้าค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนเดินเคียงข้างไปกับเซียวหรงเหยี่ยน เมื่อเห็นรถม้ามากมายจอดอยู่ด้านหน้าหอเยี่ยนเชวี่ยจึงนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้หอเยี่ยนเชวี่ยมีงานชุมนุมบทกวี จึงสร้างบทสนทนาขึ้น

“ได้ยินว่าวันนี้หอเยี่ยนเชวี่ยจัดงานชุมนุมบทกวีขึ้น คุณชายสูงศักดิ์ในเมืองหลวงต่างไปร่วมงาน เซียวเซียนเซิงมีความสามารถโดดเด่นถึงเพียงนี้ เหตุใดไม่ไปร่วมงานเจ้าคะ”

“ข้าร่วมงานชุมนุมบทกวีเหล่านี้ก็เพื่ออยากสร้างชื่อเสียงเท่านั้น ก่อนหน้านี้ได้รับความช่วยเหลือจากคุณหนูใหญ่ ชื่อเสียงของข้าเป็นที่รู้จักไปทั่วทุกแคว้น ไม่จำเป็นต้องไปร่วมงานเช่นนี้อีกแล้วขอรับ”

เซียวหรงเหยี่ยนมองหน้าไป๋ชิงเหยียน

“ที่สำคัญ เหยี่ยนต้องนำของไปแสดงความยินดีกับคุณหนูใหญ่และคุณหนูสี่จึงไม่ว่างขอรับ”

งานชุมนุมบทกวียังไม่เริ่ม คุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ใช้พัดกลมปิดบังใบหน้า เอนกายพิงเสาริมหน้าต่างมองดูบรรยากาศบนถนนยามค่ำคืน ทว่า ผู้ใดในเมืองหลวงไม่เคยเห็นบรรยากาศเช่นนี้บ้าง

บรรดาคุณหนูทั้งหลายลอบมองไปยังด้านล่างของหอเยี่ยนเชวี่ย อยากสำรวจว่าเฉินเจาลู่ หลู่หยวนชิ่งและต่งฉางหยวนมาแล้วหรือไม่

เพราะหากไม่มีการทุจริตในการสอบขุนนางในปีนี้ ทั้งสามคนนี้คือจอหงวน ปั๋งเหยี่ยนและทั่นฮวา!

“อุ้ย นั่นเซียวเซียนเซิงไม่ใช่หรือ!” สตรีตาดีนางหนึ่งมองเห็นเซียวหรงเหยี่ยน

“ข้างกายของเซียวเซียนเซิงคือ…เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่!”

คุณหนูสามตระกูลเจินได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนอยู่ ดวงตาของนางเป็นประกายทันที นางรีบถลกชายกระโปรงเตรียมวิ่งลงไปด้านล่าง เห็นไป๋ชิงเหยียนเดินคู่มากับเซียวหรงเหยี่ยนอย่างองอาจสง่างามจริงๆ บุรุษหล่อเหลา สตรีงดงาม น่าเพลินตายิ่งนัก

“ต้องนางว่าเรียกองค์หญิงจวิ้นจู่แล้ว!” สตรีอีกนางหนึ่งใช้พัดกลมบังหน้าพลางมองไปทางด้านล่าง

“บุคคลโดดเด่นเช่นเซียวเซียนเซิงน่าเสียดายที่เป็นเพียงพ่อค้า! องค์หญิงเจิ้นกั๋วก็เหมือนกัน เป็นถึงองค์หญิงแล้ว ควรสำรวมกิริยาของตัวเองเสียหน่อย ยังไม่ได้หมั้นหมายแต่กลับมาเดินเล่นด้วยกันเช่นนี้…”

“เรื่องเล็กน้อย! นางเคยร่วมสู้รบกับบุรุษ กินนอนอยู่ในค่ายทหารเดียวกันกับบุรุษมากมายแล้ว! ไม่รู้ว่าเคยใกล้ชิดสัมผัสกับบุรุษสักกี่คน นางจะกลัวเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้หรือ!”

สตรีอีกนางหนึ่งกล่าวแดกดัน

“คงมีแต่เซียวเซียนเซิงที่เป็นเพียงพ่อค้านี่แหล่ะ หากเปลี่ยนเป็นบุรุษคนอื่น ต่อให้ได้แต่งเข้าตระกูลไป๋ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าแต่งกับคนอย่างองค์หญิงเจิ้นกั๋วหรอก!”