บทที่ 497 ภายในสายธารแห่งความว่างเปล่า

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 497 ภายในสายธารแห่งความว่างเปล่า

บทที่ 497 ภายในสายธารแห่งความว่างเปล่า

“ไม่อยากจะเชื่อ…”

บนแผงควบคุมเรือ ทั้งหมดเฝ้ามองกระสวยภายในจักรวาลรอบ ๆ ที่ส่องสว่างราวดวงดาว ผู้หลบหนีซึ่งอยู่ในสภาพที่มีดอกไม้อยู่บนศีรษะและเส้นผมคล้ายกับเถาวัลย์บ่นพึมพำขึ้นมา

“พวกเรารอดพ้นจากเรือนจำของเทพจักรกลแล้วจริง ๆ”

“ทุกอย่างเป็นเพราะสหายสองคนนั้นช่วยเหลือพวกเรา”

มนุษย์หมาป่าสีขาวตัวใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของตนเอง สีหน้าของเขาเผยความชื่นชมพร้อมกล่าวว่า

“ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ทั้งสองคนจะเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ไม่ต้องกังวล เพราะพวกเขาสามารถแฝงตัวอยู่ในหุ่นกลได้ นั่นแสดงว่าพวกเขาย่อมมีวิถีทางของตนเอง และวิถีทางของพวกเขาย่อมดีกว่าพวกเรามาก”

ชายชราผิวสีฟ้า ชาวอารยธรรมหลันผีที่ไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยเคยพบเจอ ถูกล้อมรอบด้วยเหล่าผู้หลบหนีเดินมาถึงตำแหน่งควบคุม

“ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะต้องกังวลกับพวกเขา กลับสู่โลกของพวกเรา และไปรวมกับสหายคนอื่นที่เหลือเถิด”

“อืม”

ชายผู้ควบคุมเรือเปลี่ยนเข้าสู่โหมดขับเคลื่อนด้วยตนเอง จากนั้นกลุ่มผู้หลบหนีทั้งหมดก็ไปรวมกลุ่มกันอยู่ตรงหน้าชาวอารยธรรมหลันผี ก่อนจะทำความเคารพเขาอย่างสุภาพ

“โปรดชี้แนะแนวทางให้กับพวกเราด้วย ท่านผู้รอบรู้”

ภายในความว่างเปล่า เรือปล่อยเปลวเพลิงออกมาพร้อมพุ่งทะยานไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

ไม่กี่ถ้วยชาหลังจากปล่อยออกไปแล้ว รอยแยกในอวกาศปรากฏขึ้นอีกครั้ง และร่างของไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยจึงปรากฏขึ้นที่นี่

ไป๋ชิวหรานมองไปยังเรือที่อยู่ไกล ๆ จากนั้นใช้สัมผัสเทวะของเขาตรึงตำแหน่งเอาไว้ ก่อนจะเรียกวารีสารทกระจ่างฟ้าออกมาแล้วไล่ตามสิ่งนั้นไปพร้อมกับถังรั่วเวย

เรือบินเร็วขึ้น และไป๋ชิวหรานติดตามไประยะหนึ่ง หลังจากนั้นจึงได้ทราบว่ามันกำลังบินตรงไปในสายธารแห่งความว่างเปล่าที่ระยิบระยับเบื้องล่าง

ไป๋ชิวหรานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะแหวกว่ายในสายธารแห่งความว่างเปล่านี้บ่อยครั้ง แต่เขาก็พาไป๋ซวี่เซียงและเจียงหลานมาที่สายธารแห่งความว่างเปล่า ผูกเชือกตัวเองและทั้งสองก่อนจะลากกันไปมาในแม่น้ำ ซึ่งความอันตรายของสายธารแห่งความว่างเปล่านี้ทุกคนย่อมทราบดี

แม่น้ำสายนี้คือการไหลของพลังเหนือธรรมชาติที่รุนแรงที่สุดภายในความว่างเปล่า แต่ที่มันถูกเรียกว่าสายธารแห่งความว่างเปล่าเพราะมันมีรูปร่างคล้ายกับแม่น้ำ

ไม่ว่าจะเป็นเรือบินของแดนเซียน หรือเรือของหุ่นกล ความจริงแล้วทั้งหมดใช้รูปแบบหรือยันต์เพื่อสร้างปราการป้องกันอันทรงพลัง และใช้กระแสพลังที่สม่ำเสมอเพื่อกำจัดพลังเหนือธรรมชาติที่วุ่นวายภายในสายธารแห่งความว่างเปล่า ด้วยเหตุผลนี้พวกเขาจึงสามารถล่องเรือภายในสายธารนั้นได้! แต่มาตรการควบคุมนั้นหนาแน่นมาก เพราะหากจักรพรรดิเซียนร่วงหล่นลงสู่สายธาร มันจะเกิดอันตรายมากกว่าที่คาดคิด

ไป๋ชิวหรานว่ายน้ำในสายธารแห่งความว่างเปล่าได้เพราะใช้พลังเหนือธรรมชาติที่วุ่นวายเหล่านั้นกดดันจุดจื่อฝูในร่างกาย และหลอมรวมพลังปราณที่แท้จริง

“กองบัญชาการกองทัพลึกลับคิดจะหลบซ่อนตัวอยู่ภายในสถานที่อันตรายเช่นนั้นหรือ?”

ไป๋ชิวหรานหมุนเวียนพลังปราณที่แท้จริงในกาย ก่อนจะเร่งความเร็วติดตามไป

เห็นได้ชัดว่าผู้หลบหนีเหล่านั้นกำลังสิ้นหวัง พวกเขาหนีออกจากเรือนจำเทพจักรกลได้แล้ว จากเดิมที่เป็นคนสิ้นหวังอยู่แล้ว นอกจากมองหาความช่วยเหลือจากผู้อื่น พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่มีเส้นทางที่จะเข้าไปภายในดินแดนแห่งเทพจักรกล ตราบใดที่มีการรายงานความเสียหายของการต่อสู้ที่เรือนจำเซินลาต๋าที่หนึ่งส่งถึงเทพจักรกล เขาย่อมส่งกองกำลังเพื่อมาจัดการกับผู้หลบหนีเหล่านี้ไม่ให้รอดพ้นไปได้

พวกเขามีโอกาสรอดชีวิตได้ด้วยการหลบหนีอยู่ภายในนั้น

ดังนั้นไป๋ชิวหรานจึงไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาตายตกได้ หากผู้หลบหนีเหล่านั้นตายตก เขาจะไม่สามารถหาตำแหน่งหลักของกองกำลังนั้นได้ อีกฝ่ายพยายามซ่อนตัวอยู่ภายในสายธารแห่งความว่างเปล่า ซึ่งจิตสัมผัสเทวะของเขาไม่อาจแผ่ขยายออกไปได้ไกลมากนัก

  

“ข้ารู้สึกว่าพวกเรากำลังมองหาความตาย”

เมื่อมองไปยังแม่น้ำที่สดสวยเบื้องหน้า พวกเขารับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเรือ หูของมนุษย์หมาป่าสั่นเล็กน้อยก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ

“ใช่ ถูกต้อง พวกเจ้าคาดเดาถูกต้อง”

ชายชราผิวสีฟ้าเหลือบมองพวกเขา

“ความตายเท่านั้นที่เราจะสามารถหลบซ่อนตัวจากมหาเทพหุ่นกลได้ นี่คือวิธีเดียว อธิษฐานขอพรจากเทพเสีย…”

“สวรรค์…” มนุษย์ครึ่งยักษาที่มีเกล็ดทั่วร่างกายหัวเราะเยาะตนเองก่อนจะกล่าวว่า “และสิ่งที่พวกเราต้องพบเจอตอนนี้มันไม่ใช่เพราะเทพหรือ?”

“ก่อนจะมาอยู่ในยุคของมหาเทพหุ่นกล เผ่าพันธุ์ของเจ้าไม่มีความเชื่อใดเลยหรือไร?”

ชายชราผิวสีฟ้าเหลือบมองมนุษย์ครึ่งยักษา

“ใครจะทราบว่ามีเทพอยู่ภายในโลกของเรา แต่หลังจากการมาถึงของมหาเทพหุ่นกล ไม่มีใครรู้ว่าเทพเจ้าใดที่สมควรแก่การศรัทธา”

มนุษย์ครึ่งยักษายักไหล่ขณะตอบกลับ

“อืม” ชายชราผิวสีฟ้าครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ “เช่นนั้น… ก็ขอให้เทพเจ้าอวยพรต่อเจ้า”

“เอาล่ะ! ได้เวลาเข้าสู่สายธารแห่งความว่างเปล่าแล้ว!”

สตรีที่เป็นคนขับเรือกัดริมฝีปากแน่นพร้อมกล่าวคำอย่างประหม่า

“จับให้แน่น ข้าจะเร่งความเร็ว!”

ผู้หลบหนีทั้งหมดพยายามเกาะสิ่งรอบตัวที่สามารถยึดเหนี่ยวได้เอาไว้ สตรีผู้นั้นผลักแท่นควบคุมเร่งความเร็วจนถึงขีดสุด และแรงเฉื่อยทรงพลังก็เริ่มกดทับทุกคน ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านพร้อมกรีดร้องออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้

“ข้าควรรู้สึกอย่างไร…” มนุษย์ครึ่งยักษากล่าวเสียงแผ่ว “ยานลำนี้กำลังจะแตกสลาย!”

“ยินดีด้วย!” เมื่อรู้สึกถึงสภาวะไร้น้ำหนัก มนุษย์หมาป่าสีขาวสบฟันแน่นก่อนจะกล่าวตอบ “พวกเจ้าคาดเดาถูกต้องแล้ว”

“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากยานลำนี้แตก?!”

ผู้หลบหนีกรีดร้องขึ้นมาจากด้านหลัง

“พวกเราทั้งหมดก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของสายธารแห่งความว่างเปล่า!”

ชายชราผิวสีฟ้าหันศีรษะกลับมามอง

“รีบอธิษฐานซะเจ้าหนุ่ม!”

“บ้าเอ๊ย…”

จู่ ๆ สตรีที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ผู้ควบคุมก็กรีดร้องออกมา นางหวาดกลัวจนปล่อยมือสองข้างออกจากแท่นบังคับ

“มีพายุแห่งความว่างเปล่าอยู่ตรงหน้า เรากำลังเผชิญหน้ากับมัน”

ทุกคนยืดศีรษะของตนออกมารับชม และทั้งหมดก็มองเห็นสถานการณ์นอกเรือชัดเจน ความจริงแล้วด้านหน้าของเรือมีพายุแห่งความว่างเปล่าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ทั้งสายฟ้าและพลังเหนือธรรมชาติไร้สิ้นสุดกำลังหมุนวนอย่างเชื่องช้า แม้แต่พวกเขาที่อยู่ภายในสายธารแห่งความว่างเปล่ายังมองเห็นความยิ่งใหญ่ของมันได้ชัดเจน

“ฮึ่ม!”

ชายชราผิวสีฟ้าถอนหายใจ จากนั้นตะโกนเสียงดัง

“หนุ่มสาวทั้งหลายเอ๋ย ข้ารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งที่ได้ร่วมเดินทางพร้อมกับพวกเจ้า!”

เขาหยุดชั่วขณะก่อนจะกล่าวเสริม

“อธิษฐานต่อบรรพบุรุษของพวกเรา”

ผู้หลบหนีบางคนสิ้นหวัง บางคนสงบนิ่ง บางคนร้องไห้เบา ๆ และบางคนกำลังสวดอ้อนวอนอย่างเงียบ ๆ

จากผลลัพธ์ที่ได้เห็นก่อนหน้านี้ ภายในไม่กี่ถ้วยชาข้างหน้า พวกเขาจะถูกพายุแห่งความว่างเปล่าฉีกร่างกาย ก่อนจะกลายเป็นเศษเสี้ยวในสายธารแห่งความว่างเปล่าอย่างไร้หนทางหลบหนี

อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปหลายนาที แต่การทำลายล้างในจินตนาการกลับไม่ปรากฏขึ้น

“หืม? ผ่านไปนานเพียงใดแล้ว?”

ผู้หลบหนีเริ่มพึมพำ

“เหตุใดพวกเราจึงยังไม่ตาย?”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น สตรีเถาวัลย์ลืมตาขึ้นพร้อมกับมองหน้าต่างตรงหน้า

“เอ๊ะ?”

นางอุทานเสียงดัง

“ทุกท่าน พายุแห่งความว่างเปล่าแยกออกเป็นสองส่วนแล้ว! พวกเรารอดแล้ว!”