ตอนที่ 500 นางหนู รอมยิ้มของเจ้าดูปลอมเหลือเกิน
“ที่จริงตอนยกออกจากหม้อนึ่ง มันก็ดูน่ากินอยู่หรอกพ่ะย่ะค่ะ แต่ระหว่างที่กระหม่อมเอามาก็ไม่ทันระวังจึงทำให้มันเสียรูปทรง บุตรสาวของกระหม่อมยังทำ ‘ขนมซานเย่าฝูหลิง’ อีกอย่าง มีผลดีต่อม้ามและกระเพาะเช่นกัน คราวหน้ากระหม่อมจะเอากลับมาถวาย…”
หมินอ๋องหยิบชิ้นที่หน้าตาดูไม่ได้ที่สุดขึ้นมาแล้วกัดกินจนเกือบหมดก้อน จากนั้นก็หรี่ดวงเนตรลงอย่างผู้ที่เพลิดเพลินกับอาหารโอชะ…อร่อย ! ฝีมือบุตรสาวไม่ใช่แค่การพูดโอ้อวดจริง ๆ !
ท่าทางการเสวยอาหารของหมินอ๋องสามารถดึงดูดให้คนมองอยากอาหารมากขึ้น ฮ่องเต้หยวนชิงเห็นอีกฝ่ายเสวยอย่างเอร็ดอร่อย จึงอดไม่ได้ที่จะชิมเค้กในพระหัตถ์ พอได้ลองชิมแล้วก็ไม่อาจควบคุมพระองค์เองได้อีกต่อไป เค้กพุทราแดงในพระหัตถ์จึงโดนเสวยหมดภายในไม่กี่คำ
หัวหน้าขันทีมีดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ…ช่วงหลายวันนี้ฮ่องเต้เบื่ออาหารมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเครื่องเสวยมื้อใด พอชิมได้สองคำแล้วก็รับสั่งให้ยกออกไป เค้กพุทราแดงที่ดูแสนจะธรรมดานี้กลับทำให้ฮ่องเต้เสวยหมดชิ้นในเวลารวดเร็ว
ทว่าชั่วอึดใจก็เสวยขนมไปตั้งหนึ่งชิ้นแล้ว จะเป็นเรื่องดีจริงหรือ ? หัวหน้าขันทีสับสนและไม่รู้ว่าควรทูลเตือนฮ่องเต้ดีหรือเปล่า
“อืม รสชาติไม่เลวจริง ๆ !” โชคดีที่ฮ่องเต้หยวนชิงมีความสามารถด้านการควบคุมพระองค์เองเหนือกว่าคนปกติ ทรงควบคุมความปรารถนาเก่งมาก หลังจากเสวยเค้กพุทราแดงหมดหนึ่งชิ้นแล้วก็หยุดเสวยทันที
แม้หมินอ๋องจะยังอาลัยอาวรณ์ต่อเค้กพุทราแดงของ ‘บุตรสาว’ มาก แต่พอเห็นฮ่องเต้โปรดปราน พระองค์ก็ทิ้งขนมอีกสามชิ้นที่เหลือไว้ในวัง
วันนี้ หลังจากเข้าประชุมประจำราชสำนักแล้ว หมินอ๋องก็ได้ยินว่าตอนที่ฮ่องเต้เสวยมื้อเช้าก็เสวยได้มากกว่าเดิม เค้กพุทราแดงที่เหลือไว้ให้ 3 ชิ้น เมื่อคืนขณะอ่านฎีกาพระองค์ก็เสวยไปอีก 2 ชิ้นและตอนเช้ายังเสวยไปอีก 1 ชิ้น…ฮึ! สูตรอาหารบำรุงของบุตรสาวใช้ได้ผลจริง ๆ !
ส่วนหลินเว่ยเว่ยที่โดนขโมยเค้กพุทราแดงไปตั้งห้าชิ้นก็ได้แต่ทำเพิ่มอีกเตา เค้กพุทราแดงและขนมซานเย่าฝูหลิง นอกจากให้ติงหลิงเอ๋อร์นำกลับไปสองสามชิ้นแล้ว นางก็แบ่งขนมอย่างละชิ้นไปให้ยายเจิ้งได้ชิมบ้าง
หลังรับประทานอาหารเสร็จ ขณะมองเค้กพุทราแดงบนโต๊ะ หลินเว่ยเว่ยก็รู้สึกสงสัยมาก “บัณฑิตน้อย เจ้าคิดว่าเค้กพุทราแดงของพวกเราหายไปไหนกันแน่ ? ”
“แน่นอนว่าต้องมีคนถือโอกาสหยิบไป” ฮึ แม้การกระทำของคนผู้นั้นจะว่องไว แต่ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของเจียงโม่หานไปได้
หลินเว่ยเว่ยได้ยินเขาพูดด้วยความมั่นใจ จึงรีบถามต่อ “ใครหยิบไป ? เจ้าเห็นหรือ ? ”
เจียงโม่หานพยักหน้าพลางใช้นิ้วเขียนคำว่า ‘หมิน’ ลงบนโต๊ะ
หลินเว่ยเว่ยทำตาโตทันที “เจ้าจะบอกว่า…” นางทำปากพูดคำว่า ‘หมินอ๋อง’ ออกมา และเจียงโม่หานพยักหน้ารับเบา ๆ
“จะเป็นเขาได้อย่างไร ? เขาจะมาที่บ้านหลังเล็ก ๆ ของพวกเราเพื่ออะไร ? คงไม่ได้อยากเอาผิดที่ข้าล่วงเกินคราวก่อนหรอกกระมัง ? ” ใบหน้าของหลินเว่ยเว่ยฉายอารมณ์ห่อเหี่ยวแล้วห่อเหี่ยวอีก ไม่ได้บอกว่าหมินอ๋องเป็นผู้มีน้ำพระทัยกว้างขวางหรอกหรือ ? แล้วจะตามมาเอาเรื่องอีกทำไม ?
เจียงโม่หานลูบศีรษะน้อย ๆ ของนางพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถิด เขาไม่ได้มาเอาผิดเจ้าเรื่องนั้นหรอก หรือเจ้าก็ไม่เชื่อข้าแล้ว ? ”
“เชื่อสิ ! แต่…เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาจะไม่เอาผิดข้า ? ” หลินเว่ยเว่ยไม่เข้าใจว่าหมินอ๋องทำไปเพื่ออะไร แอบเข้ามาในบ้านนาง ไม่พูดอะไรสักอย่างทั้งยังไม่เผยตัวตน แต่หยิบขนมของนางไปหลายชิ้น…ช่างเป็นคนที่ประหลาดเกินไปแล้ว !
“เพราะหมินอ๋องชื่นชมนักสู้ เขาป่าวประกาศในกองทัพว่าหากใครสามารถสู้กับเขาได้ถึงสิบกระบวนท่า เขาจะเลื่อนตำแหน่งให้คนผู้นั้นเป็นรองแม่ทัพ…”
“แล้วผลลัพธ์คือ ? ” หลินเว่ยเว่ยนึกถึงตอนที่ประมือกับหมินอ๋อง อีกฝ่ายมีวรยุทธร้ายกาจจริง ๆ แม้นางจะมีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่กำเนิด แต่ก็ต้องฝืนทนเพื่อไม่ให้พลาดท่า แต่หากนานกว่านั้นนางไม่มีทางชนะได้แน่นอน
เจียงโม่หานส่ายหน้าเบา ๆ “ผลลัพธ์ทำให้เขาผิดหวังมาก…เพราะคนที่สามารถสู้กับเขาได้หลายกระบวนท่าโดยไม่พ่ายแพ้ จนถึงตอนนี้ยังมีแค่เจ้าคนเดียว ! ”
หลินเว่ยเว่ยยกมือเท้าคางพลางเอียงศีรษะมองเขา “จะเป็นไปได้อย่างไร ? หลีชิงไม่ได้พูดแล้วหรือว่าในยุทธภพมียอดฝีมืออยู่มากมาย ! ยกตัวอย่างฝีมือของหลีชิงก็แล้วกัน เขาอาจสู้กับหมินอ๋องจนครบสิบกระบวนท่าได้เลย”
“เจ้าเองก็พูดว่านั่นคือ ‘ยุทธภพ’ กระนั้นมียอดฝีมือในยุทธภพไม่กี่คนที่ยอมมาเข้าร่วมกับราชสำนักหรือกองทัพ ! ” เจียงโม่หานฉีกยิ้มขณะยกมือจิ้มหน้าผากของนาง
หลินเว่ยเว่ยปล่อยตัวตามแรงของเขา ศีรษะของนางเอนไปข้างหลังอยู่พักหนึ่ง “พอได้ยินเจ้าพูดแบบนี้ ข้าก็เริ่มสบายใจขึ้นมาบ้าง ! หมินอ๋องชอบในความสามารถของข้า ดังนั้นจึงไม่ลงโทษข้าใช่หรือไม่ ? ”
เจียงโม่หานหัวเราะเบา ๆ…เด็กคนนี้ ชอบหาโอกาสชมตัวเองอยู่เรื่อย ถ้าเขาตอบว่า ‘ใช่’ นางก็จะหัวเราะอย่างโง่งมไม่หยุด ทว่าเมื่อเทียบระหว่างท่าทางหวาดวิตกกับท่าทางตอนนางหัวเราะด้วยความหลงตัวเองแล้ว เขายอมเลือกประการหลังดีกว่า
วันรุ่งขึ้น หลินเว่ยเว่ยสอบถามความยินยอมจากยายเจิ้งและตาฉู่ นางคิดจะสร้างเตาอบขนาดเล็กไว้ข้างห้องครัวเพื่อจะได้สะดวกในการอบขนมหรือทำอาหารที่ต้องใช้เตาอบ
เตาอบทำไม่นาน แค่ซื้อพวกอิฐและไปที่โรงตีเหล็กเพื่อสั่งทำถาดรองอบตามขนาดที่กำหนด ใช้เวลาไม่ถึง 1 วันก็เสร็จแล้ว ในขณะที่หลินเว่ยเว่ยกำลังนำกลุ่มชายหนุ่มทั้งสองคนก่ออิฐทำเตาอบ เสียงเคาะประตูบ้านก็ดังขึ้น…หยาเอ๋อร์กลับมาจากตลาดแล้วหรือ ?
ยายเจิ้งเป็นคนไปเปิดประตู เมื่อเห็นคนแปลกหน้าสองคนมาพร้อมใบหน้ามีประกายแปลก ๆ นางก็ถามอย่างระมัดระวังว่า “ไม่ทราบว่าพวกท่านมาหาใคร ? ”
“ที่นี่มีเด็กสาวแซ่หลินอยู่หรือไม่ ? เปิ่นหวางมาหานาง ! ” หมินอ๋องผู้มีเคราอยู่บนดวงพักตร์ เวลาไม่ยิ้มจะดูน่ากลัวมาก รู้แล้วว่าเหตุใดหลินเว่ยเว่ยจึงเห็นพระองค์เป็นโจรโฉด
เปิ่นหวาง ? มีเพียงอ๋องเท่านั้นที่เรียกแทนตนแบบนี้ ? ยายเจิ้งแข้งขาอ่อนทันที นางพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “มะ มี…พวกท่านมาหานาง…ทำไม ? ”
ครัวเล็กอยู่ไม่ไกลจากประตูบ้าน หลินเว่ยเว่ยได้ยินเสียงจึงเดินมาดู…สวรรค์ ! หมินอ๋องมาได้อย่างไร ? คราวนี้ยังเข้าประตูบ้านมาอย่างเปิดเผยอีกด้วย…
จะเป็นเรื่องดีหรือหายนะ แต่ถึงจะเป็นหายนะก็หนีไม่พ้นอยู่ดี หลินเว่ยเว่ยถูมือที่เต็มไปด้วยโคลนพลางเดินเข้ามาด้วยความลังเล จากนั้นก็ฝืนยิ้ม “ไม่ทราบว่าหมินอ๋องจะเสด็จมาเยือน หม่อมฉันเสียมารยาทไม่ได้ออกมารอต้อนรับ ต้องขอให้หมินอ๋องโปรดอภัยด้วยเพคะ”
มะ…หมินอ๋อง ? คงไม่ได้เป็นหมินอ๋องที่ฮ่องเต้ปฏิบัติเหมือนพี่น้องแท้ ๆ และเป็นเทพสงครามผู้คอยปกปักรักษาแผ่นดินต้าเซี่ยหรอกกระมัง ? ยายเจิ้งเข่าอ่อนพลางทรุดลงนั่งกับพื้นทันที นางตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นเพราะไม่เคยนึกฝันว่าจะได้ใกล้ชิดผู้ทรงอำนาจขนาดนี้…เมื่อครู่นางไม่ได้แสดงกิริยาล่วงเกินออกไปใช่หรือเปล่า ? คงไม่โดนลงโทษหรอกกระมัง ?
ดูเอาเถิด นี่ต่างหากถึงจะเป็นสภาพของผู้ที่ได้พบผู้มีฐานะสูงศักดิ์ แต่นางหนูหลิน รอยยิ้มของเจ้าดูปลอมเหลือเกิน คำพูดก็มีมารยาทเกินไป หากเปลี่ยนเป็นขุนนางคนอื่นคงตั้งข้อหาดูหมิ่นให้เจ้าไว้ในใจแล้ว…ทว่าเจ้าสมกับเป็นเมล็ดพันธุ์ตระกูลจ้าว ใจกล้าไม่ธรรมดาเลย !
“หญิงชรา เจ้าไม่ต้องมากพิธี ! ” หมินอ๋องให้ผู้ติดตามไปช่วยประคองหญิงชราขึ้นมา ส่วนพระองค์ก็ทอดพระเนตรไปยังโคลนที่เปื้อนมือของหลินเว่ยเว่ย “กำลังทำอะไรอยู่ ? ”
ใบหน้าของหลินเว่ยเว่ยยังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง นางฉีกยิ้มจนเห็นฟันหน้าทั้งบนและล่าง “ทูลหมินอ๋อง หม่อมฉันกำลังสร้างเตาอบอยู่เพคะ ! ”
หมินอ๋องพยักดวงพักตร์ จากนั้นก็เสด็จเข้ามาในบ้านหลังเล็กแห่งนี้พร้อมไพล่พระหัตถ์ไว้ด้านหลัง…ฮึ ! บ้านหลังนี้ยังใหญ่ไม่เท่าลานด้านข้างของเรือนหลังในตำหนักอ๋องด้วยซ้ำ น่าสงสารบุตรสาวที่ต้องมาอยู่ในสถานที่ทรุดโทรมขนาดนี้
“เตาอบ ? เอาไว้อบขนมอย่างนั้นหรือ ? ” เมื่อวานนี้หมินอ๋องได้ยินเด็กสาวพูดว่าหากนำเค้กพุทราแดงไปอบก็จะอร่อยกว่าเดิม เมื่อใดพระองค์จะได้ลิ้มรสชาติแห่งความกตัญญูจากนางบ้าง ?