ตอนที่ 537 คืนที่ไม่อาจหลับลงได้

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 537 คืนที่ไม่อาจหลับลงได้

ภายในจวนราชทูตแคว้นจิ้น บรรยากาศเงียบสงัด มีผู้คุ้มกันเฝ้าระวัง เดินตรวจตราลาดตระเวนกลับไปกลับมา

ริมหน้าต่างใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีแสงจันทร์นวลจางส่องลอดเข้ามา ตะเกียงดวงหนึ่งส่องสว่างให้แสงแก่ชายชราคนหนึ่งที่อ่านหนังสืออยู่ คนผู้นี้ก็คือป๋อควนหยวนราชทูตแคว้นจิ้นที่ประจำการในเมืองหลวงแคว้นฉี

มีเสียงเคาะประตูแว่วขึ้น ประตูเปิดออก ข้ารับใช้ชราคนหนึ่งเดินเข้ามา โน้มตัวกระซิบข้างหู “ใต้เท้า ส่งคนออกไปอย่างปลอดภัยแล้วขอรับ”

ป๋อควนหยวนจดจ่อกับหนังสือ เอ่ยโดยไม่ละสายตาไป “ไม่เกิดเหตุผิดปกติอันใดขึ้นกระมัง”

ข้ารับใช้ชราเอ่ยว่า “จากรายงานที่ส่งกลับมา ทุกอย่างราบรื่นดีไม่มีความผิดปกติใดๆ น่าจะไม่เกิดปัญหาอันใดขึ้นอีกขอรับ”

ป๋อควนหยวนสบายใจแล้ว วางหนังสือในมือลง ลูบเคราพลางเอนหลังพิงพนัก หัวเราะฮ่าๆ “คุณชายเซ่าคนนี้ชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริงๆ ร้ายกาจโดยแท้! อืม…แผนการครองหล้าสำหรับแคว้นจิ้นหรือ? ตอนนี้ข้าเริ่มคาดหวังเล็กน้อยแล้วสิว่าเขาจะถวายอันใดให้แก่ฝ่าบาท จะทำให้ข้าพลอยมีผลงานไปด้วยจริงหรือไม่ ทางจวนราชทูตแคว้นเว่ยมีความเคลื่อนไหวอย่างไร?”

ข้ารับใช้ชราเอ่ยว่า “เฉียดฉิวมากขอรับ ปู้ฟางนำกำลังคนบุกเข้าไปจับคนในจวนราชทูตแคว้นเว่ยด้วยตัวเอง โชคดีที่หนีออกไปทันเวลา หากช้ากว่านี้อีกนิดก็คงหนีไม่รอดแล้ว ไม่แปลกเลยที่คุณชายเซ่าคนนั้นรีบร้อนจากไปนัก ไม่ยอมรั้งรอเลยสักครู่เดียว”

“ปู้ฟางลงมือเองเลยอย่างนั้นหรือ?” ป๋อควนหยวนค่อนข้างแปลกใจพอสมควร ใคร่ครวญอยู่พักใหญ่จู่ๆ ก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา “มีละครสนุกให้ชมแล้วสิ เกรงว่าวันพรุ่งนี้คงได้เห็นคังเหอบากหน้าไปเล่นละครร้องทุกข์แน่”

ตอนที่เซ่าผิงปอมาพบเขา หากยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากราชสำนักแคว้นจิ้น เขาก็ไม่สะดวกจะเข้าแทรกแซงในทันที หากเกิดเรื่องขึ้น เขาไม่มีทางรับผิดชอบไหว

แต่เซ่าผิงปอกลับรอส่งสารตอบกันไปกันมาไม่ไหว ประกาศชัดเจนว่าไม่มีทางชักนำปัญหาใดๆ มาให้เขาแน่ ต้องการเพียงคนรับส่งเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้เขาจึงส่งเซ่าผิงปอออกไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ ส่วนทางจวนราชทูตแคว้นเว่ยย่อมไม่กล้าเผยความจริงเช่นกัน ต้องกัดฟันปกปิดเอาไว้ พรุ่งนี้จะต้องแล่นไปเล่นละครต่อหน้าฮ่องเต้แคว้นฉี ร้องขอคำอธิบายเพื่อระบายโทสะที่สุมทรวงอยู่แน่นอน

ส่วนทางแคว้นฉีก็ย่อมจะคิดไปว่าแคว้นเว่ยพาคนหลบหนีไป ต้องตามสืบสาวแน่ ทิศทางการสืบต้องพุ่งเป้าไปทางแคว้นเว่ยแน่นอน สามารถปกปิดให้ทางนี้ส่งเซ่าผิงปอจากไปได้อย่างปลอดภัย

ที่สำคัญคือข้อพิพาทและความเดือดร้อนจะตกไปอยู่กับทางจวนราชทูตแคว้นเว่ยหมด ไม่มีทางมาถึงฝั่งจวนราชทูตแคว้นจิ้นของเขา

นับว่าทำงานสำเร็จโดยไม่ต้องสูญเสียอันใดไปเลยจริงๆ วางตัวเหมือนคนที่ไม่เกี่ยวข้องได้

ส่วนคนที่วิ่งเต้นทำงานเสียเปล่าถึงรู้ว่าพลาดไปแล้วก็ยังต้องทำหน้าหนาเล่นละครต่อไป ช่วยปกปิดให้คนร้ายตัวจริง แล้วจะไม่ให้เขารู้สึกขบขันได้อย่างไรเล่า

และเนื่องด้วยเหตุนี้ ป๋อควนหยวนถึงได้ทึ่งในตัวเซ่าผิงปอ แม้ดูเหมือนจะเป็นวิธีหลบหนีที่ง่ายดาย แต่ความจริงแล้วไม่ง่ายเลย 艾琳小說

หากวางแผนไปแล้วไม่สามารถกันทางนี้ให้อยู่เหนือเรื่องราวได้ หากไม่สามารถพูดให้เขาหวั่นไหวได้ หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากทางแคว้นจิ้น เขาก็ไม่มีทางยอมรับปากเซ่าผิงปอ

พอคิดดูอย่างละเอียดแล้ว ทุกขั้นตอนในแผนการทำให้เขารู้สึกตะลึงนัก!

….

แสงจันทร์สาดส่องธรณีกว้างใหญ่ วิหคยักษ์สองตัวเร่งเหินบินอยู่บนนภาสูงในยามราตรี

พอมองย้อนกลับไปยังเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยแสงไฟจากครัวเรือนที่ได้หายลับไปจากครรลองสายตาแล้ว เซ่าซานเสิ่งที่ยืนอยู่บนหลังวิหคก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก หันกลับมามองเซ่าผิงปอที่อยู่บนวิหคอีกตัว รู้สึกเลื่อมใสในตัวคุณชายใหญ่ท่านนี้ขึ้นมาอีกครั้งแล้ว

ก่อนหน้านี้เขายังคิดอยู่เลยว่าข้างกายมีผู้บำเพ็ญเพียรกลุ่มหนึ่งเฝ้าจับตามองอยู่ คิดจะหนีออกมาในระยะเวลาที่จำกัด ไหนเลยจะง่ายดายปานนั้น ไปขอความช่วยเหลือจากราชทูตแคว้นจิ้นประจำเมืองหลวงแคว้นฉี จู่ๆ อีกฝ่ายจะยอมช่วยท่านทำเรื่องเช่นนี้หรือ?

เขาคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ค่อยได้ แต่คุณชายใหญ่กลับทำได้ง่ายๆ เพียงพูดคุยกันไม่นานก็ทำให้ราชทูตแคว้นจิ้นยอมให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ขั้นตอนเจรจารวมถึงเนื้อความในบทสนทนา เขายืนฟังอยู่ด้านข้างอย่างครบถ้วน

บอกว่าจะมอบสิ่งล้ำค่าให้แก่ฮ่องเต้แคว้นจิ้น ขอความช่วยเหลือจากกองกำลังของแคว้นจิ้นเพื่อหลบหนี แต่ราชทูตแคว้นจิ้นกลับพูดจาคลุมเครือ

ดังนั้นคุณชายใหญ่พูดไปประโยคเดียวว่า ‘เสวียนเวยสั่งการให้ราชทูตแคว้นเว่ยพาข้าออกจากเมืองหลวงแคว้นฉีในคืนนี้แล้วมุ่งหน้าไปยังแคว้นเว่ย ท่านราชทูตอยากให้ข้าไปแคว้นเว่ยหรือแคว้นจิ้นกันเล่า?’

ราชทูตแคว้นจิ้นประหลาดใจ มีท่าทีสงสัยเช่นกัน

คุณชายใหญ่ก็ขอให้อีกฝ่ายรอพิสูจน์ดู หากคืนนี้ไม่เห็นราชทูตแคว้นเว่ยมีท่าทีว่าจะพาตัวข้าไป ท่านก็สามารถมองดูอยู่เฉยๆ ได้ หากว่ากลับกัน ท่านก็หาทางจัดการเอาแล้วกัน หากท่านไม่อยากรับข้าไว้ ข้าก็จะเชื่อฟังการจัดแจงของราชทูตแคว้นเว่ย!

ผลลัพธ์ก็กลายเป็นเช่นนี้ในตอนนี้ ราชทูตแคว้นจิ้นใช้อำนาจของแคว้นจิ้นเรียกใช้งานวิหคพาหนะและฝ่าซือคุ้มกัน ช่วยเขาหนีออกจากเมืองหลวงแคว้นฉีอย่างราบรื่น

แต่เซ่าผิงปอที่เงยหน้ามองดวงดาวอย่างสงบกลับมีสีหน้าเรียบเฉย สำหรับเขาแล้ว การใช้กลยุทธ์บางอย่างหนีรอดได้สำเร็จไม่ได้ควรค่าให้ดีใจอะไรนัก ผ่านคลื่นมรสุมมามากมายหลายครั้ง หากแม้แต่ความอดทนในส่วนนี้ยังไม่มี เขาคงไม่รอดมาถึงวันนี้

ไม่เพียงแต่ไม่ดีใจเท่านั้น กลับยังรู้สึกอัปยศอีกด้วย สำหรับตัวเขาในยามนี้ เขาได้กลายเป็นหมาจรพลัดถิ่นที่ถูกคนไล่หวดจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนแล้ว!

ไม่มีความรู้สึกดีใจอยู่ภายในใจเลยสักนิด แล้วก็ไม่ได้รู้สึกโชคดีเลยแม้แต่น้อย

….

ภายในเรือนรับรองแขกต่างแคว้น ในเรือนพำนักของเซ่าผิงปอ ปู้ฟางนั่งกำกับการด้วยตัวเอง เรียกใช้งานกองกำลังผู้บำเพ็ญเพียรในเมืองหลวง อีกทั้งเรียกใช้งานกองกำลังหน่วยข่าวกรอง รอคอยข่าวตอบกลับจากแต่ละฝ่ายอยู่

รอมาหนึ่งชั่วยามกว่าแล้ว ก็ยังไม่ได้รับข่าวที่เป็นประโยชน์ใดๆ หนิวโหย่วเต้าตระหนักแล้วว่ารอต่อไปก็ไม่มีความหมาย ด้วยความสามารถของเซ่าผิงปอ รอนานขนาดนี้แล้วยังหาตัวไม่พบก็ไม่มีทางจับตัวได้อีก

“มีปู้กงกงคอยดูแลอยู่ เช่นนั้นผู้น้อยขอตัวก่อน” หนิวโหย่วเต้าบอกกล่าวประโยคหนึ่ง เตรียมจะกลับไปใคร่ครวญดูให้ดีก่อนว่าจะไล่ตามไปสังหารที่แคว้นเว่ยดีหรือไม่

ภายใต้แสงจันทร์ ปู้ฟางที่ร่างกายกำยำยืนเหยียดตรงอยู่ในสวนค่อยๆ หันมามองเขา “เจ้าเตรียมจะไปที่ใด?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “กลับโรงเตี๊ยมก่อน หากมีข่าวมาสามารถติดต่อข้าได้ทุกเมื่อ ด้วยความสามารถของหน่วยข่างกรองแล้ว ข้าพักอยู่ที่ใด เชื่อว่าคงไม่รอดพ้นสายตาของกงกงไปได้”

ปู้ฟางกล่าวว่า “ข้าว่าไม่จำเป็นต้องเทียวไปเทียวมาเลย พักอยู่ที่นี่เถอะ”

หนิวโหย่วเต้าฟังความหมายแฝงในวาจาเขาออก พลันหรี่ตาลงนิดๆ จ้องมองเขา

ก่วนฟางอี๋และลุงเฉินที่อยู่ด้านข้างก็ระแวดระวังขึ้นมาเช่นกัน

ปู้ฟางเอ่ยเสริมว่า “เป็นความประสงค์ของผู้ดูแลหลวง”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “น้ำใจของท่านผู้ดูแลหลวงทำให้ข้าค่อนข้างฉงน”

“อยู่เถอะ รุ่งเช้าวันพรุ่งนี้ผู้ดูแลหลวงจะมาพบเจ้าด้วยตัวเอง” ปู้ฟางกล่าวทิ้งท้ายแล้วเดินจากไป พวกหนิวโหย่วเต้าไม่ได้ออกไป กลับกลายเป็นเขาที่ออกไปก่อน

พวกหนิวโหย่วเต้าถึงอยากไปก็ไปไม่ได้แล้ว มีผู้บำเพ็ญเพียรกลุ่มหนึ่งเฝ้าเรือนหลังนี้ไว้ พวกเขาออกจากเรือนนี้ไม่ได้แล้ว

เดิมทีที่เป็นที่พักของเซ่าผิงปอ เมื่อเซ่าผิงปอหนีไป ตอนนี้กลับกลายเป็นพวกเขาสามคนที่ติดอยู่ที่นี่แทน

“เกิดอะไรขึ้น?” ก่วนฟางอี๋เอ่ยถาม ค่อนข้างวิตกกังวลแล้ว

หนิวโหย่วเต้าขมวดคิ้ว เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น คิดไม่ออกเลยว่าปู้สวินมีเหตุผลใดที่จะต้องจัดการตน

….

“หนีไปแล้วหรือ?” ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

ภายในวังหลวง เฮ่าอวิ๋นถูที่ตรวจราชกิจเสร็จแล้วแช่อยู่ในบ่อน้ำ เตรียมการไว้ว่าหลังแช่น้ำแล้วจะเข้านอนพลันเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจ

ปู้สวินที่ยืนรายงานเรื่องราวอยู่ข้างบ่อน้ำพยักหน้ารับ “พ่ะย่ะค่ะ หนีไปแล้ว พวกเราลงมือช้าไปก้าวหนึ่ง”

“หนีออกจากงานเลี้ยงอย่างนั้นหรือ? มีคนของทางหน่วยข่าวกรองทำข่าวรั่วไหลออกไปหรือไม่?” เฮ่าอวิ๋นถูมีแววตาคลางแคลง ความคิดแรกของเขาคือสงสัยว่าทางฝั่งตนมีหนอนบ่อนไส้หรือไม่ หากว่ากันตามตรงแล้ว การที่เซ่าผิงปอหลบหนีไปได้กลับเป็นเรื่องรอง

ปู้สวินเอ่ยว่า “ข้อนี้ตัดออกได้เลยพ่ะย่ะค่ะ จากคำให้การของผู้คุ้มกันที่ตามอารักขา ช่วงที่อยู่ในงานเลี้ยง เซ่าผิงปอน่าจะออกจากงานเลี้ยงไปก่อนที่ทางเราจะลงมือ อีกอย่าง การกระทำของทางจวนราชทูตแคว้นเว่ยก็เด่นชัดนักว่าช่วยให้เซ่าผิงปอหลบหนีไป ก่อนที่จวนราชทูตจะจัดงานเลี้ยงขึ้น หนิวโหย่วเต้ายังไม่ได้เข้าวังมา ดังนั้นทางเราไม่มีเรื่องใดให้รั่วไหลออกไปพ่ะย่ะค่ะ”

“จวนราชทูตแคว้นเว่ยช่วยเซ่าผิงปอหลบหนี…” เฮ่าอวิ๋นถูเอ่ยพึมพำตกอยู่ในห้วงความคิด แคว้นเว่ยพาตัวคนจากไปแล้ว ตอนนี้กลับนึกเสียใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว เสียใจที่ตนไม่ได้ตัดสินใจสังหารเซ่าผิงปอเสีย เขาเงยหน้าขึ้น เอ่ยเสียงขรึม “เรียกใช้กองกำลังทั้งหมด หากตามตัวพบให้สังหารทันที!”

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะคิดว่าไม่คุ้มกันที่จะแบกรับชื่อเสียงบางอย่างเพื่อหนิวโหย่วเต้า แต่ตอนนี้ไม่มีข้อพะวงที่ว่าเป็นการสังหารพี่ชายพระชายาอิงอ๋องหรือไม่อีกต่อไป แคว้นเว่ยลงมือแล้ว ทำให้ฮ่องเต้พระองค์นี้ตัดสินใจสังหารแล้ว

“พ่ะย่ะค่ะ!” ปู้สวินค้อมกายรับคำสั่ง

….

ณ จวนอิงอ๋อง ปู้ฟางพาคนมาหากลางดึก ลำบากอิงอ๋องเฮ่าเจินที่เข้านอนไปแล้วต้องลุกจากเตียงมา

พอได้ยินว่ามาด้วยพระบัญชาขององค์ฮ่องเต้ เฮ่าเจินไหนเลยจะกล้าไม่ลุกได้

พอพบหน้ากัน เฮ่าเจินถามทันที “ปู้กงกง เสด็จพ่อมีรับสั่งใดหรือ?”

ปู้ฟางที่มีร่างหนากำยำกวาดตามองทุกคนอย่างเย็นชา เอ่ยเนิบๆ ว่า “เหตุใดถึงไม่เห็นพระชายาล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”

“บอกพระชายาอย่าได้ยืดยาด รีบมาเดี๋ยวนี้” เฮ่าเจินส่งคนไปเร่งเซ่าหลิ่วเอ๋อร์ สตรีนี่หนอ กว่าจะจัดแจงแต่งตัวเสร็จก็ค่อนข้างยุ่งยากเสียเวลา

ดังนั้นผ่านไปครู่หนึ่ง เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ก็มาถึงโดยที่แม้แต่ผมก็ไม่ได้หวีให้ดี ปล่อยผมยาวสยายคลุมบ่า

ปู้ฟางก็ไม่ได้ทรมานพวกเขานัก กวักมือเล็กน้อย ผู้ติดตามด้านหลังถือกล่องเดินเข้ามา เดินเข้ามาหยุดเบื้องหน้าพวกอิงอ๋องสามีภรรยา ยื่นให้ทั้งสองดู

เฮ่าเจินไม่เข้าใจเหตุผล ค่อนข้างสงสัย

แต่เซ่าหลิ่วเอ๋อร์เห็นแล้วอกสั่นขวัญแขวน นี่มิใช่กล่องที่นางเอาไปมอบให้พี่ใหญ่หรอกหรือ? ขันทีข้างกายฝ่าบาททราบเรื่องแล้วนำมาส่งมอบให้ยามดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน?

กล่องถูกเปิดออกอีกครั้ง ให้ทั้งสองเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่อง

เมื่อเห็นตั๋วแลกเงินและตั๋วแลกทองที่อยู่ในกล่อง เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ก็ยิ่งแน่ใจขึ้นมา จิตใจตึงเครียด ไม่ทราบเลยว่าเกิดเรื่องใหญ่มากเพียงใดถึงได้ปรากฏสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น

ปู้ฟางเอ่ยถาม “ท่านอ๋อง พระชายา จำของสิ่งนี้ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

เซ่าหลิ่วเอ๋อร์เอ่ยตอบ “นี่คือของกำนัลที่เมื่อวานนี้ข้านำไปมอบให้เซ่าผิงปอพี่ใหญ่ของข้าที่เรือนรับรองแขกต่างแคว้น”

เฮ่าเจินรู้ตัวขึ้นมาทันที แต่ก็แปลกใจขึ้นมาอีกครั้ง ถึงอย่างไรก็เป็นพี่เขยของตน ให้เงินแค่นี้จะเป็นอันใดไป?

ปู้ฟางเอ่ยว่า “ฝ่าบาทถามว่า ทราบหรือไม่ว่าเซ่าผิงปอไปที่ใด? หากทราบให้รีบบอกทันที ไม่อนุญาตให้ปกปิดใดๆ ทั้งสิ้น”

ทางนี้ทราบเพียงว่าเซ่าผิงปออยู่ที่เรือนรับรองแขกต่างแคว้น ไม่ทราบเรื่องอื่นใดอีก

หลังจากสอบถามกันอยู่พักหนึ่ง ปู้ฟางมอบจดหมายที่เซ่าผิงปอทิ้งไว้ให้อิงอ๋อง จากนั้นค้อมกายคำนับลาไป ไม่ได้พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว

กระทั่งแขกจากวังหลวงจากไปหมดแล้ว เกาเจี้ยนโฮ่วที่เพิ่งกลับมาจากไปตรวจสอบสถานการณ์ด้านนอกก็เข้ามารายงานว่าหนิวโหย่วเต้ามาถึงเมืองหลวงแคว้นฉีแล้ว เข้าไปในวังหลวง จากนั้นก็ออกไปจับตัวเซ่าผิงปอพร้อมกับปู้ฟาง แต่คว้าน้ำเหลว ปล่อยให้เซ่าผิงปอหนีไปได้ เป็นทางจวนราชทูตแคว้นเว่ยที่ช่วยเหลือเรื่องหลบหนี

เฮ่าเจินสีหน้าคร่ำเคร่ง ดึงจดหมายในซองออกมาอ่าน หลังอ่านจบก็ยื่นให้กลุ่มคนสนิทเวียนกันอ่าน สุดท้ายถึงได้ตกไปอยู่ในมือของเซ่าหลิ่วเอ่อร์ที่ตกใจและสับสน

พออ่านจดหมาย เซ่าหลิ่วเอ๋อร์แทบจะเหงื่อตกทั่วร่าง ก่อนหน้านี้นางมีเสี้ยวความคิดหนึ่งที่เกือบจะไม่ยอมรับด้วยกลัวว่าจะเกิดปัญหาขึ้น โชคดีที่นางตอบสนองว่องไว นึกถึงว่าอีกฝ่ายนำของมาหาถึงที่จะต้องมีจุดประสงค์แน่

อีกทั้งปู้กงกงคนนั้นมีจดหมายแต่ไม่ยอมนำออกมาก่อน เห็นได้ชัดว่าต้องการดูท่าทีของทางนี้ เมื่อครู่หากตนไม่ยอมรับ ผลลัพธ์ที่ตามมาคงเป็นหายนะ

เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ขาอ่อนเล็กน้อย นึกกลัวขึ้นมาอย่างยิ่ง ตระหนักได้แล้วว่าการอยู่ในราชวงศ์ ทุกย่างก้าวล้วนน่ากลัว โชคดีหรือหายนะขึ้นอยู่กับความคิดชั่ววูบ!

พอได้เห็นจดหมายนางก็เข้าใจแล้ว ถึงได้รู้ว่าเซ่าผิงปอไม่ได้รับเงินนาง คืนเงินให้แก่นางแล้วจากไปโดยไม่ลา!

เฮ่าเจินไม่ค่อยเข้าใจว่าสรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ปู้ฟางออกไปจับกุมเซ่าผิงปอด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ? ใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง คิดจะไปขอความชัดเจนจากหนิวโหย่วเต้าจึงถามออกไป “หนิวโหย่วเต้าล่ะ?”

เกาเจี้ยนโฮ่วตอบว่า “ถูกปู้ฟางคุมตัวไว้ที่เรือนรับรองแขกต่างแคว้นพ่ะย่ะค่ะ”

“คุมตัวหรือ?” เฮ่าเจินผงะไป สับสนยิ่งกว่าเดิม มองบรรดาคนสนิท ผลคือทุกคนล้วนส่ายหน้า ต่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ฝ่าบาทส่งคนบุกมาหาถึงบ้าน ค่ำคืนนี้คนกลุ่มนี้ไม่ทราบเรื่องราวแน่ชัด จึงไม่มีผู้ใดสงบใจข่มตานอนได้ ต่างวิตกกังวล ถูกลิขิตให้เป็นคืนที่ไม่อาจหลับลงได้

……………………………………………………………………..