ตอนที่ 507

My Disciples Are All Villains

ตอนที่ 507 กระจกทองคําไท่ซู

นับตั้งแต่มีการจัดการกับฝานเชียวไป นับตั้งแต่นั้นลูโจวก็ไม่เคยเห็นใครกล้าเลียนแบบเป็นตัวเขาอีกเลย ลูโจวไม่คิดว่าจะมีคนกล้ามากขนาดนี้

เจียงหลี่จือยิ้มก่อนที่จะพูดต่อ “ผู้อาวุโส สิ่งที่ท่านแสดงออกมามันเหมือนจนไร้ที่ติ รักษามันไว้ให้ดีล่ะ!”

“หม?” ลูโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวเขาได้พูดออกมาด้วยน้ําเสียงที่เคร่งขรึมอีกครั้ง “ข้าเป็นปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า”

เจียงหลี่จือที่ได้ฟังแบบนั้นตอบกลับ “ใช่ ใช่…ท่านคือผู้อาวุโสจี” แม้ว่าจะพูดแบบนั้น แต่ท่าที่และน้ําเสียงที่เจียงหลี่จือแสดงออกมาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตัวเขาไม่เชื่อ

สาวกของสถานศึกษาไท่ซูต่างก็พยักหน้าเช่นกัน “ผู้อาวุโสจี”

ลูโจวจ้องมองทุกคนก่อนจะถามออกมา “พวกเจ้ามาจากสถานศึกษาไท่ซูอย่างงั้นสินะ?”

“ถูกต้อง พวกเรายินดีรับใช้ท่านผู้อาวุโสจี” เจียงหลีจือตอบกลับมาอย่างหยิ่งผยอง

ในขณะนั้นเองลูโจวก็นึกไปถึงคนจากสถานศึกษาไท่ซูและสํานักเฮ้งชูที่ต่อสู้กันเพื่อแย่งตัวธิดาหอยสังข์ ในตอนนั้นทุกคนสู้กันก็เพื่อที่จะใช้นางฝึกฝนเหล่าสัตว์ร้าย สํานักที่จิตใจต่ําช้าแบบนั้นยอมยื่นมือเพื่อจะช่วยสํานักเผิงไหลด้วยความเมตตาอย่างงั้นเหรอ? ช่างน่าขัน

“เจียงหลี่จือกับเจียงเหรินยี่

ลูโจวต้องยกย่องเซนส์ในการตั้งชื่อของพวกเขาจริงๆ

“เจ้ามาที่นี่ก็เพราะคําเชิญชวนจากเจ้าเกาะเพิ่งไหลอย่างงั้นสินะ?” จู่โจวถามต่อ

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจียงหลี่จือก็เหยียดหลังตรง ตัวเขาได้คารวะจู่โจวก่อนจะพูดต่อ “ผู้อาวุโสข้าเองก็ไม่รู้รายละเอียดอะไร ถ้าหากพวกเราไปถึงเกาะเพิ่งไหล พวกเราจะต้องรู้ทุกอย่างแน่”

สาวกของสถานศึกษาไท่ซูต่างก็ลอยขึ้นไปบนอากาศเหนือผิวน้ําทะเล

สู่โจวเหลือบมองไปที่เกาะลอยฟ้า มันเป็นเกาะที่ลอยอยู่เหนือพื้นมหาสมุทร สิ่งที่ลูโจวเห็นมันดูคล้ายกับภาพเขียนสีน้ํามัน บนเกาะเพิ่งไหลมีน้ําไหลออกมาจากเกาะ ในตอนนี้เขตแดนที่เกาะเผิงไหลมีดูอ่อนแอ แม้แต่แสงของเขตแดนพลังก็ยังส่องสลัว

“หยวนเอ๋อ ไปกันได้แล้วล่ะ”

“ค่ะ!” หยวนเอ๋อรีบพาธิดาหอยสังข์ไปกับนางก่อนที่จะบินไปทางเกาะเพิ่งไหล

จู่โจวและสาวน้อยอีกสองคนได้บินเข้าหาเกาะมาหลายชั่วครู่แล้ว แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ยังไม่ถึงแม้ว่าเกาะจะดูเหมือนอยู่ใกล้ แต่แท้จริงแล้วมันกลับอยู่ไกล

หลังจากนั้นไม่นานจู่โจวก็มองเห็นเกาะชัดเจนขึ้น เกาะที่เห็นเป็นหมู่เกาะที่เกิดมาจากการรวมตัวกันของเกาะทั้งห้าเกาะ เกาะทั้งสี่ล้อมรอบเกาะกลางเอาไว้ ทุกเกาะต่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีฟ้าจางๆ มันเป็นแสงที่มาจากแสงสะท้อนของน้ําทะเล เขตแดนพลังที่เห็นเกิดมาจากเกาะทั้งสี่แสงจากเขตแดนพลังได้ส่องแสงไปไกลกว่าหลายไมล์ เกาะลอยฟ้าที่เห็นเต็มไปด้วยความเขียวขจี มันเป็นความอุดมสมบูรณ์ที่ยากจะได้เห็น

“สวยจัง” ธิดาหอยสังข์ชื่นชมทิวทัศน์บนเกาะ

“ตรงนั้นมีคนอยู่ด้วย” หยวนเอ๋อชี้ไปทางเข้าเกาะ

ที่ทางเข้าถูกปูไปด้วยแผ่นหิน มันเป็นการตกแต่งที่ช่างฟุ่มเฟือยเกินกว่าเหตุ แต่ยังไงซะสถานที่อย่างเกาะเพิ่งไหลแห่งนี้ก็ยังเป็นสถานที่ที่ใครก็อยากไปเยือน

ลูโจว, หยวนเอ๋อ และธิดาหอยสังข์ต่างก็บินไปบนเกาะ

ในตอนนั้นเองก็มีคนวิ่งเข้ามาหาพวกลูโจวท่ามกลางฝูงชน

“ผู้อาวุโสจี พวกเราพบกันอีกแล้วสินะ!” ผู้ที่พูดทักทายไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือหม่าชิง ผู้อาวุโสแห่งสํานักชิงหยุน จู่โจวได้พบกับเขาในหลายวันก่อนในตอนที่สังหารชาวรั่วหลื่อย่างลานนีหม่าชิงได้พาเหล่าสาวกมาด้วย เป็นเพราะทุกคนเพิ่งได้พบกัน และเพราะแบบนั้นพวกเขาจึงคุ้นเคยกันดี

สาวกของสํานักชิงหยุนต่างก็โค้งคํานับอย่างพร้อมเพรียงกัน การกระทําแบบนั้นดึงดูดความสนใจของคนหมู่มากที่ยืนอยู่ ผู้ที่ยืนอยู่ด้วยล้วนแต่เป็นคนจากหลากหลายสํานัก

สู่โจวได้พูดออกมาอย่างไม่แยแส “ไม่จําเป็นจะต้องเอิกเกริกให้มากความ” หลังจากที่พูดแบบนั้นจู่โจวก็สังเกตไปทั่วเกาะ

ในตอนนั้นเองเจียงหลี่จือ ผู้อาวุโสแห่งสถานศึกษาไท่ซูได้เดินเข้ามาตบไหล่ของหม่าชิง “พี่หม่าจิตใจท่านยังคงยิ่งใหญ่เหมือนเดิมเลยนะ!”

เจ้านี่มันพูดอะไรกัน?? หม่าชิงรีบเดินห่างเจียงหลี่จือ

เจียงหลี่จือยังคงพูดต่อ “ข้าได้คิดเรื่องนี้มาอย่างดีแล้ว ในบรรดาผู้ที่ข้าพบมาก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสท่านนี้นี่แหละที่คล้ายคลึงกับผู้อาวุโสจีมากที่สุดแล้ว คิดแบบนั้นไหมล่ะพี่หม่า?”

หม่าชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เจียงหลี่จือกําลังพูด “ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด ผู้อาวุโสท่านนี้ก็คือปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าตัวจริง! อย่าหยาบคายกับเขาจะดีกว่า!”

เจียงหลี่จือตกตะลึง แต่อย่างไรก็ตามตัวเขาก็ตกตะลึงเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ครูต่อมาเจียงหลี่จือได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว…ท่านนะช่างมีชั้นเชิงซะจริงๆ พี่หม่าข้าขอบท่านก็เพราะแบบนั้นแหละ” หลังจากนั้นเจียงหลี่จือก็ได้หันไปหาลูโจวก่อนที่จะพูดทักทายด้วยน้ําเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพ “สวัสดีผู้อาวุโสจี”

ลูโจวไม่ได้สนใจอะไรเจียงหลี่จือ ในตอนนี้ตัวเขากําลังจ้องมองเกาะที่อยู่ตรงใจกลางหมู่เกาะ

เจียงหลี่จือเองก็ไม่ได้สนใจการเมินเฉยของลูโจวเช่นกัน หลังจากที่โค้งคํานับให้ตัวเขาก็หันไปพูดกับหม่าชิงแทน “เป็นยังไงบ้างพี่หม่า? ข้าเริ่มเข้าใกล้ท่านแล้วบ้างรึยัง?”

“เจียงหลี่จือ เจ้าพยายามที่จะทําอะไรกันแน่?” หม่าชิงก็ยังไม่เข้าใจเจียงหลี่จืออยู่ดี ถ้าหากเจ้านี้จะลากใครสักคนให้ซวยไปด้วย ไปหาคนอื่นซะเถอะ!”

“ข้าก็แค่พยายามเลียนแบบสิ่งที่ท่านทําก็เท่านั้น!” เจียงหลี่จือพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มอีกครั้ง

หม่าชิงหน้าซีดเผือด การทักทายด้วยความเคารพของตัวเขาไม่ใช่สิ่งที่เสแสร้งแกล้งทําแต่อย่างใด หม่าชิงเริ่มพูดกับเจียงหลี่จือด้วยน้ําเสียงที่จริงจังมากยิ่งขึ้น “เจียงหลี่จือข้าขอบอกกับเจ้าไว้ชายคนนี้ก็คือผู้อาวุโสจีตัวจริงตัวจริง เขาเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ!”

“ใช่ ใช่ ถูกต้องแล้วข้าเชื่อท่าน ท่านในตอนนี้คงจะมีความสุขแล้วสินะพี่หม่า?” เจียงหลี่จือยังคงไม่รู้ตัว

“พอได้แล้ว” หม่าซิงพูดต่อ “ถ้าหากยังไม่หยบุดข้าก็คงต้องตัดสัมพันธ์ทั้งหมดกับเจ้า”

“พี่หม่า ทําไมท่านถึงได้พูดอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลแบบนั้นล่ะ”

ทันทีที่เจียงหลี่จือพูดจบ.

ครืดดด!

เกาะกลางที่ถูกล้อมรอบก็ตกลงไปกว่าหลายสิบเมตร

ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เกาะที่เคยเห็นจมลงไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานนักก็เริ่มมีผู้ฝึกยุทธหลายคนพูดคุยกัน

“เกาะลอยฟ้าจมลงอีกแล้ว! ถ้าหากเป็นแบบนี้อีกไม่นานเกาะลอยฟ้าก็คงจะตกลงสู่พื้นมหาสมุทรแน่ ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงเขตแดนพลังที่มีก็คงจะได้รับความเสียหาย เมื่อถึงตอนนั้นเกาะทุกเกาะก็คงจะจมลงเช่นกัน”

“ถ้าหากเจ้าพูดแบบนั้น เกาะเพิ่งไหลในตอนนี้ก็กําลังเผชิญปัญหาใหญ่แล้วล่ะ” ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็คิดไปในทิศทางเดียวกัน

ใครคนหนึ่งลอยขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะส่งเสียงไปทั่วเกาะ “เนื่องจากท่านเจ้าเกาะหวางไม่ได้อยู่ที่นี่ ข้าจึงขอดูแลเกาะเพิ่งไหลแห่งนี้แทนท่านเจ้าเกาะเอง”

“ได้โปรดออกคําสั่งด้วยนายหญิง”

“เจ้าเกาะที่ไหนกันปล่อยให้แขกทั้งหลายรออยู่ที่ด้านนอกมาหลายวันแล้ว!” มีหลายคนเริ่มบ่นเพราะการรอคอย

ไม่นานนักประตูอันใหญ่ยักษ์ค่อยๆ ถูกเปิดออกมา มีผู้ฝึกยุทธหญิงกว่าหลายสิบคนบินออกมาจากประตูบานใหญ่ พวกนางทั้งหมดต่างก็สวมใส่ชุดสีเหลือง ทุกคนได้บินออกมาพร้อมกับถือร่มกระดาษอยู่ที่ถืออยู่ในมือ ร่มทั้งหมดถูกจัดเรียงกันเป็นอย่างดี บนร่มทั้งหลายมีหญิงสาวที่ดูสง่างามและสูงศักดิ์ยืนอยู่

“นายหญิงหวาง!”

ผู้หญิงคนนั้นก็คือภรรยาของหวางซื่อเจีย เจ้าเกาะเผิงไหลนั่นเอง

แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เกาะทรุดตัว แต่สีหน้าของนางก็ไม่ได้ดูเดือดเนื้อร้อนใจอะไร นางหันพูดกับผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่มารวมตัวกันแทน “ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าต้องขอโทษจริงๆ ที่ปล่อยให้ทุกคนรอนาน”

เจียงหลี่จือเป็นคนแรกที่ก้าวออกไปด้านหน้า “แล้วเจ้าเกาะหวางอยู่ที่ไหนกัน?”

“ท่านเจ้าเกาะกําลังสะสางธุระบางอย่าง เขาคงไม่สามารถกลับมาที่เกาะเผิงไหลในตอนนี้ได้ข้าจะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับเกาะเพิ่งไหลเอง” สายตาของนายหญิงหวางดูแข็งที่อเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งเลยที่เห็นทุกคนมารวมตัวกันที่เกาะเผิงไหล

มีใครบางคนพูดขึ้น “นายหญิงหวาง ในตอนนี้จะมีอะไรสําคัญไปกว่าเกาะที่ทรุดตัวลงอีกล่ะ? ท่านเจ้าเกาะไม่กังวลเรื่องนี้เลยอย่างงั้นเหรอ?”

“ถูกต้องแล้ว” นายหญิงหวางพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องที่เกาะกําลังทรุดตัวลง เกาะเพิ่งไหลอาจจะต้องจมอยู่ใต้ผืนมหาสมุทรตลอดไป หลังจากที่ใช้ความคิดอยู่พักหนึ่งนางก็ได้พูดออกมา “พวกเราจะทําตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ ใครก็ตามที่สามารถฟื้นฟูเขตแดนพลังของเกาะลอยฟ้าได้เกาะเพิ่งไหลของพวกเราก็จะตอบแทนคนคนนั้น”

เจียงหลี่จือที่ได้ฟังแบบนั้นรีบพูดสิ่งที่ต้องการ “ข้าไม่ต้องการอะไรนอกเหนือไปจากหยกหลานเทียน”

“ไม่” ใครบางคนพูดปฏิเสธ “ทําไมนางจะต้องให้เจ้าด้วย? ทุกคนต่างก็มีส่วนช่วยเหลือกับเรื่องในครั้งนี้”

หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ทุกคนพูด จู่โจวก็เข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ได้ในโลกใบนี้ปัญหาทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการทําดีโดยไม่หวังผลตอบแทน

ไม่น่าแปลกใจเลยที่นายหญิงแห่งเกาะเพิ่งไหลคนนี้จะไม่ได้ซาบซึ้งอะไรกับการที่ทุกคนมารวมตัวกันจากมุมมองที่นางมี ผู้ฝึกยุทธจากแดนไกลเหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไรกับฝูงหมาปาที่กําลังหิวโหยอาหารอย่างน่าสมเพชทุกคนที่มาที่นี่ก็เพื่อต้องการปล้นชิงสมบัติล้ําค่าของเกาะเพิ่งไหลก็เท่านั้นแท้จริงแล้วทุกคนไม่ได้หวังจะช่วยเกาะเผิงไหลจริงๆ

ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ หม่าชิงผู้อาวุโสแห่งสํานักชิงหยุนก็ได้คารวะก่อนพูดที่จะพูดขึ้น “ทุกคนโปรดฟังข้า”

ทุกๆ คนหันไปมองหม่าชิง

หม่าชิงได้ทําความเคารพอย่างนอบน้อม “ในเมื่อท่านเจ้าเกาะไม่ได้อยู่ที่นี่ ทางที่ดีพวกเราควรให้ผู้อาวุโสจีแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าดูแลที่นี่แทนจะดีกว่าไหม?”

คําพูดของหม่าชิงเป็นเหมือนกับก้อนกรวดก้อนเดียว มันเป็นก้อนกรวดที่ทําให้เกิด คลื่นอันใหญ่ยักษ์ได้

ผู้อาวุโสจีแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า?

ทุกคนที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็จ้องมองไปยังฝูงชน

ทุกคนที่พอจะมีตาต่างก็มองเห็นชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ที่ขอบเกาะ เขาคนนั้นยืนอยู่กับสาวน้อยอีกสองคน

“ผู้อาวุโสจี? เขาอยู่ที่นี่มานานแล้วอย่างงั้นเหรอ?”

หลายคนตื่นตกใจในขณะที่หลายคนสับสน

นายหญิงหวางที่ยืนอยู่บนร่มเองก็มองมาทางสู่โจวเช่นกัน

เจียงหลี่จือที่ได้ฟังแบบนั้นพูดต่อ “พี่หม่า ท่านไม่คิดว่าตัวเองทําเกินไปหน่อยอย่างงั้นเหรอ?”

หม่าชิงที่ได้ฟังแบบนั้นพูดออกมาอย่างไม่ลังเล “สาวกสํานักชินหยุนจงฟังข้านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปสํานักชิงหยุนของพวกเราจะตัดขาดกับสถานศึกษาไท่ซู!”

“ ” เจียงหลี่จือตกตะลึงไปชั่วขณะ “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ถ้าหากเขาไม่ใช่ผู้อาวุโสจีจริง..แล้วท่าจะอธิบายเรื่องนี้ว่ายังไงกัน?”

ทุกคนที่ได้ฟังแบบนั้นหันไปมองเจียงหลี่จือ

เจียงหลี่จือได้ชูมือขึ้น ที่มือของเขาถือกระจกสีทองขนาดเท่ากับไข่ไก่อยู่ กระจกบานนั้นตกแต่งไปด้วยเครื่องประดับสีทองและอักขระวิเศษมากมายหลายตัว

“กระจกไท่ซู?”

ทันทีที่กระจกถูกแสดง ในตอนนั้นเองก็เกิดความโกลาหลขึ้น

กระจกทองคําไท่ซูเป็นของวิเศษที่มีชื่อเสียงในโลกของยุทธภพเป็นอย่างมาก แต่ก็เพราะพลังของมันไม่ได้มีส่วนช่วยอะไรในการฝึกยุทธหรือเพิ่มความแข็งแกร่งของผู้ที่ครอบครองและเพราะแบบนั้นทําให้ไม่มีใครสนใจของวิเศษชิ้นนี้มากนัก

“กระจกทองคําไท่ซูเป็นของวิเศษที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นกระจกที่ดีที่สุดในสถานศึกษาไทชูมันสามารถตรวจสอบความถูกต้องของสิ่งที่ต้องการได้ ด้วยการกระจกบานนี้พวกเราก็จะสามารถวัดพลังวรยุทธของคนคนนั้นออกมาได้ สถานศึกษาไท่ซูของพวกเราได้นําสมบัติล้ําค่ามาด้วย!”

เจียงหลี่จือคารวะก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง “พวกเราทั้งหมดต่างก็ได้รับคําสั่งจากท่านปรมาจารย์ของพวกเรา พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือสํานักเผิงไหลพร้อมกับกระจกทองคําไท่ซู”