บทที่ 519 นางช่างน่าค้นหาจริง ๆ!

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 519 นางช่างน่าค้นหาจริง ๆ!

บทที่ 519 นางช่างน่าค้นหาจริง ๆ!

ซูอันจำผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เจิ้งตานได้ นางมีใบหน้ารูปไข่ คิ้วโก่งสวยเข้ารูป และสวมกระโปรงยาวสีทอง บรรยากาศแห่งความสง่างามแผ่กระจายรอบตัวนาง และรอยยิ้มก็ประดับอยู่ที่มุมริมฝีปากเสมอ นี่คือภาพลักษณ์ที่นางฝึกฝนมาตั้งแต่อายุยังน้อย

แล้วยิ่งการที่นางยืนคู่กับเจิ้งตานผู้งดงามไม่แพ้กัน ยิ่งเกิดเป็นภาพที่งดงามขึ้นไปอีก

นางเกือบจะเซมาหาหน้าอกของซูอัน เมื่อเจิ้งตานสะกิดตัวนางให้นางรับรู้

นางมองเจิ้งตานอย่างไม่พอใจเล็กน้อย จากนั้นก็แนะนำตัวกับซูอัน “สวัสดีสหายนักศึกษาซู นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของเรา ข้าคือเซี่ยเต๋าอวิ๋น ข้าหวังว่าท่านจะสามารถให้คำชี้แนะแก่ข้าได้บ้างนับจากนี้”

ซูอันอยากจะยกนิ้วให้นาง นางยังคงสามารถแสดงออกถึงความมั่นใจแม้ในสถานการณ์ที่น่าอายนี้

“แม่นางเซี่ย เจ้าต้องล้อข้าเล่นแน่ ๆ นี่ไม่ใช่การพบกันครั้งแรกของเราอย่างแน่นอน” ซูอันตอบนางด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ

เซี่ยเต๋าอวิ๋นตกตะลึง การที่อีกฝ่ายพูดแบบนี้แปลว่าเขาต้องเห็นนางใน หอสุขนิรันดร์แน่นอน อย่างไรก็ตาม นางก็สามารถควบคุมความตื่นตระหนกและพูดอย่างรวดเร็วว่า “นั่นก็จริง ในระหว่างงานประลองระหว่างตระกูล ข้าเองก็ไปร่วมชมด้วย ดังนั้นท่านพูดไม่ผิดเลยที่เราเคยได้เห็นกันและกันมาก่อน”

เมื่อได้ยินคำพูดตอบสนองที่รวดเร็วนี้จากปากหญิงสาว ซูอันก็เลือกที่จะไม่เปิดโปงนาง “คราวที่แล้วข้าได้เห็นแม่นางเซี่ยจากระยะไกลเพียงอย่างเดียว และเพียงแค่นั้นข้าก็ยังประทับใจในความงามของเจ้าอยู่นานสองนาน แล้วยิ่งตอนนี้ข้าได้พบเจ้าในระยะใกล้ ๆ ข้าก็ยิ่งตระหนักได้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเจ้าแตกต่างจากที่เล่าลือกันมาก”

เซี่ยเต๋าอวิ๋นกัดฟัน ไม่ว่านางจะอดกลั้นเพียงใด การถูกหยอกล้อเช่นนี้ก็ยากที่นางจะทนได้

แต่ก่อนที่นางจะตอบสนองอย่างหงุดหงิด ซูอันได้พูดต่อว่า “ข่าวลือเหล่านั้นจัดได้ว่าขาดไปมาก มันไม่เพียงพอที่จะอธิบายความงามและความโดดเด่นของแม่นางเซี่ยได้เลย ข้าเสียใจที่ไม่ได้เห็นใบหน้าที่งดงามของเจ้าใกล้ ๆ เร็วกว่านี้”

เว่ยสั่วมองอย่างตะลึง ลูกพี่คือลูกพี่จริง ๆ! ทักษะการเกี้ยวสาวของลูกพี่สูงเกินไปแล้ว!

เขาอดไม่ได้ที่จะคิดทบทวนตนเองทำไมข้าถึงเอาแต่นิ่งใบ้เวลาอยู่ต่อหน้าสาวงามด้วย?

เจิ้งตานอดไม่ได้ที่จะมองค้อนซูอัน ผู้ชายคนนี้เต็มไปด้วยกลเม็ดคว้าใจผู้หญิงจริง ๆ!

เซี่ยเต๋าอวิ๋นหน้าแดง ไม่ใช่ทุกวันที่จะเจอคนที่กล้าพูดแบบนี้กับนาง นางจึงรู้สึกตื่นเต้นกับความแปลกใหม่ “สหายนักศึกษาซูชมข้าเกินไปแล้ว…”

เจิ้งตานเอื้อมไปจับมือของเซี่ยเต๋าอวิ๋น “ไว้เราค่อยไปพูดคุยกันต่อในภัตตาคารจตุรทิศเถอะ ข้ากลัวว่านายน้อยหวางอาจจะวิตกกังวลหากรอพวกเรานานเกินไป” นางกล่าว

เซี่ยเต๋าอวิ๋นไม่คัดค้าน นางพยักหน้าให้ซูอัน จากนั้นก็ตามเจิ้งตานเข้าไปในรถม้า

ซูอันหันไปพูดกับเฉิงโซวผิงและทหารตระกูลฉู่ที่รออยู่ที่ประตูสถาบัน

“บอกคุณหนูรองของพวกเจ้าได้เลยว่าข้าจะไม่กลับไปที่ตระกูลกับนางเย็นวันนี้ พวกเจ้าสามารถพานางกลับไปได้เลย”

การหาทางเข้าไปในตระกูลเว่ยนั้นยากพออยู่แล้ว และมันจะยิ่งยากขึ้นอีกหากเขาพาคนอื่นไปด้วย

เฉิงโซวผิงรู้สึกขมขื่นทันที เขาอยากจะตามซูอันไปเปิดโลกให้กว้างขึ้น แต่ไม่เพียงเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปกับนายน้อยเท่านั้น ทั้งยังต้องรับมือกับคุณหนูรองอีกต่างหาก…

เฮ้อ…ชีวิตของข้าช่างเต็มไปด้วยความทุกข์…

เจียวซานเหอและทหารคุ้มกันคนอื่น ๆ ไม่คัดค้านในเรื่องนี้ เฉินเซวียนตายไปแล้ว และอันตรายที่มีต่อซูอันก็ถูกจัดการแล้ว

นอกจากนี้ แม้แต่ลูกสาวของเจ้าเมืองก็ติดตามซูอันไปด้วย เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้ไม่ต้องการการปกป้องเลย

ไม่นานรถม้าทั้งสองคันก็มาถึงภัตตาคารจตุรทิศ สถานที่แห่งนี้เป็นอาคารสูงหลายชั้นที่ตกแต่งหรูหรางดงาม มันเกือบจะให้บรรยากาศเดียวกันกับหอสุขนิรันดร์ แม้ว่ามันจะไม่ครึกครื้นเท่าก็ตาม

หวางหยวนหลงรออยู่ที่ทางเข้าแล้ว เมื่อเห็นรถม้าทั้งสอง หวางหยวนหลงก็รีบเดินปรี่เข้ามาทักทาย “อาซู น้องเว่ย แม่นางเซี่ย แม่นางเจิ้ง…”

หลังจากแลกเปลี่ยนคำทักทาย หวางหยวนหลงก็ก้าวไปด้านข้าง “ทุกคน โปรดเชิญด้านในก่อน แม่นางเจิ้ง ผู้บัญชาการซ่างอยู่ข้างในแล้ว”

เจิ้งตานยิ้ม “ขอบคุณนายน้อยหวาง”

ซูอันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย และรู้ว่าเหตุผลที่เขาเป็นเช่นนี้มันเป็นเพราะผู้ชายทุกคนย่อมรู้สึกหวงแหนคนรักของตนเองจากชายคนอื่น

หวางหยวนหลงอธิบายให้ซูอันฟัง “กองทหารลาดตระเวนลำน้ำก็ช่วยเหลือข้าด้วย ดังนั้นข้าจึงเชิญพวกเขามา ข้าหวังว่าอาซูจะไม่ถือสา”

ซูอันหัวเราะ “ข้าไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น”

กลุ่มของพวกเขามุ่งหน้าขึ้นบันได จำนวนแขกของแต่ละชั้นลดลงเรื่อย ๆ เป็นที่ชัดเจนว่ายิ่งพวกเขาสูงขึ้นเท่าใด สถานะของแขกก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

เมื่อพวกเขาไปถึงก่อนชั้นบนสุดของบันได มีคนกลุ่มหนึ่งอยู่ที่นั่นแล้ว เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้เป็นบุคคลที่อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับชั้นบนสุด แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไป

“นายน้อยหวาง!”

“เป็นกลุ่มคนที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ!”

“นั่นไม่ใช่แม่นางเซี่ย ลูกสาวของท่านเจ้าเมืองหรอกเหรอ? นางทั้งสวยทั้งเก่ง!”

“นั่นแม่นางเจิ้งอยู่ข้าง ๆ! สวยทั้งคู่เลย! แม้ว่าวันนี้ข้าจะขึ้นไปชั้นบนไม่ได้ แต่การได้มองดูพวกนางก็ทำให้การเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าแล้ว!”

ซ่างเชียนที่สูงโปร่งและหล่อเหลาได้ลงมาทักทายคู่หมั้นของเขา หลังจากแลกเปลี่ยนคำทักทายกับคนอื่น ๆ เขาก็มองไปที่เจิ้งตานด้วยแววตาอ่อนโยน “ตานเอ๋อร์ เจ้ามาแล้ว”

เจิ้งตานแอบมองซูอันแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ผู้บัญชาการซ่าง แม้ว่าเราจะหมั้นกัน แต่เรายังไม่ได้แต่งงานกัน ข้าต้องขอให้ท่านอย่าพูดกับข้าอย่างสนิทสนมในที่สาธารณะ”

ซ่างเชียนนิ่งงัน เขาไม่คิดเลยว่านางจะตอบกลับแบบนี้ จึงทำให้เขาอับอายต่อหน้าทุกคน

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ถือสานางสักเท่าไหร่ เพราะคิดว่านางน่าจะยังคงอารมณ์เสียเพราะเรื่องเกาะวาฬ

และอีกเหตุผลคือเขาค่อนข้างชอบด้านแข็งกร้าวของนางด้วย เพราะมันทำให้นางดูเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและน่าค้นหามากยิ่งขึ้น…

ความคิดเหล่านี้ปลอบโยนตัวซ่างเชียนเอง เขายิ้มและพูดต่อ “แม่นางเจิ้งพูดถูก”

ซูอันยิ้ม…ชายคนนี้นับว่ารู้จักเอาตัวรอดจริง ๆ

อย่างไรก็ตาม นี่คือชายผู้สังหารทุกชีวิตบนเกาะวาฬ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าดูถูกอีกฝ่าย

ขณะที่กลุ่มของพวกเขากำลังจะขึ้นไปชั้นบน ผู้ยืนดูคนหนึ่งก็พูดขึ้นเสียงดัง “เดี๋ยวนี้ภัตตาคารจตุรทิศอนุญาตให้ใครที่ไหนก็ได้ขึ้นไปชั้นบนด้วยเหรอ?”

ทุกคนหยุดนิ่ง ชายคนหนึ่งจ้องมองกลุ่มของซูอันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการยั่วยุ