บทที่ 477 ข้อสงสัย

บทที่ 477 ข้อสงสัย

ฉืออวี้เลี่ยงไม่เข้าใจบทสนทนาก็จริง แต่เขาเข้าใจการแสดงออกทางสีหน้าของคริสติน่า เห็นเธอผิดหวังก็เลยไม่ได้คิดอะไร เพราะยังไงก็เป็นหญิงสาวที่ถูกเลี้ยงดูจากครอบครัวที่ร่ำรวยอยู่แล้ว ถ้าอยากกินอะไรแล้วไม่ได้กินก็ต้องผิดหวังเป็นธรรมดา

แล้วทำไมจู่ ๆ กลับฟื้นสติขึ้นมาได้ราวกับจะได้กินสำรับอาหารแมนจูกับฮั่นเลย เกิดอะไรขึ้น?

หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมาจากอก เสี่ยวเถียนคิดจะพาคริสติน่าไปกินจริง ๆ หรือ? ฉืออวี้เลี่ยงแทบหลั่งน้ำตาเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ แม้ว่าคุณออกัสจะจ่ายเองอยู่แล้ว แต่ก็คงมีไม่พอสำหรับสำรับอาหารแมนจูกับฮั่นหรอกมั้ง

ในขณะที่กำลังตกใจ เสี่ยวเถียนก็เอ่ยขึ้น

“ผู้อำนวยการฉือ หนูสัญญากับคุณคริสติน่าแล้วว่าจะพาเธอไปเจอทายาทพ่อครัวในวังหลวง แล้วก็พาเธอไปกินอาหารส่วนหนึ่งของสำรับอาหารแมนจูกับฮั่นค่ะ”

เปลือกตาของฉืออวี้เลี่ยงกระตุก

เด็กคนนี้จะอาจหาญเกินไปแล้วนะ เราจะไปหาทายาทพ่อครัวในวังมาจากที่ไหน? แถมยังบอกว่าจะพาไปกินอาหารส่วนหนึ่งของสำรับอาหารแมนจูกับฮั่นด้วย มันใช่เรื่องที่จะเอามาพูดจาไร้ความรับผิดชอบได้หรือไง?

“เสี่ยวเถียน เธอพูดแบบนี้…”

ฉืออวี้เลี่ยงอยากจะถามว่าไม่ได้โกหกใช่ไหม? แต่เป็นตอนนั้นนึกได้ว่าอีกฝ่ายเองก็เอาล่ามมาด้วย ดังนั้นจึงกลืนคำพูดที่คิดจะเอ่ยออกมา ถึงเสี่ยวเถียนจะโกหก แต่เขาไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้ในตอนนี้!

“แต่ทายาทพ่อครัวในวังเจอตัวยากนะ เธอมีคนรู้จักหรือ?”

เขาขยิบตาส่งสัญญาณให้เด็กหญิง

“ผู้อำนวยการฉือไม่เคยไปที่นั่นหรือคะ? หออีหมิงไง! เชฟที่ร้านนั้นเป็นทายาทพ่อครัวในวังเลยนะ!”

คำตอบของเธอเปี่ยมด้วยความมั่นใจ จนดูไม่เหมือนว่าไม่ได้กำลังโกหก แต่ร่างกายของฉืออวี้เลี่ยงกลับแข็งทื่อเป็นหิน

เด็กคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? เห็นกันชัด ๆ ว่าคิดจะใช้ผลประโยชน์ส่วนรวมเพื่อจุนเจือธุรกิจครอบครัวตัวเอง เลยพูดออกมาตรง ๆ สินะ

แต่ฝีมือของพวกเขาก็ดีพอที่จะบอกว่าเป็นลูกหลานเชฟในวังนะ

เพราะเขาไม่รู้อยู่แล้วว่าแม่ครัวของหออีหมิงอย่างเสี่ยวเถียน…

จู่ ๆ ก็คิดได้ว่าตนเหมือนจะเข้าใจอะไรผิดไป

แม่ครัวหออีหมิงคือ ย่าของเสี่ยวเถียนน่ะถูกแล้ว

แต่มันก็ไม่มีคนพูดนี่นาว่า ย่าของเสี่ยวเถียนจะเป็นทายาทพ่อครัวไม่ได้น่ะ?

เพราะอาหารของพวกเขาระดับสูงกว่าหลาย ๆ ร้านในเมืองหลวงที่บอกว่าตนเป็นลูกหลานพ่อครัวในวังเสียอีก

บางทีที่คนไม่ค่อยรู้จักแก ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นทายาทก็ได้นะ

พอคิดถึงตรงนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของฉืออวี้เลี่ยงก็พลันสดใสขึ้นมา

“เสี่ยวเถียนยังมีทางอยู่สินะ ถึงจะไม่สามารถหาสำรับอาหารแมนจูกับฮั่นได้อีกแล้ว แต่เรายังสามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารที่ทำโดยทายาทพ่อครัวในวังได้”

เขาเอ่ยอย่างจริงใจ

อันที่จริงแม้แต่ผู้อำนวยการก็เชื่อว่าคุณย่าซูไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นทายาทของพ่อครัวในวัง

เขาเป็นผู้นำมาเกือบทั้งชีวิต จึงมักคิดอะไรหลาย ๆ อย่าง

เพราะรู้ว่าหญิงชราเป็นคนมีความสามารถอยู่แล้ว ไม่งั้นคงไม่กล้าเปิดร้านอาหารในเมืองหลวงหรอก

ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ แกมาจากตระกูลของพ่อครัวในราชวงศ์!

ส่วนอีกฝั่ง เฟลิกซ์กำลังก้มหัวพูดอะไรบางอย่างกับออกัสอยู่

บทสนทนาระหว่างทั้งสองเบามาก แถมคนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้ยินอีก

และเป็นที่แน่นอนว่าฉืออวี้เลี่ยงและหลี่ว์หรูหยาไม่มีทางเข้าใจเลย ถึงจะได้ยินชัดก็ตาม เพราะเป็นบทสนทนาภาษาเยอรมัน

ส่วนเสี่ยวเถียนหูดี จึงได้ยินชัดแจ๋วและเข้าใจมัน

เฟลิกซ์รายงานเรื่องเสี่ยวเถียนให้ออกัสได้ฟัง

แถมยังถามอีกว่าฉืออวี้เลี่ยงพูดอะไรอีก

แม้เสี่ยวเถียนจะได้ยิน แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

ทั้งยังยิ้มและมองออกัสด้วยสายตาสงสัย

คนสองคน ผู้ใหญ่หนึ่งเด็กหนึ่งมองหน้ากัน แต่ไม่มีใครพูดอะไรเลย

เธอเดาว่าออกัสคงจะคาดเดาความถูกต้องในคำพูดของเธอก็ได้

ทว่าคริสติน่าสาวนักกินไม่สามารถต้านทานความเย้ายวนของอาหารอร่อย ๆ ได้เลย

“พี่คะ พวกเราไปลองกันเถอะ!”

คริสติน่ามีความสุขมาก ก่อนเขย่าแขนพี่ชายอย่างน่ารัก

ทีแรกคิดว่าจะต้องผิดหวังแน่ ๆ แต่ใครจะรู้เล่าว่าเรายังมีโอกาสได้กินอาหารที่ทายาทพ่อครัวในวังทำ

ในฐานะนักกิน เธอไม่อยากปล่อยโอกาสนี้ไปเลย!

ออกัสมองเสี่ยวเถียนด้วยสายตามีความหมาย

แต่จากท่าทางของเสี่ยวเถียน มันไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไรเลย

แต่ตัวออกัสในฐานะนักธุรกิจที่ความรู้สึกไว กลับรู้สึกมีบางอย่างแปลก ๆ

แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

“งั้นไปกันเถอะ!”

ในที่สุดความรักที่มีต่อน้องสาวก็ได้ออกโรงเสียที

คริสติน่าโห่ร้อง จากนั้นก็รีบปิดปากเมื่อนึกได้ว่าอยู่ในที่สาธารณะ

ไม่จำเป็นต้องถาม ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายตัดสินใจเลือกอะไร

เพราะแบบนั้นเสี่ยวเถียนจึงแปลคำพูดของออกัสที่ตกลงไปหออีหมิง

หลี่ว์หรูหยาเข้าไปหาผู้อำนวยการ แล้วเอ่ยอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “ผู้อำนวยการครับ โต๊ะที่เราจองไว้ก็ต้องจ่ายเงินนะ!”

ราคาของอาหารร้านนั้นมันไม่ใช่น้อย ๆ เลย จะทิ้งให้เสียเปล่าไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?

แถมยังจองด้วยความยากลำบากอีกด้วย

ฉืออวี้เลี่ยงไม่ใช่คนสุรุ่ยสุร่าย เขาเสียใจที่ลูกน้องจองร้านอาหารราคาแพงมาด้วยความยากลำบากกว่าอีก

แถมยังจ่ายเงินไปแล้วด้วย อุตส่าห์มีคนช่วย จะทิ้งเปล่าได้ยังไงล่ะ

เพราะเป็นผู้อำนวยการโรงงานอยู่แล้ว จึงคุ้นเคยกับการคิดคำนวณอย่างระมัดระวังเป็นปกติ ถึงจะไม่ได้จ่ายเอง แต่ถ้าให้โรงงานจ่ายมันจะไปต่างอะไรกันล่ะ?

“วันนี้ไม่มีลูกค้าจากโรงงานตงเฟิงใช่ไหม ไม่งั้นก็ให้เหล่าเหลียงกับเสี่ยวเฉียนไปร้านเป็ดย่างสิ!”

“เดี๋ยวผมโทรบอกให้เขาจัดการเองครับ!” หลี่ว์หรูหยาเอ่ยทันที

อาหารที่เอาไว้รับรองนักธุรกิจต่างชาติมีราคาถูกกว่า หากแลกกับทางโรงงานตงเฟิง

น่าเสียดายที่เราไม่ได้ชมอาหารพวกนั้นเลย

แต่เรายังได้ไปกินข้าวเย็นที่หออีหมิงนะ แถมอร่อยด้วย คิดแบบนี้หลี่ว์หรูหยาก็โล่งใจ

การจัดการของเขารวดเร็วมาก หลังจากนั้นสามนาทีก็กลับมาแล้ว

เมื่อเห็นทุกอย่างเรียบร้อยดี เสี่ยวเถียนจึงเริ่มเชิญชวนให้ออกเดินทาง

พวกเขาเดินทางมาจนถึงประตูร้านหออีหมิงในไม่ช้า

การตกแต่งไม่ได้หรูหรา แต่สำหรับในเมืองหลวงยุคนี้กลับสะดุดตามาก

ทันทีที่ออกัสหยุดอยู่หน้าประตู เขาก็พยักหน้า

ส่วนคริสติน่าไม่ได้สนใจอะไรเลย สนใจแต่ของกิน

“ที่รัก ที่นี่คือร้านที่เธอบอกใช่ไหม? ดูดีจังเลย”

“อืม ฉันได้กลิ่นหอมของอาหารด้วย ไม่เหมือนในประเทศของเราเลย!”

หญิงสาวเอ่ยอย่างมีความสุข แถมยังแสดงท่าทางตื่นเต้นเกินความเป็นจริงด้วย ต่อให้เธอเป็นชาวต่างชาติ แต่ความไม่ชอบใจของเสี่ยวเถียนก็ไม่ได้น้อยลง!

“แขกที่เคารพทุกท่านคะ เข้ามาได้เลยค่ะ เชฟของร้านเป็นลูกหลานของพ่อครัวในวังหลวง แถมทักษะก็ยอดเยี่ยมมากเลยด้วย ฉันเชื่อว่าพวกท่านจะไม่ผิดหวังค่ะ!” เสี่ยวเถียนโน้มตัว แล้วผายมืออย่างสุภาพให้ทุกท่านได้เข้าร้าน