บทที่ 522 ทำให้เธอยิ่งถลำลึกมากขึ้นไปอีก

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

กับคำเตือนของคู่สามีภรรยาบราวน์ซูซานรู้ว่าพวกเขาก็แค่อยากปกป้องเธอไม่อยากให้เธอต้องเสียใจ แต่ก็ไม่เคยเลยที่เธอจะรู้สึกรักใครตั้งแต่แรกเห็นแบบนี้ และเธอไม่อยากจะยอมแพ้มัน

“พ่อค่ะแม่ค่ะ ลูกรู้ว่าพ่อกับแม่หวังดี แต่ลูกรักเขาจริงๆ ตั้งแต่ที่เจอเขาครั้งแรก ลูกก็รู้ว่าตัวว่าหลงรักเขาจนหมดหัวใจ และตอนนี้เขาก็ลืมเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา นี่เป็นโอกาสที่พระเจ้าประทานให้ไม่ใช่เหรอคะ ? ลูกเชื่อมั่นว่าลูกจะทำให้เขารักลูกได้ !”

ใบหน้าซูซานเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ

เมื่อเห็นซูซานที่มีความพยายามจะเอาชนะใจลี่จุนถิงให้ได้แบบนี้คุณหญิงบราวน์ก็ถอนหายใจเล็กน้อย

เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยพูดว่า “ในเมื่อลูกไม่คิดจะยอมแพ้ แล้วเราจะพูดอะไรได้อีก ? ได้แต่ขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น และก็ขอให้ลูกสมหวังดั่งที่ตั้งใจเอาไว้แล้วกัน !”

“ใช่ ซูซาน ในเมื่อลูกตัดสินใจแล้ว ลูกก็ต้องคิดถึงผลที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย ทุกคนต้องรับผิดชอบกับทางเดินที่ตัวเองเลือก ลูกก็เหมือนกัน ในเมื่อตอนนี้เขาความจำเสื่อม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะจำอะไรไม่ได้ขึ้นมา เพราะฉะนั้นลูกก็ต้องระวังด้วย !”

สีหน้าของคุณบราวน์ก็เคร่งขรึมขึ้นมา

ซูซานในตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตข้างหน้า เธอยกยิ้ม พูดอย่างผ่อนคลายไปว่า “พ่อค่ะแม่ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงลูก! ลูกสาวของพ่อกับแม่ทั้งเก่งและสวยขนาดนี้ จะเป็นไปได้ยังไงที่จะทำให้ผู้ชายคนหนึ่งตกหลุมรักไม่ได้ ? วางใจเถอะค่ะ จะช้าจะเร็วเขาต้องรักลูกแน่ !”

“ขอพระเจ้าอวยพรลูกสาวของฉันด้วย!”

คุณหญิงบราวน์ค่อยๆ หลับตาลง แล้วอธิษฐานเบาๆ

“คุณพ่อคุณแม่ที่รัก ลูกสาวของพวกคุณแยกแยะได้ อย่ากังวลใจอะไรกับเรื่องของลูกเลย รอฟังข่าวดีจากลูกก็พอ !”

ซูซานตีไปที่มือของคุณหญิงบราวน์เบาๆแล้วยกยิ้มให้

……

ณ ร้านอาหาร

มองไปยังคู่สามีภรรยาบราวน์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ลี่จุนถิงเผยรอยยิ้มจางๆ เอ่ยทักทายพวกเขาไปด้วยความเคารพ:“คุณบราวน์ คุณหญิงบราวน์。”

เมื่อเห็นท่าทีที่สง่างามของลี่จุนถิง คุณบราวน์ก็พยักหน้าเล็กน้อย โบกมือให้เขานั่งลง จากนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “จุนถิง ตอนนี้ฉันยิ่งดู ก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณหน้าตาดีจริงๆ !ไม่แปลกใจเลยที่ลูกสาวฉันจะถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ ”

“ก็ใช่นะสิ หลายวันมานี้ซูซานก็เอาแต่เอ่ยพูดถึงเรื่องของคุณ เดิมทีก็คิดว่าเธอคงจะพูดเกินจริงไปบ้าง แต่วันนี้ได้เห็นตัวจริงแล้วก็คิดว่าที่ซูซานพูดนั้นเป็นความจริงทุกอย่าง ในตัวคุณมีความสง่างามแบบคนชนชั้นสูง ยากที่จะมองข้ามได้ !” คุณหญิงบราวน์ยกยิ้มเล็กน้อย

ได้ยินสองสามีภรรยาเอ่ยพูดชมลี่จุนถิง ใบหน้าของซูซานก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มหวาน

เธอรู้สึกเขินอายแล้วมองไปยังลี่จุนถิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ก้มหน้าลงแล้วพูดเสียงเบาไปว่า “พ่อกับแม่อะ ลูกเอาแต่พูดถึงเรื่องเขาทุกวันที่ไหนกัน เห็นๆอยู่ว่าพ่อกับแม่พูดกันไปเอง !”

“ดูเอาก็แล้วกัน ซูซานที่กล้าหาญของเราถึงกับอายเลย ดูท่าแล้วคงจะถูกใจเข้าให้จริงๆ !จุนถิงคุณกำราบลูกสาวสุดที่รักของเราจนอยู่หมัดเลย !”

คุณบราวน์จิบไวน์ แล้วหัวเราะเสียงดัง

ลี่จุนถิงที่ถูกเอ่ยพูดถึงอยู่ตลอดก็ได้แต่ ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น

“คุณบราวน์ คุณผู้หญิง ผมไม่ได้ดีอย่างที่พวกคุณพูดเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่าพวกคุณให้เกียรติผมมากไป ผมก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งก็เท่านั้นครับ ”

“โอ้ คุณพูดอะไรแบบนั้น!แต่มันก็ทำให้เห็นว่าเรามีวาสนาต่อกัน คุณดูสิ พอคุณตกอยู่ในอันตราย ฉันก็ช่วยคุณเอาไว้ ชะตาฟ้าลิขิต!อีกอย่างคุณก็เป็นคนดี สมควรได้รับการชื่นชม!”

ซูซานฉีกยิ้มอย่างนุ่มนวล

“ออ จุนถิง แล้วตอนนี้สุขภาพร่างกายคุณเป็นยังไงบ้าง? ก่อนหน้านั้นที่เจอคุณ คุณยังไม่รู้สึกตัวเลย หมอบอกว่าอาการบาดเจ็บของคุณรุนแรงมาก โดยเฉพาะในส่วนของสมองได้รับการกระทบกระเทือน หลายวันไม่เจอ ไม่รู้ว่าตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้างแล้ว ?”

คุณหญิงบราวน์รวบผม แล้วเอ่ยถามไปด้วยความเป็นห่วง

ลี่จุนถิงรีบโบกมืออย่างเร็ว เอ่ยพูดอย่างอ่อนโยนไปว่า :“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ ช่วงนี้ผมสบายดี ซูซานคอยให้แพทย์มาดูแลรักษาผม ผมเองก็ฟังคำแนะนำของแพทย์กินยาให้ตรงเวลา แม้ในส่วนของสมองยังมีปวดอยู่บ้าง แต่มันก็ดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมากนะครับ !”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น คุณหญิงบราวน์ก็พยักหน้ารับ:“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว คุณไม่รู้อะไร วันนั้นที่เห็นคุณนอนแน่นิ่งแบบนั้น ฉันเป็นห่วงและกังวลมาก ยังดีที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง คุณเองก็ฟื้นขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ยังมีชีวิตอยู่ก็ถือว่าโชคดีแล้ว!”

“ใช่ จุนถิง แล้วพักอยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้าง ? มีอะไรที่ไม่สะดวกสบายก็บอกได้ ฉันจะให้คนจัดการให้! ยังไงตอนนี้คุณกับซูซานก็เป็นคู่หมั้นกันแล้ว คุณอย่าได้เกรงใจอะไร ”คุณบราวน์มองไปที่ซูซาน แล้วเอ่ยพูดเบาๆ

“ผมอยู่ที่นี่ก็สบายดีมากแล้วครับ ไม่ได้ลำบากอะไร รู้สึกผิดมากกว่าที่ทำให้พวกคุณต้องมาเป็นห่วง แต่เรื่องต่างๆเหล่านี้ซูซานก็คอยถามผมอยู่ตลอด ผมไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่อึดอัดหรือไม่สบายใจอะไร พวกคุณสบายใจเถอะครับ ” ลี่จุนถิงกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ

ซูซานพอใจกับทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า เธอสัมผัสได้ถึงความรักความเมตตาที่พ่อแม่ของเธอมีให้กับลี่จุนถิง และกิริยาวาจาของลี่จุนถิงก็วางตัวได้อย่างเหมาะสม เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี และกิริยาท่าทางของเขาเมื่อครู่ก็ไม่ถ่อมตัวเกินจนดูต้อยต่ำมิหนำซ้ำยังดูมีความสง่างาม ทำให้เธอยิ่งหลงรักชายหนุ่มมากขึ้นไปอีก

แต่ในใจของลี่จุนถิงกลับสับสนวุ่นวายไปหมด เขารับรู้ถึงความห่วงใยและเอาใจใส่จากคนบ้านบราวน์ ในใจของเขารู้สึกตื้นตัน แต่พอนึกไปถึงเรื่องที่ชิงโม่เล่า เขาก็รู้สึกว่ามันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องโกหก

ในเวลานี้ ลี่จุนถิงเองก็ไม่รู้แล้วว่าใครกันที่พูดความจริง และใครกันที่พูดโกหก

หลังอาหารเย็น สามีภรรยาบราวน์ก็กลับไปที่ห้อง และลี่จุนถิงก็ปฏิเสธคำชวนของซูซาน เขาไปยังสวนเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลนัก มองดูไวน์แดงที่วางอยู่บนโต๊ะ นึกถึงความกลัดกลุ้มในใจ แล้วนั่งลงเริ่มดื่มมันขึ้นมา

ไม่ว่าจะคิดในทางไหน ก็ดูเหมือนทั้งซูซานกับชิงโม่ต่างก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมาโกหกเขา และครอบครัวซูซานเองก็เป็นมิตรกับเขามาก ความใกล้ชิดสนิทสนมที่พวกเขาหยิบยื่นให้นั้นก็ช่างจริงใจนัก มันทำให้คาดเดาไม่ได้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนหลอก

แต่เรื่องที่ชิงโม่พูดนั้นต่างก็มีทั้งหลักฐานและความน่าเชื่อถือ ไม่ได้เหมือนกับคนที่กำลังพูดโกหก และตัวเขาเองก็สูญเสียความจำ จำเรื่องราวๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นไม่ได้เลยสักนิด จำได้เพียงภาพเงาของใครสักคน และเบาะแสเพียงแค่นี้ทำให้เขาเองก็ยากที่จะคาดเดาได้ว่ามันคืออะไร