บทที่ 373 รีไซเคิลกระป๋องโค้ก?

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา ตอนที่373 รีไซเคิลกระป๋องโค้ก?

หลังจากอยู่ด้วยกันไม่ถึงสองวัน ก็ต้องแยกจากกันอีกครั้ง โจวกุ้ยหลานอาลัยอาวรณ์ สองมือกอดหลังเขาไว้แน่น

“เจ้าต้องระวังนะ”

“อืม”

“ช่วยข้าปกป้องพวกท่านแม่ข้าด้วย”

“อืม”

สวีฉางหลินตอบอย่างเชื่อฟังอีกครั้ง เมื่อคืนนางเรียกหาแม่อยู่หลายครา เขารู้ว่านางกำลังเป็นห่วงเหล่าไท่ไท่

“ภรรยา จะกลับบ้านเร็วไหม” สวีฉางหลินกระซิบข้างหูโจวกุ้ยหลาน

โจวกุ้ยหลานตอบรับ ไปหาคนมาลงกลอนประตูด้านหลัง จากนั้นนางก็ตามสวีฉางหลินกลับบ้านไป

แสงจันทร์ส่องเงาร่างของทั้งสองให้ยืดยาวขึ้น ลมหนาวก็พัดใบไม้เหลืองที่เหี่ยวแห้งล่องลอย หมุนคว้างในอากาศแล้วตกลงสู่พื้น พวกเขาเหยียบลงไป ก็ส่งเสียงดัง “กรอบแกรบ”

“เจ้าต้องกลับจวนหู้กั๋วกงไปเอาเสื้อผ้ามาด้วยหรือไม่ ในบ้านพวกเราไม่มีเสื้อผ้าเจ้าสักชุดเลย” โจวกุ้ยหลานดมกลิ่น แล้วพูด

สวีฉางหลินหันศีรษะไป เอื้อมมือไปสัมผัสที่ปลายจมูกของนาง เย็นจริง ๆ ด้วย

เขาเอื้อมมือไป ดึงนางเข้าไปในอ้อมอก อาศัยอุณหภูมิของตัวเองทำให้นางอบอุ่น

ถูกเขาดึงเข้าไปในอ้อมอกกะทันหัน โจวกุ้ยหลานมึนงงเล็กน้อย รอจนนางได้สติกลับคืนมา ก็อดไม่ได้จะตบเขาเบา ๆ “อย่างนี้แล้วพวกเราจะเดินอย่างไรเล่า”

“งั้นข้าแบกเจ้า” สวีฉางหลินปล่อยโจวกุ้ยหลาน เดินมาตรงหน้านาง ย่อตัวลง

ดวงหน้าเล็กของโจวกุ้ยหลานแดงระเรื่อ มุมปากอดยกขึ้นไม่ได้ นางก็ไม่ได้บ่ายเบี่ยง ยื่นมือไปโอบรอบคนสวีฉางหลิน เอนทั้งร่างไปไว้บนกายสวีฉางหลิน

มือข้างหนึ่งสวีฉางหลินจับสะโพกของนางไว้ ส่วนอีกข้างไว้บนข้อพับขาของนาง ยืนตัวตรง แล้วแบกนางขึ้นมา

“เสื้อผ้าสั่งคนรับใช้ส่งมาให้แล้ว” สวีฉางหลินค่อย ๆ เดินกลับบ้าน

โจวกุ้ยหลานพยักหน้า เอาหน้าแนบบนหลังเขา ซึมซับความอบอุ่นของเขา

ระหว่างทาง ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรเลย

พอถึงบ้าน โจวกุ้ยหลานกับสวีฉางหลินอาบน้ำเสร็จ นอนลงบนเตียง นางซุกเข้าไปในอ้อมอกขา นอนหลับอย่างผ่อนคลาย

สวีฉางหลินไม่ได้ทำตัวมือไม้อยู่ไม่สุขเหมือนเคย โอบกอดภรรยาตัวเองอย่างเชื่อฟัง แล้วหลับตาลง

เด็กสองคนข้าง ๆ หลับสนิทไปนานแล้ว โจวกุ้ยหลานจับเล่นนิ้วมือของเขา

สวีฉางหลินกอดนางแน่น ส่งเสียงแหบแห้ง “คลอดลูกสาวให้ข้าสักคนได้ไหม”

“นั่นขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” โจวกุ้ยหลานเงยหน้าขึ้น มองเขา

ขณะที่สวีฉางหลินกำลังจะพลิกกาย ก็ถูกโจวกุ้ยหลานผลักเบา ๆ “พรุ่งนี้เจ้าจะต้องไปแล้ว ควรพักผ่อนให้เพียงพอนะ”

แม้ว่าเขาจะอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย แต่สวีฉางหลินก็ควบคุมตัวเองเอาไว้

ด้วยไม่พอใจจึงจับมือนางมาประทับจูบที่ปาก จากนั้นกอดนางแล้วหลับตาถึง

โจวกุ้ยหลานเงยหน้าขึ้น มองเห็นคางกลมมนของเขา นางก็รู้สึกอยากพุ่งไปสัมผัส แต่นางไม่กล้ายั่วเขาในตอนนี้ จึงหลับตาลง

หลังจากที่ฝันเรื่องนั้นตั้งแต่เมื่อคืนวาน ก็เป็นห่วงพวกเหล่าไท่ไท่ในใจนางเสมอ เพียงแต่ไม่อยากกดดันสวีฉางหลิน เลยไม่พูดมาตลอด คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นผู้บัญชาการทัพไปแล้ว

นางอ้าปาก คิดจะขอบคุณเขา เมื่อคำพูดมาถึงปาก นางกลับกลืนมันกลับเข้าไป

นางขยับตัวในอ้อมอกเขา หาตำแหน่งที่สบายแล้วหลับตานอน

ก่อนรุ่งสางของวันถัดมา นางก็ตื่นนอน ไปยุ่งอยู่ในครัว ทำอาหารเช้าร้อน ๆ ให้สวีฉางหลินกิน แล้วเติมน้ำร้อนในโถให้เขา และทำเซาปิ่งให้เขาหลายชิ้น ให้เขากินระหว่างทาง

ทั้งสองอาลัยอาวรณ์ สวีฉางหลินเห็นว่าถึงเวลาแล้ว จึงจากไป

โจวกุ้ยหลานก็เก็บกวาดให้เรียบร้อย ก็กลับไปร้านค้าตัวเอง

แต่เมื่อไปถึง ก็พบว่าไป๋ยี่เซวียนไม่อยู่แล้ว

โจวกุ้ยหลานทำได้เพียงแค่บอกคนในร้าน หากไป๋ยี่เซวียนกลับมาแล้วให้พวกเขา บอกนางด้วย นางตามหาเขาอยู่

กิจการร้านเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ เถ้าแก่ของร้านเหล่านั้นมาเอาโค้ก เป็นร้อย ๆ กระป๋องไป อีกทั้งมีคนมาเป็นระยะ ๆ

โจวกุ้ยหลานหยุดช่วยงานในครัว และขังตัวเองไว้ในห้องที่ทำโค้ก ลงมือทำโค้กด้วยตัวเอง

ไม่ว่านางจะทำงานหนักแค่ไหน ก็ไม่ทันต่อการขายโค้ก

แม้นางจะไม่เจอไป๋ยี่เซวียนแต่ทุกวันที่นางมา ก็เห็นโค้กในห้องนี้ไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าไป๋ยี่เซวียนทำมันทั้งคืน

เพราะอย่างนี้แล้ว ร้านช่างเหล็กทำกระป๋องให้ไม่ทัน เพราะงั้นเถ้าแก่ร้านช่างเหล็กจึงวิ่งมาหาโจวกุ้ยหลาน

“เถ้าแก่โจว ร้านพวกเราทำทั้งวันทั้งคืนไม่ได้พัก ก็ไม่อาจทำกระป๋องให้ได้มากขนาดนั้นนะ”

เถ้าแก่ร้านช่างเหล็กในวัยสี่สิบกว่ากล่าวอย่างหมดหนทาง

ทุกวันนี้ เขาทำงานหามรุ่งหามค่ำ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายต้องใช้งานต่อไปไม่ได้แน่

โจวกุ้ยหลานปลอบเขา “เป็นเพราะพวกเราไม่ได้ไตร่ตรองถึงเรื่องนี้ แล้วทางด้านท่านมีความคิดเห็นเป็นเช่นไรหรือ”

“ข้ามีความคิด ท่านว่า นำเอากระป๋องที่ดื่มแล้วกลับมาใช้งานใหม่อีกครั้ง ด้วยวิธีนี้แล้ว ทางพวกเราก็จะผ่อนคลายมากขึ้น” ช่างเหล็กผู้นั้นกล่าว

โจวกุ้ยหลานก้มหน้าครุ่นคิด ในชาติก่อนมีบริษัทหลายแห่งจะรีไซเคิลขวดของพวกเขาเอง หลังจากจัดการเสร็จก็นำกลับมาใช้ใหม่เพื่อลดต้นทุน

แต่พวกเขาที่นี่…ไม่มีอะไรแบบพวกยาฆ่าเชื้อ หากนำมารีไซเคิลจริง ๆ แล้วในอนาคตเกิดมีพวกโรคติดเชื้อขึ้นมา ไม่รู้เลยว่าจะมีกี่คนที่ติดเชื้อ

โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “อย่างนี้ยังใช้ไม่ได้ หากพวกท่านทำไม่ได้จริง ๆ ข้าจะไปหาอีกสองร้าน ท่านว่าอย่างไร”

ช่างเหล็กผู้นั้นไม่คาดคิดว่าโจวกุ้ยหลานจะยอมปล่อยมือด้วยวิธีง่าย ๆ เช่นนี้ จึงกระวนกระวาย: “เถ้าแก่โจว หลายร้านล้วนทำเช่นนี้ทั้งนั้น ท่านจะประหยัดเงินไปได้ไม่น้อยเลยนะ”

“เงินนี้สมควรจ่ายแล้ว พวกเราย่อมไม่อาจทำในสิ่งที่จะทำลายยี่ห้อของตัวเองไม่ใช่หรือ” โจวกุ้ยหลานยิ้มตอบกลับ

ช่างเหล็กพยายามเกลี้ยกล่อมอยู่นานแต่ก็ไร้ผล เขาก็ได้เข้าใจว่าคือโจวกุ้ยหลานไม่ยินยอมแล้ว จึงลุกขึ้นแล้วจากลา

โจวกุ้ยหลานครุ่นคิด เรื่องนี้ยังคงต้องหารือกับไป๋ยี่เซวียน

เพียงคิดถึงว่าตลอดทั้งวันไม่ได้เจอไป๋ยี่เซวียนนางก็อับจนหนทาง

เรื่องเหล่านี้จะให้นางออกความคิดคนเดียวคงไม่เหมาะสม เพราะมันก็เป็นร้านของคนสองคน

แม้ว่ากิจการจะดีกว่าเดิม ทำเงินได้มากขึ้น แต่กำลังการผลิตของพวกเขากลับตามไม่ทัน…

หลังช่างเหล็กผู้นั้นออกไป ก็วกไปวนมา และมาถึงตรอกแห่งหนึ่ง ขณะเดียวกันบุรุษสวมเสื้อสีเทาเห็นเขาเข้ามา จึงรีบเดินไป ถามเขาว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”

ช่างเหล็กส่ายหน้า “นางไม่เห็นด้วย”

เห็นได้ชัดว่าบุรุษชุดเทาไม่ได้คาดถึงผลลัพธ์นี้ “ทำไมนางไม่ทำสิ่งที่มันประหยัดเงิน สตรีผู้นี้โง่หรือเปล่า”

“นางยังพูดอีกว่าจะเอาการค้านี้ให้ร้านอื่นด้วย หากการค้าข้านี้ถูกร้านอื่นแย่งไปจะทำอย่างไรดีเล่า”

บุรุษชุดเทาโบกมืออย่างทนไม่ไหว “มีพวกข้า เจ้าจะกลัวอะไร”

เมื่อนึกถึงเงินในมือตัวเอง ช่างเหล็กก็รู้สึกโล่งใจ

ทั้งสองปรึกษากันอีกครู่หนึ่ง แล้วจึงต่างคนต่างแยกย้าย

ไม่กี่วันต่อมา โจวกุ้ยหลานเดินไปมาไม่หยุด หลังสวีฉางหลินไปแล้วเด็กทั้งสองกลับมีความสุข คนเลวผู้นั้นไม่อาจมาแย่งท่านแม่จากพวกเขาได้อีก

โจวกุ้ยหลานทั้งขบขันทั้งอับจนหนทาง ได้แต่รู้สึกว่าเด็กสองคนนี้นิสัยเหมือนสวีฉางหลินจริง ๆ

ในช่วงเวลานั้น นางได้ยินว่าตอนอาเฟินส่งข้าวให้สามีของนาง ได้ใส่ยาพิษไว้ในอาหาร วางยาสามีผู้นั้นของนางจนตาย

ตอนนี้นางถูกจับกุมแล้ว เกรงว่านางคงจะถูกตัดสินประหารชีวิต