War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1861
ตอนที่ 1,861 : ผู้คนทั้งหมดตะลึงงัน!
บึม!
บึม!
…
เสียงสนั่นลั่นดังปานระเบิด เป็นปีกคู่สีทองด้านหลังต้วนหลิงเทียนสะบัดกระพืออย่างแรง! แรงเสียจนมวลอากาศแตกระเบิด บังเกิดสายลมแรงปานใต้ฝุ่นปะทุออกไปด้านหลังปานไอพ่น!!
เผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงในฉับพลันนี้ ก่อนที่ใครจะทันรู้ตัว สีหน้าของผู้นำตลาดมืดหยินชานตู้กู จ้าวตำหนักเมฆาครามต้วนหรูเฟิง และผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรถึงกับเปลี่ยนแปลงไปใหญ่หลวง!
ใบหน้าตู้กูเผยทีท่าราวกับ ได้เห็นสิ่งที่คาดเอาไว้
ใบหน้าต้วนหรูเฟิงเผยความประหลาดใจ
ส่วนตี้ชานนั้นเลวร้ายที่สุด ใบหน้ามันบิดเบี้ยวอัปลักษณ์! ในแววตาท่วมท้นไปด้วยความตกใจไม่อยากจะเชื่อ!
ซู่มมม!!
ในสายตาของทั้ง 3 ร่างสีทองพุ่งไปคล้ายดาวตกลัดฟ้า จี้ตรงเข้าใส่ตี้จิ่วด้วยความเร็วสูง!
ความเร็วสูงที่ว่า..มันสูงจนไม่ได้ด้อยไปกว่าความเร็วของตี้จิ่วแม้แต่น้อย!
ต้องทราบด้วยว่าความเร็วในปัจจุบันที่ตี้จิ่วใช้ออก แม้จะไม่ได้เป็นความเร็วสูงสุด ทว่าก็แตะขอบเขตความเร็วสูงสุดเท่าที่เซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดจะใช้ได้แล้ว!
และความเร็วที่ต้วนหลิงเทียนปะทุออกมา ก็ทัดเทียมได้กับของมัน!
“นะ…นายน้อย ที่แท้เป็นเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดงั้นหรือ!?”
“เป็นไปไม่ได้”
“นี่มันบ้าอะไร!?”
ไม่ว่าจะเป็น กู่มี่ ของตำหนักเมฆาคราม สองรองผู้นำตลาดมืดหยินชาน หรืออาวุโสเผ่าพันธุ์มังกรอันเป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บรวมไปถึงมังกรเทพยาดา 4 กรงเล็บ สีหน้าของพวกมันตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากตี้จิ่ว…ตกตะลึง!
เพราะฉากเรื่องราวเบื้องหน้าอยู่เหนือสามัญสำนึกของพวกมันมากเกินไป ความเร็วนั่นมันไม่ใช่อะไรที่อริยะเซียนขั้นกลางจะใช้ออกได้เลย!
อริยะเซียนขั้นกลางกลับมีความเร็วทัดเทียมเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!?
ล้อกันเล่นหรือ!?
“นั่นมันเวทย์พลัง!”
เมื่อกู่มี่และคนอื่นๆคืนสติกลับมารู้สึกตัว ในบรรดาพวกมันไม่ว่าจะเป็น ตู้กู ต้วนหรูเฟิง หรือตี้ชานก็มองออกถึงบางสิ่ง
เหตุผลที่ความเร็วของต้วนหลิงเทียนสูงถึงขนาดนั้น สมควรเป็นเพราะเวทย์พลังรูปปีกสีทองนั่น!
ส่วนกลิ่นอายพลังที่ปะทุออกทั่วร่างนั้น ความเข้มแข็งของไอพลังเป็นของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนมนุษย์แน่ๆ! แต่ยังอยู่ราวๆเซียนมนุษย์ขั้นกลางเท่านั้น!!
ทว่าด้วยพลังเท่านั้นกลับบรรลุความเร็วระดับนี้ได้…ก็บ่งบอกให้พวกมันรู้ชัดประการหนึ่ง! เวทย์พลังที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกไม่ธรรมดา!!
และระดับของเวทย์พลังนี้ ทำให้ในใจของพวกมันอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก…
เป็นเวทย์พลังระดับสูง!!
ยิ่งไปกว่านั้นต้วนหลิงเทียนกลับสามารถควบคุมใช้เวทย์พลังดังกล่าวได้อย่างชำนิชำนาญ! เห็นได้ชัดว่าเข้าใจถึงแก่นแท้เวทย์พลังนี้แล้วเป็นแน่!
หาไม่แล้วความเร็วคงไม่เหลือเชื่อเกินจริงขนาดนี้!
“เซียนอมตะข้ามภพ!!”
ด้วยปีกอีกาทองคำ ต้วนหลิงเทียนที่พุ่งทะยานเข้าใส่ตี้จิ่ว ก็มีความเร็วที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าตี้จิ่วเลย…
และในขณะที่ตี้จิ่วพึ่งตอบสนองเรื่องราว หน้ามันก็จำต้องบิดเบี้ยวอีกครั้ง เพราะร่างต้วนหลิงเทียนเริ่มสั่นไหวจนกลายเป็นพร่าเลือน!!
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
พริบตาต่อมาประหนึ่งผีหลอกกลางวันแสกๆ กลับมีร่างแยก 2 ร่างที่แลดูเหมือนต้วนหลิงเทียนไม่มีผิดเพี้ยนแยกตัวออกไปอยู่ด้านข้างทั้งซ้ายขวาของต้วนหลิงเทียน! และจากการที่ร่างพร่าเลือนเมื่อครู่ก็มิอาจบอกได้ว่าร่างต้นต้วนหลิงเทียนคือคนไหน!!
เพราะร่างแยกแต่ละร่างพวกมันไม่ใช่แค่แลดูเหมือนต้วนหลิงเทียนเท่านั้น แต่ละร่างยังมีคู่ปีกอีกาทองคำอยู่ด้านหลัง กระทั่งถือกระบี่ 10 อาคมเซียนเอาไว้ด้วยกันทั้งคู่! ประหนึ่งร่างอวตารถอดแบบเสมือนจริงก็ไม่ปาน!!
นี่คือเวทย์พลังระดับสูง เซียนอมตะข้ามภพ!
นับตั้งแต่ต้วนหลิงเทียนได้ชำนาญปฐมเวทย์กลืนกินแล้ว เขาก็ใช้เวลาที่เหลือทำความเข้าใจและเพาะสร้างเวทย์พลังเซียนอมตะข้ามภพต่อทันที ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรนักเพราะเวลามันเหลือน้อยเกินไป…แต่สุดท้ายเขาก็สามารถเพาะสร้างต้นแบบ จนประสบความสำเร็จได้ในเวลาอันสั้น!
แน่นอนว่าหลังทำได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ชัดเจน ว่าทำไมเขาถึงประสบความสำเร็จในการเพาะสร้างเวทย์พลังนี้ได้ในเวลาอันสั้น…ทั้งหมดล้วนต้องขอบคุณ ยอดใจกระบี่!
‘ยอดใจกระบี่’ เป็นเคล็ดบำเพ็ญจิตเต๋ากระบี่สูงสุง แก่นแท้และความลึกล้ำของมันนั้น เสมือนหนทางสู่แก่นแท้ของวรยุทธ์ทั้งมวล ราวกับหากบรรลุเพียงหนึ่ง กลับลึกซึ้งได้ถึงหมื่นพันวิถี!!
ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาทำความเข้าใจวรยุทธ์เซียนอื่นใด หรือทักษะวิชาต่างๆมากมายเหมือนเก่า
และในขณะที่พยายามตีความเคล็ดเวทย์พลังระดับสูงอย่างเซียนอมตะข้ามภพอยู่นั้น ต้วนหลิงเทียนก็พบอีกว่า…
แก่นแท้ ของยอดใจกระบี่นั้น ไม่เพียงแต่จะครอบคลุมถึงวรยุทธ์วิชา…กระทั่งยังมีบางส่วนเป็นแนวทางเดียวกันกับเซียนอมตะข้ามภพเช่นกัน!
และนั่นทำให้เขาใช้เวลาในการเพาะสร้างเซียนอมตะข้ามภพเพียงแค่ครึ่งเดียวของปฐมเวทย์กลืนกินเท่านั้น
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะเพาะสร้างเซียนอมตะข้ามภพได้สำเร็จ หากแต่ความเข้าใจของเขาก็ยังอยู่ในขั้นตอน พื้นฐานเท่านั้น ซึ่งทำให้สร้างร่างแยกออกมาได้แค่ 2 ร่างเท่านั้น
ถึงแม้ร่างแยกอวตารที่ถูกสร้างขึ้น 2 ร่างจากเวทย์พลังเซียนอมตะข้ามภพ จะอ่อนด้อยกว่าร่างต้น แต่มันก็อ่อนด้อยกว่าเพียงเล็กน้อย…
ด้วยความที่ตอนนี้ ยอดใจกระบี่ ของต้วนหลิงเทียน เจียนบรรลุถึงขอบเขตที่ 3 เต็มที ยามผสานใช้ร่วมจึงทำให้เวทย์พลังเซียนอมตะข้ามภพนั้นทวีความร้ายกาจขึ้น! จนพลังจู่โจมโดยของแต่ละร่างกลับเทียบได้กับเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญ!!
ทำให้การรวมพลังกัน จากการโจมตีของร่างแยกอวตารทั้ง 2 ทำให้พลังจู่โจมของต้วนหลิงเทียนพุ่งทะยานขึ้นไปจนเทียบได้กับเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด!!
วู้ม! วู้ม! วู้ม!
หนึ่งร่างต้น 2 ร่างแยกอวตารพุ่งทะยานแยกย้ายไป 3 ทิศทาง ค่อยจี้กระบี่พุ่งยิงรังสีกระบี่สังหารไปยังตี้จิ่วอย่างพร้อมเพรียง!
รังสีสังหารกระบี่ 3 สายพุ่งแหวกฟ้าฉับไว แม้จะยิงออกมาต่างมุม หากแต่ทิศทางล้วนบรรจบที่ร่างตี้จิ่ว ทำให้ตี้จิ่วยากจะหลีกหลบไปไหนได้!
‘บัดซบ! ไฉนมันถึงร้ายกาจได้ขนาดนี้!!’
นี่เป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นในใจของตี้จิ่ว หลังเห็นต้วนหลิงเทียนปะทุพลัง พุ่งร่างออกมาด้วยความเร็วสูง
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้า เป็นอะไรที่ใจมันยากจะยอมรับได้
เมื่อ 5 ปีที่แล้วอีกฝ่ายเป็นเพียงมดปลวกตัวกระจ้อยที่ยังไม่บรรลุเซียนดั้งเดิมด้วยซ้ำ มันจะบี้ยีให้แหลกคามือตอนไหนก็ได้! ทว่าหลังจากวันนั้นผ่านไป 5 ปี พลังของอีกฝ่ายกลับเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ กระทั่งมันยังไม่แน่ใจว่ากำลังฝันไปหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจอรังสีกระบี่สังหาร 3 สาย ตี้จิ่วไม่มีเวลาครุ่นคิดอะไรให้มาก มันดึงสติกลับมาจดจ่อเรื่องตรงหน้าทันที
‘ถึงแม้ข้าจะมีพลังเหนือมัน แต่ตอนนี้ข้ากลับต้องเสียเปรียบเพราะข้าประมาทมันตั้งแต่แรก! ถึงตอนนี้จะเร่งเร้าพลังมากเพียงใดก็สายเกินกว่าที่จะเอาชนะ 3 กระบี่นี้ของมันได้…เว้นเสียแต่ข้าจะคืนร่างเดิม!’
สองตาเห็นรังสีจี้เข้ามาฉับไว ใจก็ครุ่นคิดคร่ำครวญไปปานฟ้าผ่า
เพราะมันประมาทดูเบาต้วนหลิงเทียนแต่แรก มันจึงเลือกจะใช้พลังในระดับเซียนมนุษย์ขั้นสุดยอดเท่านั้น
ตอนนี้พอเจอต้วนหลิงเทียนพุ่งร่างฉับไวด้วยความเร็วทั้งลงมือจู่โจมมาด้วยพลังโจมตีที่ไม่ด้อยกว่าเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด! ทำให้มันรู้สึกมือเท้าพันกันอยู่บ้าง!!
ภายใต้สถานการณ์ที่อีกฝ่ายปะทุพลังลงมือดุร้าย กับมันที่ออมพลังพุ่งเข้ามา…มันย่อมไม่มีเวลาเร่งเร้ารวบรวมพลังอะไรได้มาก!
นอกเสียจากมันจะหวนคืนสู่ร่างเดิม! ร่างที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์มังกร!!
อย่างไรก็ตาม การที่มันต้องคืนร่างที่แท้จริงทั้งๆที่พึ่งเริ่มสู้กับต้วนหลิงเทียนแบบนี้ นับเป็นความอัปยศและพาลให้เสียหน้าครั้งใหญ่!
เช่นนั้นมันจึงล้มเลิกความคิดดังกล่าวไปแทบจะทันที
ขวับ!
สุดท้ายในห้วงเวลาวิกฤต ยามต้องเผชิญหน้ากับรังสีกระบี่สังหารทั้ง 3 สายของต้วนหลิงเทียน ตี้จิ่วได้แต่เรียกดาบใหญ่แลดูหนักเอาเรื่องออกมา และเห็นได้ชัดว่ามันเป็นศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนจารึกไว้ถึง 10 อาคมเช่นกัน!!
“ทลายขุนเขาสะบั้นลำน้ำ!”
ดาบมหึมาเปี่ยมด้วยอาคมเซียน 10 อาคมเปล่งพลังอำนาจ พาลให้กลิ่นอายพลังทั่วร่างของตี้จิ่วแปรเปลี่ยนไปทันใด คนคล้ายกลับกลายเป็นดาบใหญ่เล่มหนึ่ง!
ขณะเดียวกันพลังอำนาจของขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นก็เริมแผ่พุ่งออกมา
แน่นอนว่ามันไม่มีเวลาควบรวมผนึกพลังอะไร ได้แต่ปะทุพลังออกมาอย่างฉุกละหุกเท่านั้น
อย่างไรเสียดาบใหญ่ที่ฉาบพลังฉุกละหุกดังกล่าว ยังแฝงไปด้วยพลังจากเคล็ดวรยุทธ์เซียนที่มันฝึกปรือ แถมยังผสานไปด้วยเวทย์พลังดาบสายจู่โจมขั้นกลางอันเรียกว่า ทลายขุนเขาสะบั้นลำน้ำ! จึงมีพลังทำลายไม่ใช่ชั่ว!!
วู้มมม!!
เสียงดาบกู่ร้องดังขึ้น! ตี้จิ่วเลือกฟาดดาบออกไปด้วยท่วงท่าอันเรียบง่าย ซัดรังสีพลังดาบสะบั้นสายหนึ่ง จี้ไปยังหนึ่งในร่างต้วนหลิงเทียน ด้วยสภาวะปานจะผ่าสะบั้นให้แหลกเป็นเสี่ยงๆ
แน่นอนว่ารังสีดาบที่ฟันฟาดซัดไป ก็ทำได้แค่เล็งทำลายรังสีพลังกระบี่สังหาร 1 สาย กับ 1 ในร่างต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 เท่านั้น…
พร้อมกันนั้นเองหลังจากที่ซัดรังสีดาบไปแล้ว ตี้จิ่วก็พยายามรีดเค้นปราณแรกกำเนิดขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นของมันอย่างเร็วที่สุด ผนึกควบลงตัวดาบอีกครั้ง วาดฟันออกไปอีกครา ใส่รังสีพลังกระบี่สังหารอีกสายของต้วนหลิงเทียน ที่กำลังพุ่งเข้ามา!
ซู่มม!!
ปง!!
ฉัวะ!!
เสียงรังสีดาบของตี้จิ่วพุ่งแหวกฟ้าฉับไวทำลายรังสีกระบี่สังหารของร่างแยกต้วนหลิงเทียน กระทั่งพุ่งไปโดยไม่สิ้นสภาวะ ผ่าสะบั้นทลายร่างแยกดังกล่าวจนระเบิดหายไป!
ปงง!!
ส่วนอีกดาบที่ตี้จิ่วเร่งผนึกพลังฟาดฟันก็ทำได้แค่ผ่าทำลายรังสีกระบี่สังหารอีกสายเท่านั้น
ซู่มม!!
ฉัวะ!!
และมันก็ไม่อาจวกดาบมาต้านทานรังสีกระบี่สังหารอีกสายของต้วนหลิงเทียนได้ทัน ทำได้แค่เบี่ยงตัวหลบเต็มกำลัง! อนิจจารังสีกระบี่ยังทะลวงไหล่ตี้จิ้วจนทะลุ โลหิตพวยพุ่งออกมาดั่งสายน้ำพุ!
ปงงง!!
ในขณะที่โลหิตทะลักไหลออกมาปานสายน้ำพุ ตี้จิ่วไม่ทราบใช้ออกด้วยเคล็ดวิชาอะไร หากแต่มวลพลังทั่วร่างพลันปะทุระเบิดออกสนั่นฟ้า! ส่งร่างมันให้พุ่งถอยหลบออกไปด้วยความเร็วอัศจรรย์ หลบร่างต้นของต้วนหลิงเทียนและอีก 1 ร่างแยกอวตารที่จี้กระบี่เข้ามาได้ทันเวลา…
วู้ม! วุ้ม!!
หากทว่าเรื่องที่ตี้จิ่วคิดหลบหนี ไหนเลยต้วนหลิงเทียนจะไม่ทราบได้! ร่างคนทั้งร่างแยกอวตารที่พุ่งเข้ามา พลันหักเหเปลี่ยนทิศทางติดตามมันไป!กระบี่ยังตวัดฟันฟาดออกไปพร้อมกัน หมายผ่าฟันร่างตี้จิ่วให้แยกเป็นเสี่ยง!!
เชียะ!!
อนิจจาคมกระบี่ทำได้แค่เฉือนเขาผิวเนื้อมันเท่านั้น ไม่อาจกินลึกจนสร้างบาดแผลฉกรรจ์! เพราะตี้จิ่วจะดีจะร้าย พลังที่มันปะทุระเบิดออกเพื่อส่งร่างหลบหนีก็เป็นพลังของขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้น! ความเร็วจึงเหนือกว่าขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดของต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง!!
ทำให้กระบี่ที่ฟันออก ทำได้แค่เรียกเลือดจากร่างมันเพิ่มเท่านั้น แต่ไม่ส่งผลกระทบอันใดต่อพลังความแข็งแกร่งของมัน
วูบ! วูบ!
ภายใต้สายตาของผู้คนในหุบเขา ร่างตี้จิ่วพุ่งทะยานเตลิดหนีไปกว่าร้อยหมี่ค่อยหยุดลง
กลับกัน ต้วนหลิงเทียนที่ตวัดกระบี่ถากเนื้อตี้จิ่วได้หยุดร่างค้างกลางหาว ก่อนที่จะเรียกร่างแยกอวตารให้พุ่งกลับเข้ามาหลอมรวมกับตัวเพื่อถนอมพลัง คนถือกระบี่สีมืดชี้ลงพื้น สายตามองทอดไปยังร่างที่เตลิดหนีออกไปไกลห่างอย่างสงบ…
ทุกเรื่องราวบังเกิดขึ้นในชั่วพริบตา สุดที่สายตาคนทั่วไปอันมีพลังฝึกปรือไม่ถึงขั้นจะมองติดตามได้ทัน
อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะมองการปะทะที่เกิดขึ้นก่อนหน้าไม่ออก แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น โดยมีตี้จิ่วโชกเลือดพุ่งหนีออกไปไกลห่าง กับต้วนหลิงเทียนที่ยืนอย่างสงบ ย่อมบ่งบอกให้พวกมันรู้ชัด…ว่าผู้ใดสูงผู้ใดต่ำผู้ใดมีเปรียบเสียเปรียบ!
“ปะ…เป็นไปได้อย่างไร”
ลูกตาของรุ่นเยาว์เผ่าพันธุ์มังกรยามนี้แทบถลนออกเบ้า ปากยังอ้าค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“นี่ข้าฝันไปหรือไม่?”
เผ่าพันธุ์มังกรหลายคนเอื้อมมือไปหยิกต้นขา บ้างก็ลองตบๆหน้าตัวเองดู เพื่อตรวจสอบดูว่าใช่พวกมันกำลังฝันอยู่หรือไม่ พอความเจ็บจี๊ดแล่นวาบถึงหัวพวกมันจึงได้รับทราบ
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าที่สองตาแลเห็นเป็นความจริง ไม่ใช่ภาพฝัน!
การปะทะกันครั้งแรก…ต้วนหลิงเทียนได้รับชัยชนะ!
“นายน้อยตำหนักเมฆาคราม มิใช่มีพลังฝึกปรือขอบเขตอริยะเซียนขั้นกลางหรือไร…ตี้จิ่วก็มิใช่เซียนปฐพีขั้นต้นหรอกหรือ? ผู้ใดสามารถบอกข้าพเจ้าได้บ้าง…ว่านี่มันเรื่องอันใดกันแน่!? ไฉนกลับเกิดอะไรเช่นนี้ได้!?”
ใบหน้าของคนจากขุมพลังกึ่งชั้น 3 ทั้งหลายก็อึ้งตะลึงเป็นไก่ตาแตก
“สวรรค์! นี่หรือการปะทะกันระหว่างอริยะเซียนขั้นกลางกับเซียนปฐพีขั้นต้น! มารดามันเถอะไฉนเร้าใจข้าถึงเพียงนี้!!”
หลายคนอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม
แน่นอนว่าผู้ที่ไม่อาจแลเห็นก็ได้แต่งุนงงสงสัยว่านี่มันเรื่องราวอะไรกัน…
ส่วนผู้ที่แลเห็นฉากเรื่องราวเมื่อครู่ ก็อึ้งค้างไปแล้ว
นั่นเพราะฉากการปะทะก่อนหน้าทำให้พวกมันตะลึงงันไปแล้วจริงๆ
“ความเร็วของนายน้อยตำหนักเมฆาครามมิคาดกลับเทียบได้ถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ข้นสูงสุด…ส่วนพลังโจมตีก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดเลย…”
ตัวตนชนชั้นอาวุโสของขุมพลังกึ่งชั้น 3 คนหนึ่งกล่าวออกเสียงเข้ม
“แต่…”
ทว่าหลังจากที่มันกล่าวจบ มันก็ได้แต่ชักสีหน้าสับสนไม่เข้าใจ ไถ่ถามออกมาด้วยน้ำเสียงสงสัย “ยังมีผู้ใดบอกข้าได้บ้าง…ว่าไฉนยามข้าตรวจสอบพลังฝึกปรือของนายน้อยตำหนักเมฆาครามถึงมีเพียงอริยะขั้นกลาง? ในโลกยังมีอริยะเซียนขั้นกลางที่สามารถสำแดงพลังได้ถึงขั้นนี้ด้วยหรือ?!”
อันที่จริงก็ไม่ใช่มันคนเดียวที่สงสัย
กระทั่งชนชั้นอาวุโสของเผ่าพันธุ์มังกร รวมทั้งตัวผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรอย่างตี้ชานเองสงสัยเช่นกัน แถมสีหน้ายังมืดดำปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก!
เพราะพวกมันเสมือนถูกหลอกลวงครั้งใหญ่!