บทที่ 522 เว่ยสั่ว คืออัจฉริยะเช่นกัน

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 522 เว่ยสั่ว คืออัจฉริยะเช่นกัน

บทที่ 522 เว่ยสั่ว คืออัจฉริยะเช่นกัน

ซวีฉินซ่งสงบลงเมื่อเขาได้ยินคำพูดของซูอัน “เอาเลย!”

บุตรเขยที่แต่งเข้าตระกูลจะมีความรู้ทางวิชาการได้อย่างไร? ไม่มีทางที่เขาจะเชื่อ!

ซูอันมองซ่างเชียน เจ้าเป็นคนเริ่มเรื่องนี้ ดังนั้นอะไรจะเกิดขึ้นก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน…

เขามองตรงไปที่เจิ้งตานและกล่าวว่า “หนึ่งวัน หนึ่งรุ่ง*[1] หนึ่งเช้า หนึ่งแล้ง หนึ่งผงาด!”

ซวีฉินซ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไอ้เวรนี่คิดได้ก็เพียงแค่วลีง่าย ๆ เท่านั้น ‘หนึ่งวัน หนึ่งรุ่ง หนึ่งเช้า…’

แต่ในขณะที่ซวีฉินซ่งคิดกับตัวเองว่าเขาจะจัดการกับซูอันอย่างไร กลับได้ยินซ่างเชียนตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ “เจ้าเอาแม่นางเจิ้งมาเกี่ยวด้วยทำบ้าอะไร!?”

ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!

ซวีฉินซ่งสะดุ้งโหยงในทันที ถ้าชื่อแม่นางผู้นี้ชื่อ ‘ตาน’ ถ้างั้นวลีนี้ที่ซูอันเอ่ยขึ้นมามันจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับเจิ้งตาน และมีความหมายแฝงอยู่แน่นอนจริงไหม?

เขาเหงื่อแตก และรู้สึกหมดหนทางจริง ๆ อีกฝ่ายควรจะเป็นคนที่รับมือง่ายไม่ใช่เหรอไง?

ซูอันเพียงยักไหล่เมื่อเผชิญกับโกรธของซ่างเชียน “แม่นางเจิ้งงดงามขนาดนี้ มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอที่ข้าต้องการจะยุ่งเกี่ยวกับนาง? ผู้บัญชาการซ่างไม่สามารถขโมยสิทธิ์ของข้าที่จะอยากชื่นชมสาวงามเพียงเพราะเจ้าสองคนหมั้นกันแล้วใช่ไหม?”

“ก็ความหมายของวลีของเจ้าชัดเจน…ชัดเจน…” ซ่างเชียนโกรธ แต่เขาจะพูดออกมาดัง ๆ ได้ยังไง?

ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 250!

แม้แต่เซี่ยเต๋าอวิ๋นก็รู้สึกไม่พอใจซูอัน อยู่ ๆ เจ้าก็พูดถึงเจิ้งตานง่าย ๆ แบบนี้เนี่ยนะ?

“เฮ้ นี่มันเป็นการแข่งวางวลีจับคู่! ไม่ได้มีกฎกำหนดสักหน่อยว่าเป้าหมายจะต้องเป็นใครโดยเฉพาะ! ดูสิ ขนาดแม่นางเจิ้งยังไม่รังเกียจ แล้วพวกเจ้าจะมาเดือดร้อนแทนทำไม?” ซูอันพ่นลมหายใจ

ซ่างเชียนเดินไปหาเจิ้งตานทันที “เจ้าไม่ต้องเกรงใจ หากเจ้ารู้สึกไม่พอใจเจ้าบอกข้าได้เลย ข้าจะลงโทษมันให้เอง ต่อให้วันนี้ข้าจะต้องขัดแย้งกับตระกูลฉู่ก็ตาม!” เขาพูดเบา ๆ

เจิ้งตานหน้าแดงและส่ายหัว “ทักษะการจับคู่วลีของสหายนักศึกษาซู นั้นยอดเยี่ยมมาก!” นางถอนหายใจ “แม้แต่ข้าก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมความสามารถของเขา”

นางเป็นคนเดียวในที่นี่ที่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังวลีนี้ วลีนี้มันหมายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคนในถ้ำนั้นนั่นไง!

ร่างกายของนางร้อนขึ้นทันทีเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ และคลื่นแห่งความอบอุ่นก็ท่วมท้นร่างกายของนาง

ในขณะที่คนอื่น ๆ ขุ่นเคืองกับคำพูดที่ชี้นำของเขา เจิ้งตานไม่เพียงรู้สึกไม่โกรธ แต่กลับรู้สึกเร่าร้อนมากขึ้น

ซ่างเชียนตกตะลึงขณะมองที่นาง ในตอนนี้เขารู้สึกว่าคู่หมั้นของเขาดูไม่คุ้นเคยสำหรับเขาเลย แต่หลังจากที่คิดดูแล้ว เขาก็เห็นด้วยกับวิธีที่นางจัดการกับสถานการณ์นี้ ถ้านางแสดงอาการโกรธ มันจะไม่ต่างอะไรกับการกระโดดลงไปในหลุมพรางของซูอัน ถึงตอนนั้นความเสียหายต่อชื่อเสียงของนางจะยิ่งใหญ่กว่ามาก!

เมื่อคิดหาเหตุผลให้ตัวเองแล้ว เขาก็รู้สึกผ่อนคลาย

ซูอันสังเกตเห็นการแสดงออกในดวงตาที่สดใสและสวยงามของเจิ้งตาน หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ บางทีต่อไปเขาควรจะมอบหมายภารกิจบางอย่างให้กับนางบ้าง

ในที่สุดหวางหยวนหลงในฐานะเจ้าภาพก็พูดขึ้น “ในเมื่อนายน้อยซวี ไม่สามารถจับคู่วลีได้หลังจากผ่านไปนานแล้ว พวกเราจะขึ้นไปชั้นบนกันก่อน ถ้านายน้อยซวีคิดถึงวลีที่ตรงกันได้เมื่อไหร่ ท่านสามารถขึ้นไปข้างบนได้เลย ข้าจะดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด”

ซูอันรู้สึกชื่นชมหวางหยวนหลงอย่างมาก ช่างคู่ควรกับการเป็นทายาทของตระกูลใหญ่อย่างแท้จริง! คำพูดของเขาไม่มีช่องว่างให้ตั้งคำถามกลับ และยังทำให้ซวีฉินซ่งอับอายขายหน้าอีกด้วย

จากด้านหลัง เว่ยสั่วปรบมือให้ซูอันอย่างตื่นเต้น “ลูกพี่ ท่านช่างเหลือเชื่อจริง ๆ! ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในทุกสิ่ง! ข้าขอคารวะด้วยความชื่นชมต่อท่าน!”

ซูอันหัวเราะและพูดว่า “เจ้าชมข้าเกินไปแล้ว ฮ่า ๆ!”

คิ้วของซวีฉินซ่งเลิกขึ้น ทุกคำที่เว่ยสั่วกล่าวยกย่องซูอันมันทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้า จึงรีบเอ่ยขัดขึ้นทันที “การที่ซูอันจะได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปชั้นบนก็เรื่องหนึ่ง แต่ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปเช่นกัน?”

เขาสังเกตเห็นว่าเว่ยสั่วสนิทกับซูอัน และคาดเดาว่าทั้งสองคนควรเป็นเพื่อนกัน

เนื่องจากตัวเองไม่สามารถจัดการกับซูอันได้ ดังนั้นเขาต้องลากเพื่อนของซูอันลงมาเพื่อทวงศักดิ์ศรี

ขณะที่ชี้ไปที่เว่ยสั่ว สายตาของทุกคนก็มองตามไปอย่างพร้อมเพรียงกัน

จิตใจของเว่ยสั่วว่างเปล่า ข้าเสร็จแน่! ข้าไม่มีความสามารถในการแข่งขันอะไรเลย! ถ้าวันนี้ข้าถูกทิ้งไว้ชั้นล่างของภัตตาคารจตุรทิศ ข้าคงได้กลายเป็นตัวตลกแน่นอน!

เขาอยากจะตบปากตัวเองจริง ๆ ทำไมถึงไม่ทำตัวเงียบ ๆ? ทำไมต้องแกว่งเท้าหาเสี้ยน?

คิ้วที่สวยงามของเซี่ยเต๋าอวิ๋นขมวดเข้าด้วยกัน แต่นางไม่ได้พูดอะไร

นางไม่ได้ใกล้ชิดกับเว่ยสั่ว ถ้าไม่ใช่เพราะซูอัน นางอาจไม่เคยแม้แต่จะปรากฏตัวในที่เดียวกับเว่ยสั่วคนนี้

หวางหยวนหลงไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เขาไม่ได้วางแผนที่จะเชิญเว่ยสั่ว เพราะในวันนี้เขาได้ออกปากเชิญแค่ซูอันเท่านั้น

ไม่จำเป็นต้องออกหน้าเพื่อคนอย่างเว่ยสั่ว

แม้ว่าตระกูลเว่ยจะมีญาติที่เป็นขุนนางในเมืองหลวง แต่ก็เป็นเพียงขุนนางลำดับชั้นทั่วไปในราชสำนักเท่านั้น อีกทั้งตระกูลหวาง และตระกูลเว่ยก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ต่อกันมากนัก

เว่ยสั่วเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจนเช่นกัน เขาไม่ต้องการสร้างปัญหาให้ซูอันหรือทำให้ตัวเองเป็นตัวตลก ด้วยเหตุนี้ เขาพูดกับซูอันว่า “ลูกพี่ งั้นข้าขอตัวกลับก่อนจะดีกว่า”

เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อนบนใบหน้าของสหายตัวเอง ซูอันก็ขมวดคิ้ว “เจ้าคือสหายของข้า ข้าจะปล่อยเจ้าไปแบบนี้ได้ยังไง?”

เขาก้าวออกมาข้างหน้าและพูดกับฝูงชน “ถ้าข้าจำไม่ผิด ผู้มีความสามารถสูงสุดในสาขาใดก็ได้จะได้รับการต้อนรับที่ชั้นบนสุด ข้าพูดถูกไหม?”

หวางหยวนหลงพยักหน้า “เป็นอย่างนั้นจริง ๆ”

ซูอันยังคงถามต่อไปว่า “มีข้อกำหนดเฉพาะเจาะจงหรือไม่ว่าต้องเชี่ยวชาญเรื่องอะไรบ้าง?”

หวางหยวนหลงกล่าวว่า “ไม่ ไม่เลย แต่…”

ก่อนที่เขาจะทันพูดจบประโยค ซูอันก็หัวเราะลั่น “อย่างนี้ เพื่อนของข้าก็มีสิทธิ์ที่จะขึ้นไปชั้นบนได้!”

ทุกคนตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เพื่อนของเจ้าดูไม่มีอะไรพิเศษตรงไหนเลย!

แม้แต่เจิ้งตานและเซี่ยเต๋าอวิ๋นก็มองเว่ยสั่วอย่างสงสัย

เว่ยสั่วตกตะลึง ข้ามีพรสวรรค์จริง ๆ เหรอ? แต่ทำไมข้าไม่รู้ตัวเองมาก่อนเลย?

[1] คำว่า ‘รุ่ง’ มาจากอรุณรุ่ง ซึ่งเป็นคำเดียวกับคำว่า ‘ตาน’