บทที่ 514 ไม่สามารถล้างบาปนี้ได้

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 514 ไม่สามารถล้างบาปนี้ได้

บทที่ 514 ไม่สามารถล้างบาปนี้ได้

ซางหลิวอวี้รีบเอาขาลงจากโต๊ะทันทีและจัดเสื้อผ้าของตัวเอง ใบหน้าของนางซึ่งปกติจะมีท่าทางสงบและไร้กังวล แต่ตอนนี้กลับแดงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ทั้งหมดเป็นความผิดของเจียงลั่วฝู! ทำไมนางต้องเรียกหาข้าโดยไม่มีเหตุผลเพื่อลองถุงน่องเช่นนี้!?

เมื่อสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ของนาง เจียงลั่วฝูก็หันกลับมาและจ้องซูอัน “เจ้าไม่รู้จักวิธีเคาะประตูเหรอ?”

เห็นได้ชัดว่านางไม่สะทกสะท้านกับการมาเยือนอย่างกะทันหันของซูอัน ขาอันงดงามของนางยังคงพาดอยู่บนโต๊ะ นางไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย

ซูอันแกล้งไร้เดียงสา “ข้าเคาะแล้ว แต่ไม่มีใครตอบ! ข้าเดินเข้ามาเพราะเห็นว่าประตูปิดไม่สนิท”

เจียงลั่วฝูพ่นลมหายใจ “ไอ้หนู อย่าได้เที่ยวเดินเข้าไปในที่ที่ไม่ควรบ่อย ๆ ไม่เช่นนั้นสักวันเจ้าจะตายโดยไม่รู้ตัว!”

ซูอันพูดไม่ออก เจ้าสองคนทำอะไรที่น่าอายขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ? เจ้าทำเสียงจริงจังอย่างนี้เพื่ออะไร?

“เอาล่ะ พูดมา ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เจ้าไปไหนมาบ้าง? ซางหลิวอวี้ รายงานว่า เจ้าบอกกับนางว่าเจ้าจะรีบกลับมา แต่หลังจากนั้นเจ้าก็หายตัวไปโดยไม่ส่งข่าวมาแม้แต่น้อย! นางกังวลมากจนตรงไปที่ตระกูลฉู่เพื่อบอกข่าวพวกเขา” เจียงลั่วฝูยิ้มให้เขาอย่างคลุมเครือ

ซูอันตกตะลึง เขาหันไปมองซางหลิวอวี้โดยไม่รู้ตัว

ใบหน้าของซางหลิวอวี้เริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย “อย่าฟังเรื่องไร้สาระจากปากนาง อันที่จริง อาจารย์ใหญ่เจียงก็ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับเจ้าเช่นกัน นางระดมผู้บ่มเพาะทั้งหมดในสถาบันจันทร์กระจ่างออกตามหาเจ้า แต่ไม่มีใครพบอะไรเลย”

เจียงลั่วฝูเล่นพู่กันในมือของนาง “ข้าจะสนใจว่าเขาจะอยู่หรือตายไปทำไมในเมื่อข้อตกลงระหว่างข้ากับเขาบรรลุผลแล้ว? ว่าแต่…มีคนมากมายที่ออกไปตามหาเจ้าแต่กลับไม่พบอะไรเลย? สรุปเจ้าไปอยู่ที่ไหนมา?”

ซูอันบอกนางทุกอย่างที่เขาเตรียมคำพูดไว้ล่วงหน้า

เมื่อนางได้ยินว่ามีมังกรอยู่ในภูเขามังกรซ่อน เจียงลั่วฝูก็ลุกขึ้นยืน หลังจากได้รับตำแหน่งของมังกรจากซูอัน นางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

กลิ่นน้ำหอมของเจียงลั่วฝูยังคงอบอวลอยู่ในอากาศ ซูอันตกตะลึง “เกิดอะไรขึ้น?”

“อาจารย์ใหญ่เจียงชื่นชอบความท้าทายมาโดยตลอด” ซางหลิวอวี้ อธิบาย “นางสนใจในสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังทุกประเภทและความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนางคือ นางไม่เคยเห็นมังกรตัวจริงมาก่อน นางจะนั่งนิ่ง ๆ ได้ยังไงเมื่อได้ยินว่ามีมังกรตัวจริงแอบซ่อนอยู่ไม่ไกล”

ซูอันพยักหน้าเข้าใจ น่าเสียดายที่เจียงลั่วฝูไม่มีทางที่จะพบมังกรตัวนั้น!

ซางหลิวอวี้มองเขาด้วยดวงตาที่งดงามของนาง “แม้ว่าเจ้าจะสามารถเล่าทุกอย่างได้อย่างสบาย ๆ แต่ข้าคิดว่าในสถานการณ์จริงที่เจ้าเผชิญ มันจะต้องเป็นการเผชิญหน้าที่อันตรายอย่างยิ่ง”

ซูอันประหลาดใจ “ทำไมเจ้าถึงคิดแบบนั้น?”

ซางหลิวอวี้หัวเราะ “ของที่ข้าให้เจ้าพังไปแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าจะโดนโจมตีอย่างรุนแรงพอที่จะสังหารเจ้าได้”

“ข้าไม่สามารถปิดบังเจ้าได้เลยจริง ๆ…” ซูอันพูดพร้อมกับถอนหายใจ “ข้าเป็นหนี้เจ้าที่ช่วยชีวิตเอาไว้ ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าจะตอบแทนยังไงดี”

“ข้าไม่เคยคาดหวังของตอบแทนจากเจ้าตั้งแต่แรก อีกอย่างเราเป็นเพื่อนกัน” คำพูดของนางให้ความรู้สึกเหมือนสายลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านทำให้ผู้ฟังรู้สึกไร้กังวลและผ่อนคลาย

“ข้าจะยอมรับได้ยังไง?” ซูอันพูดอย่างจริงจังว่า “ข้าจะไม่ตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตเช่นนี้ได้ยังไง? แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะชอบอะไรธรรมดา ๆ ข้าเดาว่าข้าสามารถให้สิ่งล้ำค่าที่สุดกับเจ้าได้เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น”

ซางหลิวอวี้กะพริบตามองเขาอย่างไม่เข้าใจ

แม้ว่านางจะไม่ต้องการให้เขาตอบแทนจริง แต่นางก็ยังสงสัยว่าของล้ำค่าของเขาคืออะไรกันแน่?

ซูอันเพิกเฉยต่อท่าทีของนางและพูดต่อ “เนื่องจากเราสนิทกันมากแล้ว ดังนั้นข้าขอถามเจ้าได้ไหมว่ามีจี้พวกนั้นอีกหรือเปล่า? ข้าอยากจะได้พวกมันอีกสักสิบอันหากเจ้าไม่ว่าอะไร…”

“เจ้าคิดว่าพวกมันปลูกได้เหมือนผักหรือไง?” ในที่สุดซางหลิวอวี้ก็ไม่สามารถทนเขาได้อีกต่อไปและหายตัวไปอย่างฉับพลัน!

ท่านยั่วยุซางหลิวอวี้สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 22!

นับวันข้ายิ่งกล้าหาญมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะเนี่ย! แต่เป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่จะเห็นซางหลิวอวี้โกรธขึ้นมาสักครั้ง

เมื่อผู้หญิงสองคนจากไป ซูอันก็เป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในสำนักงาน

เขาฉวยโอกาสนี้มองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อสำรวจห้องของอาจารย์ใหญ่สุดสวย นางสนใจอะไร? วัน ๆ นางทำอะไร?

อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ คำพูดเตือนของเจียงลั่วฝูก็ผุดขึ้นในหัวของเขา ซึ่งทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจไม่ยุ่งอะไรในสำนักงานนี้ นางดำรงตำแหน่งสูงและแน่นอนว่ามีสิ่งสำคัญมากมายที่ต้องดูแล ถ้าเขาเห็นบางอย่างที่ไม่ควรเห็น มันจะเป็นการสร้างปัญหา

แต่ขณะที่ซูอันกำลังจะจากไป ดวงตาของเขาก็หรี่ลงทันใด มีถุงน่องวางอยู่บนโซฟาที่ผู้หญิงสองคนเคยนั่งอยู่

นี่อาจเป็นถุงน่องที่พวกนางลองสวม…

ซูอันกำลังคิดหาวิธีที่จะเข้าไปในตระกูลเว่ย แน่นอนว่านี่จะเป็นสิ่งที่เว่ยสั่วทำได้เพียงฝันว่าจะได้จับต้อง!

ท้ายที่สุด แม้แต่ผู้เฒ่ามี่ก็ไม่เต็มใจที่จะแอบเข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลเว่ย ชายหนุ่มก็ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เขาเดาว่าอาจเป็นเพราะว่ามีคนบางคนในคฤหาสน์ตระกูลเว่ยที่ทำให้ผู้เฒ่ามี่รู้สึกวิตกกังวล

นี่หมายความว่าชายหนุ่มต้องล้มเลิกความคิดที่จะแอบเข้าไปด้วยตัวเอง หากแม้แต่ผู้เฒ่ามี่ยังทำไม่ได้ ซูอันก็ไม่ควรประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไป

ข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งที่เขามีตอนนี้คือความสัมพันธ์ของตัวเองกับเว่ยสั่ว ซูอันสามารถเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลเว่ยอย่างเปิดเผยหากมีโอกาสที่เหมาะสม

ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ต้องการเหตุผลที่ดีที่จะไปเยี่ยมเยียน ไม่อย่างนั้น คนอื่นจะตั้งข้อสงสัยกับเขาได้ง่าย ๆ

ซูอันจ้องไปที่ถุงน่องเป็นเวลานาน แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดนี้ เขาไม่ต้องการที่จะถูกผู้หญิงที่ทรงพลังสองคนไล่ล่าจนตายเพียงเพราะงานของผู้เฒ่ามี่

ทันใดนั้นซางหลิวอวี้ก็วิ่งกลับมา ซูอันถึงกับตกตะลึง “เอ๊ะ? เจ้ากลับมา?”

“ข้าลืมของ!” ซางหลิวอวี้รีบวิ่งผ่านเขาไป ใบหน้าของนางแดง เขาไม่เคยเห็นนางเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้มาก่อน

“ข้าเจอของแล้ว ข้าไปล่ะ อย่าลืมปิดประตูก่อนที่เจ้าจะออกไปด้วย!” ซางหลิวอวี้หายตัวไปทันทีหลังจากพูดจบ

แน่นอนว่าถุงน่องที่ซูอันจ้องมองเมื่อครู่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน…

เกือบไปแล้ว! ซูอันชื่นชมในการตัดสินใจของตัวเอง หากเมื่อครู่เขาเดินไปหยิบมัน ก็คงไม่มีทางรอดพ้นการลงทัณฑ์จากสองสาวได้!

ในเวลาเดียวกัน ความสงสัยก็ผุดขึ้นในใจของชายหนุ่ม ทำไมทุกคนในเมืองถึงบอกว่าซางหลิวอวี้มีระดับการบ่มเพาะต่ำ? ทุกคนบอกว่านางอยู่ในระดับที่สี่เท่านั้น แต่ความเร็วของนางเมื่อครู่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะระดับสี่จะทำได้อย่างแน่นอน!

จากสำนักงาน ซูอันตรงไปที่ชั้นเรียนสีเหลือง เขาไม่ได้มาเรียนหลายวันแล้ว ดังนั้นจึงคิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับเว่ยสั่วน่าจะเหินห่างกันมากขึ้นสักหน่อย

อย่างไรก็ตาม เมื่อชายหนุ่มเข้าไปในห้องเรียนและได้เห็นแววตาชื่นชมที่มาจากเว่ยสั่ว เขาก็ตระหนักรู้ได้ทันทีว่าเขาคิดมากเกินไป

ทั้งสองพูดคุยกันแบบสบาย ๆ สักพัก และความอึดอัดเล็กน้อยก็หายไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาดูสนิทสนมเหมือนเมื่อเพิ่งลงทะเบียนเรียนในสถาบันจันทร์กระจ่างด้วยกันเมื่อวาน

ทั้งสองคุยกันโดยเอาแขนโอบไหล่ของกันและกัน แต่ทันใดนั้น หวางหยวนหลงก็ปรากฏตัวขึ้น “อาซู ข้าจองที่ชั้นบนสุดของภัตตาคารจตุรทิศไว้แล้ว เพื่อเลี้ยงขอบคุณที่เจ้าช่วยชีวิตข้า และเพื่อเฉลิมฉลองการกลับมาอย่างปลอดภัยของเจ้า โปรดมาร่วมงานเพื่อเป็นเกียรติแก่ข้าด้วย!”

ซูอันแสดงสีหน้าลังเลเล็กน้อย “แต่เมื่อกี้ข้าเพิ่งรับปากไปว่าข้าจะไปหาอะไรกินกับเว่ยสั่ว…”

หวางหยวนหลงยิ้ม “ไม่มีปัญหา เจ้าสามารถพาน้องเว่ยมาด้วยได้เลย อันที่จริงทั้งแม่นางเซี่ย แม่นางชิว และคนอื่น ๆ อีกหลายคนก็รับปากว่าจะมาร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วยเพราะเจ้า ถ้าเป็นตามปกติข้าคงไม่สามารถเชิญแขกเหล่านี้มาได้ทั้งหมด ฉะนั้นด้วยโอกาสที่หาได้ยากเช่นนี้ ข้าคิดว่าน้องเว่ยคงยินดีที่จะมาร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วยแน่นอนจริงไหม?”

เว่ยสั่วตกลงทันที “แน่นอน! ข้าไม่มีทางที่จะพลาดอะไรแบบนี้แน่!”

ซูอันไม่คัดค้านเช่นกัน หวางหยวนหลงจากไปพร้อมรอยยิ้มที่พึงพอใจบนใบหน้าของเขา

เว่ยสั่วถอนหายใจด้วยความชื่นชม “ลูกพี่นี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ สามารถทำให้หวางหยวนหลงจองชั้นบนสุดของภัตตาคารจตุรทิศให้เจ้าได้!”

ซูอันประหลาดใจ “มันพิเศษมากเลยหรือไง?”

เว่ยสั่วกำลังจะอธิบายแต่กลับมีเสียงเรียกจากนอกห้องเรียนขัดขึ้นซะก่อน “อาซู…”

เมื่อหันไปเห็นสาวน้อยที่น่ารักน่าเอ็นดูอยู่ตรงประตู ซูอันก็วิ่งไปหาทันที “เสี่ยวซี!”

เขากำลังตามหานางอยู่พอดี เขาต้องการให้นางช่วยดูยาที่เขาพบข้างกองศพของเฉินเซวียน