เมื่อลู่โจวเลิกแบกเกาะลอยฟ้าไว้บนพลังฝ่ามือตัวเขาก็ได้สังหารยอดฝีมือไปหลายคนแล้ว แม้ว่าจะมียอดฝีมือปรากฏตัวมากขึ้น แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อะไรได้อยู่
ภายในเขตแดนพลังที่เกาะเผิงไหลมีเป็นธรรมดาที่สาวกจากเกาะเผิงไหลจะได้เปรียบกว่าฝ่ายศัตรู อักขระพลังพิเศษบนร่มเป็นพลังที่สามารถต้านทานพลังจากเขตแดนพลังที่มีได้
หลี่จิงยี่ได้ใช้พลังอวตารดอกเจ็ดกลีบสยบผู้บุกรุกเกาะเผิงไหลทั้งหมดอย่างสง่างามแม้ว่านางจะเป็นหญิง แต่เพราะต้องอยู่ในกองทัพมานานจึงทำให้นางแข็งแกร่งและมีประสบการณ์ในการต่อสู้มากกว่าผู้ฝึกยุทธทั่วๆ ไป
นายหญิงหวางกำลังลอยอยู่บนอากาศนางกำลังจ้องมองไปที่การเคลื่อนไหวของหลี่จิงยี่อย่างพึงพอใจ
นี่คือวิธีที่โลกยุทธภพใช้มาโดยตลอดปลาใหญ่มักจะกินปลาเล็กอยู่เสมอ
ผู้ฝึกยุทธบางคนยังคงตกตะลึงบางคนทำได้เพียงหัวเราะให้กับชะตากรรมก่อนที่จะกระโดดลงน้ำไป “มหาวายร้ายจีเทียนเด๋า! เจ้านั่นคือมหาวายร้ายตัวจริง!”
ในน่านน้ำเบื้องล่างเกาะหลัวยูไม่ได้สนใจอะไรผู้ฝึกยุทธที่เลือกกระโดดลงไป มันได้ใช้การเคลื่อนไหวอันรวดเร็วแหวกว่ายในท้องทะเลก่อนที่จะสังหารทุกคน
“เป็นเพราะสถานศึกษาไท่ชูก่อปัญหาขึ้นมาแท้ๆ!”
“ไอกระจกไท่ชูบ้าบออะไรนั่น!เป็นเพราะกระจกนั่นพวกเราถึงต้องตาย!”
ภายใต้สถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเช่นนี้เป็นธรรมดาที่จะมีผู้คนปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ และก็เพราะแบบนั้นจึงทำให้พวกเขาเลือกที่จะต่อสู้อย่างสุดพลัง มียอดฝีมือสองคนได้เผาผลาญจุดพลังลมปราณของตัวเองก่อนที่จะพุ่งชนม่านพลังที่กักขังทุกคนเอาไว้จากทางด้านบน
ลู่โจวเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดดีตัวเขาที่เห็นแบบนั้นได้ปล่อยพลังฝ่ามือไปทางซ้าย ส่วนมืออีกข้างลู่โจวเลือกที่จะปล่อยพลังฝ่ามือไปทางขวา
พลังฝ่ามือที่ลู่โจวปล่อยออกมาดูราวกับว่ามันมีดวงตาเป็นของตัวเองพลังฝ่ามือได้ไล่ตามเป้าหมายที่พยายามจะหลบหนีก่อนที่จะจู่โจมเป้าหมายไปอย่างรวดเร็ว!
ตู๊ม!
ตู๊ม!
พลังฝ่ามือของลู่โจวได้กระแทกยอดฝีมือทั้งสองคนพวกเขาทั้งคู่ตกลงก่อนที่จะชนเข้ากับพื้นเกาะ เป็นเพราะเกาะเผิงไหลมีพื้นส่วนมากเป็นหินแข็ง และก็เพราะแบบนั้นจึงทำให้หัวของยอดฝีมือต่างก็ชนเข้ากับหินแข็ง หัวของทั้งคู่ได้แตกกระจายไปราวกับแตงโมที่ตกจากที่สูง บนพื้นที่มีซากศพของยอดฝีมือเต็มไปด้วยกองเลือด
ลู่โจวไม่ได้คิดที่จะใช้พลังวิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์แต่เมื่อใดก็ตามที่ตัวเขาเห็นผู้ที่คิดจะหลบหนี ลู่โจวก็จะใช้พลังฝ่ามือปล่อยไปทางผู้ฝึกยุทธคนนั้น ม่านพลังของเกาะเผิงไหลเป็นดั่งกรงนก ในเกาะลอยฟ้าแห่งนี้ไม่มีที่สำหรับหลบหนีอีกต่อไป ทุกคนจะต้องพบกับความตาย ลู่โจวได้จับจ้องทุกอย่างจากจุดที่สูงที่สุด ‘ใครจะเป็นรายต่อไปกัน’
นายหญิงหวางเองก็ไม่ใช่ผู้ไร้ซึ่งประสบการณ์นางได้เตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตของเกาะเผิงไหลมาโดยตลอด นางรู้ดีว่าจิตใจคนเรายากแท้หยั่งถึง เป็นธรรมดาที่คนเราจะเห็นแก่ผลประโยชน์มากกว่าคุณธรรม นางรู้ดีว่าผู้อาวุโสตรงหน้าโกรธแค่ไหน การที่ศิษย์ของตัวเองต้องได้รับอันตราย มีหรือที่ชาวสถานศึกษาไท่ชูจะได้อยู่อย่างสันติ ปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายถ้าหากสาวกจากสถานศึกษาไท่ชูทั้งหมดถูกฆ่าตาย แม้ว่าจะมีสาวกที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องก็ตามแต่พวกเขาก็ต้องถูกสังหารตายเพราะความโชคร้ายอยู่ดี
ในขณะเดียวกันหลี่จิงยี่ก็ไร้ซึ่งความเมตตาในฐานะที่นางเป็นศิษย์อัจริยะแห่งเกาะเผิงไหล นางได้แสดงพลังที่มีในการจัดการกับทุกคน ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มจากเกาะทางทิศตะวันออก จนตอนนี้เกาะทั้งสี่เริ่มกลับมาสู่ความสงบอีกครั้งแล้ว
ผู้ฝึกยุทธที่ยังเหลือรอดยังคงต่อสู้ดิ้นรนกันต่อไปหลายคนเลือกที่จะคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตา แต่สำหรับสาวกของสถานศึกษาไท่ชู การคุกเข่าขอร้องของพวกเขาไม่อาจที่จะช่วยชีวิตของพวกเขาไว้ได้ ยังมีผู้ฝึกยุทธหลายคนพยายามบินออกจากม่านพลัง แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะม่านพลังจึงทำให้พวกเขาเสียหลักตกลงไปสู่ท้องทะเล
หลัวยูก็เป็นเหมือนกับเจ้าแห่งท้องสมุทรมันได้สังหารทุกอย่างที่กล้าย่างกายเข้ามา
เมื่อกลิ่นเลือดเริ่มจางไปจากน้ำทะเลหลัวยูก็เริ่มกระโดดขึ้นมาจากผิวน้ำพร้อมกับฝูงปาย ฝูงปลายนับหมื่นและหลัวยูกำลังทำลายผิวน้ำทะเล มันเป็นภาพที่น่าทึ่งมากสำหรับผู้ที่พบเห็น
ถ้าหากผู้อาวุโสจีไม่ได้ประคองเกาะลอยฟ้าด้วยพลังฝ่ามือในก่อนหน้านี้ภาพของฝูงปลาที่เห็นคงจะเป็นภาพเดียวที่น่าจดจำไปแล้ว
ฝูงปลาทั้งหลายยังคงส่งเสียงร้องออกมาเสียงร้องของพวกมันดูลึกล้ำราวกับเสียงของเป็ดแมนดาริน เสียงของพวกมันได้ไปถึงหูของธิดาหอยสังข์
ธิดาหอยสังข์ได้โบกมือให้กับฝูงปลา“ลาก่อนนะ”
นายหญิงหวางที่เห็นธิดาหอยสังข์ดูตื่นตกใจนางได้พูดออกมาเบาๆ “ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าเด็กสาวคนนี้จะสามารถสื่อสารกับหลัวยูได้ หลัวยูไม่ใช่สัตว์ร้ายธรรมดาๆ มันเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในเผิงไหลมากว่าหลายร้อยปีแล้ว แม้แต่สาวกของเกาะเผิงไหลเองก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้เขตน่านน้ำ ข้าประหลาดใจจริงๆ ที่รู้ว่าหลัวยูอาศัยอยู่ใต้เกาะลอยฟ้าแบบนี้”
ลู่โจวได้พูดออกมา“ในตอนที่ข้าลงไปในทะเล ในตอนนั้นเขตแดนพลังก็เสียหายไปหมดแล้ว สัตว์ที่มีสติปัญญาอย่างหลัวยู ไม่มีเหตุผลเลยที่มันจะเลือกทำลายที่ที่มันอาศัยอยู่”..
“ผู้อาวุโสจีท่านกำลังจะบอกว่ามีใครคนอื่นทำให้เขตแดนพลังเสียหายอย่างงั้นเหรอ” นายหญิงหวางที่ฟังแบบนั้นดูตกใจ
“นั่นเป็นปัญหาของเจ้าไม่ใช่ปัญหาของข้า”
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีผู้อาวุโสจี”
ครู่ต่อมาผู้ฝึกยุทธหลายคนที่พยายามฉกฉวยผลประโยชน์จากความวุ่นวายก็ถูกกำจัดจนหมด
เป็นไปตามที่คาดหวังไว้เป็นธรรมดาที่ยอดฝีมือผู้มีประสบการณ์การต่อสู้จะสามารถเก็บกวาดทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว หลี่จิงยี่ที่เก็บกวาดศัตรูทั้งหมดไปไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่เพียงนิดเดียว ถ้าหากไม่มีใครรู้จักภูมิหลังของนางมาก่อน คงจะไม่มีใครคิดเลยว่าสาวงามคนนี้จะเป็นนักรบผู้รับใช้กองทัพมากว่าหลายปี
ลู่โจวไม่คิดที่จะสนใจอะไรภาพรวมของผู้ฝึกยุทธคนอื่นอีกที่นี่เป็นเกาะเผิงไหล ตัวเขาได้คัมภีร์เผิงไหลและได้ช่วยเกาะลอยฟ้าตามที่ตกลงกันไว้แล้ว และนอกจากนี้ตัวเขายังได้รับหยกหลานเทียนมาด้วยความโชคดีอีกด้วย
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็นึกไปถึงหลัวยูตัวเขาได้หันไปมองธิดาหอยสังข์ก่อนที่จะถามนางออกมา “หอยสังข์ เจ้าเข้าใจสิ่งที่หลัวยูสื่อสารมาอย่างงั้นสินะ”
ธิดาหอยสังข์พยักหน้าเบาๆ“อืม มันบอกข้าว่าลูกของมันอยู่ที่ด้านล่าง”
“แล้วมันทำตามคำสั่งเจ้าได้ยังไงกัน”ลู่โจวถามออกมาด้วยความสงสัย
สัตว์ร้ายแห่งท้องทะเลอย่างหลัวยูได้รับการฝึกฝนตัวเองมายาวนานกว่ามนุษย์ซะด้วยซ้ำอย่างน้อยๆ มันคงจะมีเวลาฝึกฝนยาวนานกว่า 100 ปี หรือหลายหมื่นปี แม้ว่ามันจะมีความสามารถน้อยกว่ามนุษย์ แต่พวกมันก็ยังมีประสบการณ์ที่มากกว่า จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีมนุษย์คนไหนรู้เลยว่าท้องทะเลมันกว้างใหญ่เพียงใด
ครั้งหนึ่งเคยมีผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบเคยพยายามข้ามผ่านมหาสมุทรที่ไม่มีสิ้นสุดไปเพื่อไปยังดินแดนอีกฝั่งแต่หลังจากที่บินอย่างยาวนาน พลังลมปราณของเขาก็หมดลง ชายคนนั้นตกลงสู่ทะเลก่อนที่จะถูกสัตว์ร้ายของผืนมหาสมุทรกัดกินไป
สัตว์ทะเลหลายชนิดสามารถบินได้ในเวลาอันสั้นเมื่อผู้ฝึกยุทธบินใกล้ผิวน้ำจนเกินไป ในตอนนั้นผู้ฝึกยุทธก็จะเสี่ยงพบกับอันตรายมากขึ้นเท่านั้น แต่ในการบินรักษาระดับความสูงเองก็ยังเป็นการสิ้นเปลืองพลังลมปราณไปอย่างเปล่าประโยชน์ และเพราะเงื่อนไขทั้งหมดที่ว่ามาจึงทำให้ไม่มีผู้ฝึกยุทธคนไหนก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้
ธิดาหอยสังข์ส่ายหัวของนางก่อนที่จะเริ่มใช้ความคิด“ข้า…ข้าก็แค่บอกให้มันทำอะไร และมันก็เชื่อฟังข้าเอง”
หลัวยูถือเป็นสัตว์ร้ายที่มีสติปัญญาแน่นอนว่ามันไม่ต้องการปล่อยเกาะลอยฟ้าทำลายบ้านเกิดของมันอย่างแน่นอน
นายหญิงหวางถอนหายใจก่อนที่จะถามออกมา“จากนี้เป็นต้นไปพวกเราควรจะปฏิบัติต่อหลัวยูด้วยความเมตตาแล้วล่ะ”
ลู่โจวเป็นคนพูดต่อ“ข้าว่าหลัวยูคงจะเข็ดหลาบแล้วล่ะ มันคงเลือกย้ายออกแน่”
ก่อนที่หลัวยูจะจากไปในตอนนั้นหลัวยูก็ได้กระโดดไปตามผิวน้ำ มันเป็นการอำลาธิดาหอยสังข์นั่นเอง เมื่อมีการอำลาแบบนั้นนั่นก็เป็นสัญญาณอย่างชัดเจนว่าหลัวยูจะจากไป
นายหญิงหวางพยักหน้าเห็นด้วยใบหน้าของนางช่างว่างเปล่า
ในขณะนั้นเองหลี่จิงยี่ที่ได้เก็บกวาดทั้งหมดเสร็จได้กระโดดกลับมา“ผู้อาวุโสจี ผู้ฝึกยุทธจากสถานศึกษาไท่ชูถูกกำจัดหมดแล้วค่ะ”
ลู่โจวพยักหน้าให้
นายหญิงหวางพูดต่อ“ทุกๆ ท่านได้โปรดตามข้ามาเถอะ”
ลู่โจวเหลือบมองธิดาหอยสังข์และหยวนเอ๋อที่กำลังได้รับบาดเจ็บหยวนเอ๋อต้องการพักผ่อนในคืนวันนี้ เมื่อคิดได้แบบนั้นตัวเขาจึงตัดสินใจที่จะเดินตามนายหญิงหวางที่กำลังมุ่งหน้าไปทางเกาะทิศตะวันออก
เมื่อถึงตอนนี้สาวกของเกาะเผิงไหลจากทั่วทุกเกาะได้มารวมตัวกันอยู่ที่ด้านนอกของห้องโถงใหญ่แล้ว
หม่าชิงที่เป็นผู้นำในภารกิจช่วยเหลือจากสำนักชิงหยุนเองก็ยืนรออยู่ในห้องโถงใหญ่เช่นกัน
ทุกคนต่างก็ยืนอยู่สองข้างทาง
สาวกจากเกาะเผิงไหลทั้งหมดไม่ได้คำนึงถึงพลังที่พวกเขามีอีกต่อไปทุกคนกำลังมองดูชายชราที่กำลังเดินผ่านไปอย่างน่าเกรงขาม
ตามกฎของสำนักเผิงไหลเหล่าสาวกที่มารวมตัวกันที่นี่เป็นการรวมตัวกันเพื่อต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและเป็นการแสดงความเคารพนั่นเอง
“ยินดีต้อนรับผู้อาวุโส!”
ที่บันไดก่อนถึงห้องโถงใหญ่นายหญิงหวางเป็นผู้ที่ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง นางกำลังรอให้ลู่โจวเดินขึ้นบันไดอยู่ “ทุกคน คุกเข่า” เสียงของนางดังก้องไปทั่วลานกว้าง
สาวกจากเกาะเผิงไหลรวมไปถึงหลี่จิงยี่ที่ออกจากสำนักนานแล้วได้คุกเข่าลงการเคลื่อนไหวของทุกคนที่คุกเข่ามันพร้อมเพรียงกันจนกลายเป็นจุดสนใจ
“ติ้ง!ได้รับการสรรเสริญจากคน 2,805 คน ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 28,050”
ทุกคนต่างก็ทำความเคารพลู่โจวจากใจจริง
นายหญิงหวางได้พูดต่อ“ผู้อาวุโสจีเป็นผู้ที่รักษาเกาะลอยฟ้าเอาไว้ด้วยพลังฝ่ามือ และเพราะแบบนั้นพวกเราชาวเกาะเผิงไหลจึงรอดพ้นวิกฤตร้ายแรงมาได้ ทุกคนคารวะให้กับผู้อาวุโสจี” ทันทีที่นางพูดจบนายหญิงหวางก็เริ่มคารวะเพื่อเป็นการขอบคุณและแสดงความเคารพให้กับลู่โจว
ลู่โจวได้โบกมือของตัวเองพลังลมปราณที่ตัวเขาปล่อยออกมาได้พยุงให้นายหญิงหวางลุกขึ้น
“ไม่จำเป็นจะต้องกล่าวขอบคุณข้า”ลู่โจวพูดต่อ “การนี่นายหญิงอย่างเจ้ายอมคุกเข่าต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ข้าเองก็คิดว่ามันไม่เหมาะเช่นกัน”
“ท่านพูดถูกแล้วผู้อาวุโส”นายหญิงหวางลุกขึ้น
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม“แล้วเจ้าน่ะจะไม่คิดแสดงตัวอย่างงั้นเหรอ”
ทุกๆคนต่างตื่นตกใจ ทุกคนต่างก็เหลือบมองไปรอบตัว
สาวกจากเกาะเผิงไหลทั้งหมดรีบลุกขึ้นพวกเขากำลังค้นหาคนนอกที่อาจจะซุกซ่อนตัวอยู่
“ไม่ไม่ ไม่…” ที่หลังประตูของห้องโถงใหญ่ มีใครบางคนพุ่งออกมา ชายคนนั้นถือดาบเอาไว้ที่มือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างได้ยกขึ้นในขณะที่เดินออกมาจากห้องโถงใหญ่
ทุกๆคนต่างก็จับจ้องไปที่เขา
สาวกเกาะเผิงไหลทั้งหลายต่างก็กำอาวุธแน่นทุกคนอยากที่จะจู่โจมชายแปลกหน้าในทันที
แต่นายหญิงหวางที่เห็นใบหน้าของชายคนนั้นได้อุทานออกมาด้วยความตกใจซะก่อน“หลิวเฉิน”
“นายหญิงข้าไม่ได้ใช้ชื่อนั้นอีกต่อไปแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปโปรดเรียกข้าว่าอาเฉียน…” เจียงอาเฉียนได้พูดออกมาอย่างไร้ยางอาย
นายหญิงหวางที่ฟังแบบนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมื่อเหล่าสาวกได้ยินเช่นนั้นเหล่าสาวกทั้งหมดก็ดูตื่นเต้น
“นี่มันศิษย์พี่ใหญ่”
“ศิษย์พี่ใหญ่หลิวเฉินจริงๆเหรอ”
เจียงอาเฉียนยกมือขึ้นมาก่อนที่จะโบกมันให้กับฝูงชน“ถูกต้องแล้ว ข้ากลับมาที่นี่ก็เพราะคำเรียกร้อง ข้าก็คือผู้ฝึกยุทธอัจฉริยะแห่งเกาะเผิงไหล ผู้ใช้ดาบที่หล่อเหลาเยือกเย็นและพึ่งพาได้ ข้าเจียงอาเฉียนมาแล้ว!”
ลู่โจวที่ทนฟังการเปิดตัวทั้งหมดได้พูดออกมาอย่างหนักแน่น“เจ้าสนุกพอแล้วรึยัง”
เจียงอาเฉียนสะดุดตัวเขารีบโค้งคำนับพร้อมกับเสียงหัวเราะแห้ง “ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะหลบหน้าท่าน ผู้อาวุโส ข้าน่ะเฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างมานานแล้ว ข้าได้เห็นแม้กระทั่งเหล่าผู้ฝึกยุทธมากมายหลายคนต้องการโจมตีเด็กสาวตัวเล็กๆ อีกด้วย…สาวน้อย เจ้าอย่าได้มองข้าแบบนั้น สิ่งที่ข้าทำทั้งหมดถือเป็นงานอย่างหนึ่ง”
หยวนเอ๋อพยายามสกัดกั้นความเจ็บปวดก่อนที่จะถ่มน้ำลายลงบนพื้น
ธิดาหอยสังข์ที่เดินตามมาก็ได้ถ่มน้ำลายบนพื้นเช่นกัน
“…”เจียงอาเฉียนพูดไม่ออก
ลู่โจวพูดต่อ“ข้าต้องยกเกาะทั้งเกาะด้วยพลังฝ่ามือเอาไว้ แต่เจ้ากลับดูสนุกสนานไปกับการชมการต่อต่อสู้”
“ผู้อาวุโสท่านเข้าใจผิดแล้ว!” เจียงอาเฉียนรีบโบกมือปฏิเสธ “ข้าได้สังหารผู้ประสงค์ร้ายไปกว่าหลายคน พวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นยอดฝีมือ ดูที่แขนข้า ข้าเองก็ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้เช่นกัน”
“หืม”ลู่โจวขมวดคิ้ว
เจียงอาเฉียนไม่กล้าที่จะแก้ตัวต่อ“ท่านพูดถูกแล้วล่ะ…ท่านพูดถูกแล้วผู้อาวุโส”
ลู่โจวจำได้ว่าหลี่จิงยี่ได้แสดงวิชาการใช้ร่มที่ทรงพลังออกมาในระหว่างการต่อสู้ที่มณฑลเหลียงและเมืองทางตอนเหนือแต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่คิดว่านางจะมีความเกี่ยวข้องกับเกาะเผิงไหลมาก่อน เมื่อมองย้อนกลับไป ลู่โจวก็ไม่แปลกใจเลยว่าพวกเขาทั้งคู่จะเคยเป็นสาวกของเกาะเผิงไหล
“เจียงอาเฉียนเจ้าฝึกฝนเคล็ดวิชาเต๋าพรางตัวและรักในการใช้ดาบยิ่งกว่าไหนๆ แต่เกาะเผิงไหลเป็นที่รู้กันดีว่ามีแต่เหล่าผู้ใช้ร่ม แล้วทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่ได้” ลู่โจวถามออกมาในขณะที่ลูบเครา
“ร่มไม่เหมาะชายหนุ่มอย่างข้าข้าชื่นชอบดาบมากกว่า” เจียงอาเฉียนตอบในขณะที่กอดดาบไว้แน่น
นายหญิงหวางก้าวไปข้างหน้าก่อนที่จะคว้าหูของเจียงอาเฉียนเอาไว้“เจ้ามันเลว”
“โอ๊ย…เจ็บ!นายหญิง ปล่อยข้า ได้โปรดปล่อยข้าเถอะ…”
นายหญิงหวางได้ผลักเจียงอาเฉียนออกไป“เกาะเผิงไหลตกอยู่ในอันตราย แต่เจ้าก็ยังดื้อด้านและยังเสเพลเช่นเดิม”
“ข้ามาที่นี่ให้เร็วที่สุดแล้ว…แม้แต่ศิษย์น้องจิงยี่เองก็ยังมาทีหลังข้า”เจียงอาเฉียนเอามือจับหูของตัวเองในขณะที่เดินถอยกลับ
นายหญิงหวางก็แค่พูดตำหนิเจียงอาเฉียนไปอย่างนั้นยังไงซะเกาะเผิงไหลก็ฟันฝ่าวิกฤตมาได้ เดิมทีเจียงอาเฉียนก็มีนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่ต้น เจียงอาเฉียนมักจะทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ มาโดยตลอด ท้ายที่สุดแล้วนายหญิงหวางก็ถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “ข้ารู้สึกขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่ช่วยเหลือเกาะเผิงไหล”
เจียงหาเฉียนส่ายหัวก่อนจะพูดต่อ“ข้าไม่กล้ารับความดีความชอบ ต้องขอบคุณผู้อาวุโสจีจริงๆ ที่ยกเกาะลอยฟ้าไว้ ข้าไม่แปลกใจเลยที่ผู้อาวุโสจีจะเอาชนะยอดฝีมือจากสำนักใหญ่ทั้งสิบได้! ข้ารู้สึกดีใจจริงๆ ที่รู้จักยอดฝีมือแบบท่าน!”
ทุกคนบนเกาะต่างก็ปรบมือให้กับลู่โจวการยกเกาะลอยฟ้าของลู่โจวได้ทำให้ตัวเขาใช้พลังจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์จนหมด ถ้าหากไม่ได้ความช่วยเหลือจากหลัวยู ตัวเขาก็คงจะไม่สามารถรักษาเกาะเผิงไหลจนมาถึงตอนนี้ได้
ในตอนนั้นเองก็มีแสงสีเขียวจางๆส่องมาจากด้านข้างของลู่โจว
นายหญิงหวาง,เจียงอาเฉียน และหลี่จิงยี่ต่างก็เหลือบมองไปที่มัน แสงที่ได้เห็นมาจากฝ่ามือของธิดาหอยสังข์นั่นเอง
“นั่นมันหยกหลานเทียน”