ตอนที่ 475 กลับมาอย่างปลอดภัย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 475 กลับมาอย่างปลอดภัย

ความผิดของนายอำเภอโจวถูกถวายฎีกาขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว เขาคิดว่าคงถูกลดตำแหน่งแน่นอน

นึกไม่ถึงว่าเบื้องบนจะลงโทษเขาเพียงการตัดเงินเดือนครึ่งปีเท่านั้น…

เขาคิดว่าคงเป็นเพราะไป๋ชิงเหยียนช่วยขอร้ององค์รัชทายาทแทนเขา เขาจึงไม่ถูกลดตำแหน่ง ดังนั้นนายอำเภอโจวจึงอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก

เงินครึ่งปีไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับนายอำเภอโจว สิ่งสำคัญก็คือองค์หญิงเจิ้นกั๋วช่วยขอร้องแทนเขา เห็นเขาเป็นพวกเดียวกันกับนาง

มองเห็นขบวนรถม้าซึ่งมีองครักษ์ขี่ม้านำขบวนมาแต่ไกล เจ้าเมืองลุกขึ้นยืน เดินออกมาจากกระโจมผ้าใบ ยืนจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อยอยู่ที่เดิม

ไป๋จิ่นจื้อซึ่งอยู่บนหลังม้ามองเห็นเจ้าเมืองและนายอำเภอโจวมาแต่ไกล เด็กสาวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก้มตัวไปรายงานไป๋ชิงเหยียนที่อยู่ในรถม้า “พี่หญิง ท่านเจ้าเมืองและใต้เท้าโจวรอต้อนรับอยู่หน้าประตูเมืองอีกแล้วเจ้าค่ะ พวกเขาไม่เคยพลาดสักครั้งเลยนะเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนซึ่งอยู่ในรถม้าวางม้วนไม้ไผ่ในมือลง มองดูต่งถิงเจินที่ยังคงนอนหลับอยู่ หญิงสาวแหวกม่านรถม้าออกเล็กน้อย กล่าวกับไป๋จิ่นจื้อ “หยุดทักทายพอเป็นพิธีก็พอ”

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ!”

“เรียกลุงผิงมาหน่อย” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

ไม่นานไป๋จิ่นจื้อก็ไปตามหลูผิงมา หลูผิงขี่ม้าขนาบข้างรถม้า กล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่…”

สายตาของไป๋ชิงเหยียนยังคงหยุดอยู่ที่ร่างของต่งถิงเจินซึ่งยังคงหลับสนิท แหวกม่านกล่าวกับหลูผิง “พอกลับไปถึงจวนเรียบร้อยแล้ว ลุงผิงช่วยไปถามจี้ถิงอวี๋หน่อยว่าเรื่องลักพาตัวเด็กที่เราได้ยินระหว่างเดินทางกลับมาซั่วหยางมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่”

“ขอรับ คุณหนูใหญ่วางใจได้ขอรับ ข้าจะถามให้รู้แน่ชัดขอรับ!” หลูผิงพยักหน้า

โจรป่าที่เมืองซั่วหยางเป็นเช่นไร ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีกว่าผู้ใดทั้งหมด!

จี้ถิงอวี๋จะลงจากภูเขาไปลักพาตัวเด็กๆ ได้อย่างไรกัน

ระหว่างทาง ตอนแรกหญิงสาวได้ยินว่าเด็กหายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ วันนี้ตอนใกล้ถึงซั่วหยางได้ยินว่าโจรป่าลงมาจากภูเขาเพื่อจับตัวเด็กไปอย่างซึ่งๆ หน้า

บิดามารดาของเด็กที่ถูกจับตัวไปตามขึ้นไปบนภูเขากลับถูกโจรป่าสังหารเสียชีวิตอยู่บนนั้น

ไป๋ชิงเหยียนพิจารณาแล้วก็คิดว่าควรให้หลูผิงไปสอบถามให้แน่ชัด

เมื่อเห็นว่ารถม้าใกล้มาถึงประตูเมืองซั่วหยาง นายอำเภอโจวรีบรับกล่องกำมะหยี่มาจากมือของบ่าวรับใช้ จากนั้นเดินตามหลังเจ้าเมืองไปยังรถม้าของไป๋ชิงเหยียน

เมื่อเห็นไป๋จิ่นจื้อนั่งอยู่บนหลังม้า เขาจึงยกมือคารวะไป๋จิ่นจื้อพร้อมกับเจ้าเมือง

เจ้าเมืองกล่าวขึ้น “ยินดีกับจวิ้นจู่ด้วยขอรับ!”

“นี่คือของแสดงความยินดีที่ข้าเตรียมไว้ให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่ขอรับ แม้ไม่มีค่ามากนัก ทว่า ข้าตั้งใจมอบให้ท่าน หวังว่าจวิ้นจู่จะรับไว้ขอรับ!” นายอำเภอโจวก้าวไปด้านหน้าพลางยกกล่องกำมะหยี่ขึ้นเหนือศีรษะยิ้มๆ

“ข้ารับน้ำใจของใต้เท้าโจวแล้ว ทว่า นำของกำนัลกลับไปเถิด” เสียงของไป๋ชิงเหยียนดังมาจากในรถม้า

เจ้าเมืองเห็นนิ้วมือเรียวขาวราวกับหยกของไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านรถม้าออกเล็กน้อย จนเห็นใบหน้าครึ่งหนึ่งของหญิงสาวจึงรีบทำความเคารพ “คารวะองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ!”

“ระหว่างทาง ข้าผ่านอำเภอหลายอำเภอ ได้ยินว่าช่วงนี้โจรป่าอาละวาดอย่างหนัก ลักพาตัวเด็กไปหลายครอบครัว ซั่วหยางของเราเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ้างหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนถาม

นายอำเภอโจวก้าวไปด้านหน้า กล่าวขึ้น “ทูลองค์หญิง นอกจากลงจากภูเขามาปล้นเสบียงและเผาบ้านเรือนหนักกว่าเดิม ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีเด็กหายพ่ะย่ะค่ะ”

เจ้าเมืองมองนายอำเภอโจวแวบหนึ่ง จากนั้นหันไปกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “แม้เมืองซั่วหยางยังไม่เคยมีเด็กถูกลักพาตัวไป ทว่า ได้ข่าวว่าเด็กที่หายตัวไปเหล่านั้นล้วนถูกโจรป่าจับตัวไปพ่ะย่ะค่ะ โจรเหล่านั้นเหิมเกริมขึ้นทุกทีพ่ะย่ะค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า สายตาหยุดอยู่ที่นายอำเภอโจว “แม้ไม่ได้รับรายงาน ทว่า ท่านเป็นคนของแผ่นดิน ควรสังเกตการณ์และใส่ใจชาวบ้านให้มากกว่านี้!”

“องค์หญิงวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ อีกสักครู่กระหม่อมจะไปสังเกตการณ์พ่ะย่ะค่ะ จะไม่ปล่อยให้เด็กในเมืองซั่วหยางถูกลักพาตัวไปแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” นายอำเภอโจวรับประกัน

“เช่นนั้นก็ดี!” ไป๋ชิงเหยียนลดม่านลง เอ่ยขึ้น “ขอบคุณท่านทั้งสองที่ออกมารอต้อนรับ ข้าเดินทางมาเหนื่อยมากแล้ว ขอตัวกลับไปพักผ่อนที่จวนไป๋ก่อน เชิญทั้งสองท่านตามสบาย!”

ล้อของรถม้าเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง ต่งถิงเจินตื่นขึ้น หญิงสาวขยี้ตาที่บวมก่ำของตัวเอง หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง เอ่ยถามไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิง ถึงซั่วหยางแล้วหรือเจ้าคะ”

“ใช่ ถึงซั่วหยางแล้ว เมื่อถึงจวนเจ้าจะได้เจอท่านแม่พี่แล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับต่งถิงเจินยิ้มๆ “เดี๋ยวพี่จะให้ชุนเถาต้มไข่มาให้เจ้าใช้คลึงตา”

ต่งถิงเจินลูบคลำดวงตาที่บวมช้ำของตัวเอง รู้สึกผิดจนจมูกร้อนผ่าวขึ้นอีกครั้ง “พี่หญิง…”

“พอแล้ว เจ้ารับปากพี่ว่าเมื่อถึงซั่วหยางจะไม่ร้องไห้อีก อย่าทำให้ท่านแม่พี่ไม่สบายใจ” ไป๋ชิงเหยียนหยิบผ้าเช็ดหน้าสะอาดออกมาจากลิ้นชักเล็กในรถม้ายื่นให้ต่งถิงเจิน

ต่งถิงเจินรับผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาที่ยังไม่ทันไหลออกมาจากดวงตา กล่าวกับไป๋ชิงเหยียนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะไม่ทำให้ท่านอาเป็นห่วงเจ้าค่ะ”

“ดี…” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า

ต่งซื่อรับรู้เรื่องที่ต่งถิงเจินจะเดินทางมายังซั่วหยางแล้ว ทว่า ต่งซื่อไม่รู้สาเหตุที่หลานสาวมายังซั่วหยาง ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากเล่าให้มารดารู้สึกไม่สบายใจ

หลานสาวทางฝั่งมารดาจะมาอยู่เป็นเพื่อนนาง ต่งซื่อย่อมดีใจเป็นธรรมดา สั่งให้หมัวมัวเตรียมทำความสะอาดจวนรับรองหลังหนึ่งไว้ตอนรับ อีกทั้งจัดเตรียมบรรดาสาวใช้ไว้ปรนนิบัติรับใช้หลานสาวของตนเรียบร้อย

เมื่อฮูหยินสามหลี่ซื่อได้ยินว่ากลุ่มของไป๋ชิงเหยียนกำลังเดินทางเข้ามาในเมืองแล้ว นางรีบชวนต่งซื่อออกไปรอต้อนรับที่หน้าจวนทันที

ขบวนรถม้าของไป๋ชิงเหยียนหยุดลงที่หน้าจวนไป๋ ต่งซื่อ ฮูหยินสามหลี่ซื่อ ฮูหยินสี่หวังซื่อและฮูหยินห้าฉีซื่อซึ่งอุ้มไป๋หว่านชิงไว้ในอ้อมกอดล้วนออกมารอต้อนรับที่หน้าจวน

“ท่านแม่ ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ท่านอาสะใภ้สี่ ท่านอาสะใภ้ห้า!” ไป๋จิ่นจื้อลงมาจากหลังม้า คุกเข่าคำนับทุกคน “ไป๋จิ่นจื้อกลับมาอย่างปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ!”

ชุนเถายืนรออยู่ตรงบันไดของจวนไป๋นานแล้ว เมื่อเห็นรถม้าของไป๋ชิงเหยียนจอดนิ่งจึงรีบเข้าไปช่วยประคองไป๋ชิงเหยียนลงมาจากรถม้า เมื่อเห็นต่งถิงเจินลงมาจากรถม้าตามหลังไป๋ชิงเหยียนจึงทำความเคารพพลางทักทายหญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คารวะคุณหนูเปี่ยวเจ้าค่ะ!”

ใบหน้าของต่งถิงเจินเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พยักหน้าให้ชุนเถาเล็กน้อย หันมองไปทางบันไดสูงของจวนไป๋ จากนั้นย่อกายทำความเคารพ “ท่านอา ฮูหยินสาม ฮูหยินสี่ ฮูหยินห้า!”

“ท่านแม่ ท่านอาสะใภ้สาม ท่านอาสะใภ้สี่ ท่านอาสะใภ้ห้า!” ไป๋ชิงเหยียนคุกเข่าคำนับ “ไป๋ชิงเหยียนกลับมาอย่างปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ!”

ต่งถิงเจินรีบเข้าไปประคองไป๋ชิงเหยียน

“กลับมาก็ดีแล้ว! ดีแล้ว!” ต่งซื่อเดินลงจากบันได ลูบไปที่ใบหน้าของบุตรสาวอย่างแผ่วเบา จากนั้นหันไปกุมมือของต่งถิงเจิน “เหตุใดตาจึงบวมก่ำเช่นนี้กัน”

“ท่านแม่ ข้าเล่าเรื่องสงครามให้ถิงเจินฟังระหว่างทาง ถิงเจินจึงร้องไห้เจ้าค่ะ…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ

“นั่นสิเจ้าคะ พี่ถิงเจินอ่อนไหวมากเลยเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวเสริม

“มือเจ้าเป็นอันใดไป” ต่งซื่อจับมือของไป๋จิ่นจื้อไปสำรวจ

“มิเป็นอันใดเจ้าค่ะท่านป้าสะใภ้ใหญ่” ไป๋จิ่นจื้อรีบชักมือกลับ ทว่า กลับถูกหลี่ซื่อจับไว้เสียก่อน น้ำตาของหลี่ซื่อไหลพรากทันที

“ข้าไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะท่านแม่ แผลเล็กน้อยเท่านั้น” ไป๋จิ่นจื้อถูกมารดาดุจนเคยชิน เมื่อเห็นมารดาร้องไห้เช่นนี้จึงทำตัวไม่ถูก