บทที่ 478 ครึ่งอริยะระยะกลาง สาปแช่งอย่างบ้าคลั่ง!

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 478 ครึ่งอริยะระยะกลาง สาปแช่งอย่างบ้าคลั่ง!

หานเจวี๋ยสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง พยายามสงบอารมณ์ โชคดีที่เขายังไม่ได้เริ่มทะลวงขั้น

ต่อไปต้องหาทางป้องกันสถานการณ์เช่นนี้

หานเจวี๋ยเลือกยอมรับการเข้าฝัน เข้าสู่แดนความฝันอย่างรวดเร็ว

ภายในห้องโถงใหญ่สีทองอร่าม หานเจวี๋ยมองเห็นฉิวซีไหล อีกฝ่ายยังคงสูงส่งเลิศล้ำ ทรงอำนาจน่าเกรงขาม

พอหานเจวี๋ยเห็นเขาในท้องพลันสุมไปด้วยเพลิงโทสะ

ให้ข้าดูหน่อยเถอะว่าไอ้เฒ่าทารกอย่างเจ้าจะงัดลูกไม้ใดออกมา!

ฉิวซีไหลเอ่ยเสียงขรึม “เตรียมการช่วงชิงตำแหน่งอริยะเสีย!”

หานเจวี๋ยตอบรับ “อืม”

ฉิวซีไหลถามว่า “ในสำนักของเจ้ามีจักรพรรดิเซียนสองร้อยคนหรือ ดูเหมือนคนเหล่านั้นจะเป็นเผ่าเอกาที่จักรพรรดินีผืนพิภพสร้างขึ้นกระมัง”

“ไม่ผิด”

หานเจวี๋ยตอบรับ เขาไม่กลัวว่าฉิวซีไหลจะรู้อยู่แล้ว

ฉิวซีไหลกล่าวว่า “สำหรับจักรพรรดินีผืนพิภพ เจ้าไม่อาจไว้ใจอย่างเต็มที่ได้ ถึงอย่างไรนางก็แบกรับหนี้โลหิตของเผ่าจอมเวทอยู่ อย่าได้ถูกนางฉุดลากไปด้วย”

“ขอบพระคุณสำหรับคำเตือนจากอริยะท่าน”

“อืม สำหนักพุทธก็เตรียมจะเผยตัวสู่โลกาในไม่ช้านี้ เมื่อถึงเวลาจงส่งฉู่ซื่อเหรินไปดูแลสำนักพุทธเถอะ”

“ขอรับ”

“ส่วนเรื่องแย่งชิงตำแหน่งอริยะ เจ้าต้องหาทางเอาเอง ปราณม่วงอนธการที่จำเป็นสำหรับตำแหน่งอริยะจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความพยายามของเจ้า”

“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบพระคุณความหวังดีของท่าน”

“อืม”

ฉากฝันพังทลายลง

หานเจวี๋ยกลับสู่ความเป็นจริง เริ่มทะลวงขั้นทันที

สำหรับคำพูดของฉิวซีไหล เขาถือว่าเป็นการผายลมทั้งสิ้น

ทะลวงขั้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

ยี่สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยทะลวงขั้นได้สำเร็จ!

ไอพลังมหาศาลแผ่กระจายออกมาจากอารามเต๋าของเขา ทำให้เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นต้องเหลียวมอง

หานเจวี๋ยทะลวงระดับหรือว่าทำความเข้าใจพลังวิเศษอยู่กันนะ

แม้แต่เต้าจื้อจุนที่อยู่ในระดับต้าหลัวก็รู้สึกหายใจไม่ออกเช่นกัน

ห่างชั้นกันมากเกินไปแล้ว!

หานเจวี๋ทำให้ตบะเสถียรพลางตรวจดูหน้าต่างค่าสถานะของตนไปด้วย

[ชื่อ: หานเจวี๋ย]

[อายุขัย: 13987/3, 290, 009, 999, 999, 999, 999, 999]

[เผ่าพันธุ์: เทพมารอนธการ (มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต)]

[ตบะ: ระดับเตรียมเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะกลาง]

[วิชายุทธ์: มหามรรควัฏจักรอนธการ (ระดับมหามรรค) วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา]

[มหามรรค: มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด มหามรรคแห่งกรรม มหามรรคต้นกำเนิด]

….

อายุขัยเพิ่มขึ้นมาเกือบสามเท่า!

ยอดเยี่ยม!

อายุขัยของหานเจวี๋ยในปัจจุบันนี้เข้าใกล้ขั้นอมตะแล้ว แม้แต่แดนเซียนก็ยังไม่แน่ว่ามีจะอายุยืนยาวถึงเพียงนี้

ไม่เลว!

วันหน้าต้องก่อคลื่นลมให้อริยะมิ่งจีได้แน่!

หานเจวี๋ยหลับตาลง ทำให้ตบะเสถียรต่ออย่างเงียบๆ

เวลาผ่านไปอีกสามสิบปี ตบะของเขามั่นคงสมบูรณ์ในที่สุด

จากนั้น เขาใช้เวลาอีกหลายเดินเพื่อยกระดับพลังวิเศษมรรคกระบี่ แล้วฝึกฝนร่างจำลองเทพมารต่อ

ยี่สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยเรียนรู้ร่างจำลองเทพมารเก้าตน อันได้แก่เทพมารอัสนีบาต เทพมารเจ้าเหมันต์ เทพมารอเวจี เทพมารโลหิต เทพมารเยือกแข็ง เทพมารสาดแสง เทพมารเมฆหมอก เทพมารเร้นลับ เทพมารอาฆาต

ตอนนี้ หานเจวี๋ยครอบครองร่างจำลองเทพมารไว้ทั้งหมดยี่สิบสองตนแล้ว!

เมื่อสำแดงร่างจำลองเทพมารทั้งยี่สิบสองตนออกมา ต่อให้อริยะมาโจมตีเขา ก็ยังต้องใช้เวลาถึงสิบลมหายใจ

ระดับที่ต่ำกว่าอริยะลงมา ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด หานเจวี๋ยล้วนสังหารได้ในชั่วพริบตา!

ระดับพลังก้าวหน้าขึ้นเพียงขั้นเดียว ทว่าพลังของหานเจวี๋ยกลับพัฒนาการไปอย่างก้าวกระโดด!

หานเจวี๋ยไม่ได้หลอมกลั่นปราณเทพมารในโลกดาราเพิ่ม แต่หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาเริ่มสาปแช่งอริยะมิ่งจี

อายุขัยเพิ่มคืนมา แถมยังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวด้วย ดังนั้นต้องสาปแช่งเขาเพื่อหาความสำราญ!

ห้าวันผ่านไป

อายุขัยของหานเจวี๋ยเริ่มลดลง

สายตาของหานเจวี๋ยจับจ้องจอหน้าต่างค่าสถานะของตน พลางเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดูไปในเวลาเดียวกัน

[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านได้รับการชี้แนะจากผู้ทรงพลังลึกลับ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[หลงเฮ่าศิษย์ของท่านก่อร่างสร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเข้าสู่แดนต้องห้ามอันธการ]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านฝ่าทะลวงพันธนาการแห่งมรรคาสวรรค์ ก้าวเข้าสู่ระดับครึ่งอริยะ]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านทำความเข้าใจมรรควิถีเผ่าสวรรค์ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[ผานซินสหายของท่านทำลายผนึกเผชิญกับการโจมตีจากเจ้าแห่งมหาเคราะห์โบราณ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[เจียงตู๋กูสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

….

หลี่เต้าคงสำเร็จเป็นครึ่งอริยะ คาดไม่ถึงเลย ทว่าก็ยังนับว่าสมเหตุสมผลอยู่

ถึงอย่างไรหลี่เต้าคงก็เป็นศิษย์ใหญ่แห่งนิกายเหริน ฝ่ามหาเคราะห์มาแล้ว ตบะจะไม่ก้าวหน้าดุจโบยบินได้หรือ

คาดว่าหลี่มู่อีคงมีส่วนช่วยผลักดันไม่น้อยเลย

เจียงตู๋กูที่น่าสงสาร ยามนี้สู้หลี่เต้าคงไม่ได้แล้ว

หานเจวี๋ยสนใจใคร่รู้ในเจ้าแห่งมหาเคราะห์โบราณยิ่งนัก คนผู้นี้เป็นใครกันแน่

วันหลังค่อยลองถามดูแล้วกัน

เขาไม่อาจใช้ระบบวิวัฒนาการเพราะความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัวได้ จำเป็นต้องใช้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง

มิเช่นนั้นในแดนเซียนมีเรื่องราวที่มิอาจหยั่งรู้ได้มากมายเหลือเกิน หากหานเจวี๋ยไล่ถามไปทีละข้อจริงๆ ต่อให้มีอายุขัยมากแค่ไหนก็คงไม่พอให้ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย

อายุขัยของหานเจวี๋ยลดลงอย่างต่อเนื่อง

พันล้านปี!

หมื่นล้านปี!

แสนล้านปี!

ล้านล้านปี!

สองล้านล้านปี!

….

ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

ภายในตำหนักหลังใหญ่ อริยะมิ่งจีขยับมือเดินลมปราณ ต่อต้านพลังสาปแช่งประหลาด

“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการที่สมควรตาย พลังสาปแช่งทวีความแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว ยังกล้าเสแสร้งอยู่อีก ต้องเป็นอริยะแน่นอน!”

อริยะมิ่งจีสบถด่า พลังสาปแช่งครานี้เกินกว่าพลังของระดับครึ่งอริยะไปแล้ว

แต่เขาก็มิได้ตื่นตระหนกลนลาน ยังสามารถต้านทานเอาไว้ได้

เวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไป หัวคิ้วของอริยะมิ่งจียิ่งขมวดมุ่นขึ้นเรื่อยๆ

จิตมารที่เขาสะกดไว้ก่อนหน้านี้โผล่ออกมาอีกครั้ง

“เจ้าเป็นอริยะผู้ยิ่งใหญ่ เหตุใดยังต้องมองสีหน้าของอริยะรายอื่นอีกเล่า”

“เจ้ามิได้พึ่งพามรรควิถีของบรรพชนเต๋า ไม่มีดวงชะตาสำนัก พึ่งพาตนบำเพ็ญจนสำเร็จเป็นอริยะ เจ้าต่างหากเป็นผู้กำหนดชะตา!”

“สำแดงพลังวิเศษทำลายมรรคาเถิด ทำลายมรรควิถีของอริยะทั้งหมดเสีย!”

อริยะมิ่งจีเมินเฉยต่อการปลุกปั่นของจิตมาร ใช้พลังเวทอันไร้ขีดจำกัดปกป้องมรรคจิตของตน

เวลาล่วงเลยไประยะหนึ่ง

พลังเวทของเขาเริ่มไม่มั่นคง พลังสาปแช่งของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการทะยานไปถึงจุดที่น่าหวาดหวั่นแล้ว

“เป็นผู้ใดกันแน่…”

อริยะมิ่งจีเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน พลังสาปแช่งระดับนี้ เขานึกถึงอริยะรายหนึ่ง

อริยะรายหนึ่งที่มิใช่อริยะแห่งมรรคาสวรรค์!

หลี่มู่อีแห่งนิกายเหริน!

มีความเป็นไปได้สูงยิ่ง!

หลี่มู่อีไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย อีกทั้งมิใช่อริยะมรรคาสวรรค์ หากว่าหลี่มู่อีสาปแช่งเขา เขาก็ยากจะทำนายถึงได้จริงๆ

อีกทั้งหลี่มู่อีมีฐานะเป็นเจ้านิกายเหริน ซ้ำยังดูแลอีกสองสำนักเต๋าที่เหลือควบคู่กันไปด้วย หากกำจัดอริยะที่เหลือไป จะเป็นผลดีต่อสำนักเต๋าจริงๆ

อริยะมิ่งจีพลันกระจ่างแจ้งในทันใด แววตาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา

….

ยามที่อายุขัยของหานเจวี๋ยลดลงไปสิบแปดล้านล้านปี ในที่สุดเขาก็เห็นจดหมายเกี่ยวกับอริยะมิ่งจี เขาหยุดสาปแช่งทันที

[อริยะมิ่งจีศัตรูคู่อาฆาตของท่านมรรคจิตปรากฏรอยแตกร้าว จิตมารผงาด เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]

พอแล้ว!

คุ้มค่าแล้ว!

สำหรับอริยะ คิดสาปแช่งให้ตายในครั้งเดียวแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

หานเจวี๋ยเพียงต้องการทรมาน ทรมานเขาให้ตาย

หลังจากพักผ่อนอยู่หลายวัน หานเจวี๋ยก็เริ่มสาปแช่งต่อ ครั้งนี้เขาสาปแช่งฉิวซีไหล

ถึงแม้ฉิวซีไหลจะเคยให้ความช่วยเหลือเขาในมหาเคราะห์ แต่คนผู้นี้คิดจะหลอกใช้เขา ซ้ำยังเอาตำแหน่งอริยะมาล่อลวงเขาอีก

หานเจวี๋ยสาปแช่งฉิวซีไหล เพราะคิดจะตักเตือนเขาเล็กน้อยเท่านั้น

เพื่อกันไม่ให้คนผู้นี้อยู่ว่างจนรัวคำร้องมารบกวนเขาอยู่เรื่อยๆ

สาปแช่งอยู่ห้าวัน หานเจวี๋ยถึงเก็บหนังสือแห่งความโชคร้าย

หานเจวี๋ยลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจเล็กน้อย เริ่มยืดเส้นยืดสาย

นี่เป็นเคล็ดลับที่เขาเรียนรู้มาในชาติก่อน ท่าบริหารอินทรีทะยาน

เป็นเพียงความคะนึงถึงอดีตเท่านั้น หานเจวี๋ยเป็นครึ่งอริยะ ไม่จำเป็นต้องยืดเส้นยืดสาย

เขาทำกายบริหารพลางใช้พลังจิตสอดส่องสถานการณ์ภายในอาณาเขตเต๋าไปด้วย

ระยะนี้มีสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าหลายชนิดแปลงกลายได้แล้ว ล้วนเป็นเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้ารายก่อนๆ ที่ติดสอยห้อยตามหานตั้วเทียน มาเยี่ยมๆ มองๆ สอดส่องลู่ทางในเขตเซียนร้อยคีรีเป็นครั้งคราว ไม่ทราบเช่นกันว่ากำลังหาลู่ทางทำอะไรอยู่

………………………………………………………