ตอนที่ 477 เร็วกว่าหนึ่งก้าว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 477 เร็วกว่าหนึ่งก้าว

การกระทำยิ่งใหญ่ของเสิ่นเยี่ยนฉงทำเอาไป๋ชิงผิงรีบวางถ้วยชาในมือลงอย่างตกใจ ชายหนุ่มเตรียมคุกเข่าลงบนพื้นอย่างร้อนรน

ไป๋ชิงเหยียนโบกมือสื่อให้ไป๋ชิงผิงไม่ต้องคุกเข่า “แค่บรรดาศักดิ์ภายนอกเท่านั้น คุณชายเสิ่นลุกขึ้นเถิด! คนกันเองทั้งสิ้น ต่อไปไม่ต้องคุกเข่าคำนับข้าอีก โค้งกายเคารพก็พอแล้ว!”

เสิ่นเยี่ยนฉงได้ยินคำว่า ‘คนกันเอง’ ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก

ไป๋ชิงเหยียนเดินไปนั่งบนเก้าอี้ด้านหน้าสุด เอ่ยถาม “พวกเจ้าสองคนมาที่นี่เพราะเรื่องการฝึกซ้อมชาวบ้านอย่างนั้นหรือ”

“ขอรับ!” ไป๋ชิงผิงพยักหน้า

เสิ่นเยี่ยนฉงนั่งลงแล้วจึงกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “หลังจากที่องค์หญิงจากไป บรรดาคนที่มาจากหนานเยี่ยนคิดหนีออกจากค่ายอยู่หลายครา ทว่า ถูกกระหม่อมกับสหายผิงหาทางขวางไว้ได้เสียก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าลง หลี่เทียนฟู่ส่งคนเหล่านี้มาเอาชีวิตนาง เมื่อนางจากไป…คนเหล่านี้ย่อมอยากตามไปสังหารนางอยู่แล้ว

“พวกเจ้าทำได้ดีมาก!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเสิ่นเยี่ยนฉงและไป๋ชิงผิง “คนเหล่านี้สอนชาวบ้านดีหรือไม่”

“พวกเขามีฝีมือมากพ่ะย่ะค่ะ การต่อสู้ระยะประชิดตัวก็ทำได้ดีและนำไปใช้ได้จริง กระหม่อมกับสหายผิงจดบันทึกไว้เกือบหมด ชาวบ้านคนอื่นจะได้ซ้อมตามนั้นพ่ะย่ะค่ะ” ครั้งนี้เสิ่นเยี่ยนฉงไม่ได้แย่งความดีความชอบของไป๋ชิงผิง เขามองไป๋ชิงผิงยิ้มๆ จากนั้นกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงผิงรีบยกมือคารวะ “ต้องขอบคุณที่สหายเยี่ยนฉงเกริ่นว่าคนเหล่านั้นมีฝีมือ มิเช่นนั้นข้าคงคิดไม่ถึงว่าควรจะจดบันทึกไว้ขอรับ”

ถือได้ว่าใช้ประโยชน์จากพวกเขาอย่างคุ้มค่าที่สุด รอยยิ้มปรากฏในแววตาของไป๋ชิงเหยียน หากหลี่เทียนฟู่รู้ว่ามือสังหารที่ตัวเองส่งมาสังหารนางมาช่วยฝึกทหารให้นางที่ซั่วหยางเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะโมโหสักเพียงใด

“ให้คนจับตาดูคนเหล่านั้นไว้ให้ดี!” ไป๋ชิงเหยียนถามต่อ “ระหว่างเดินทางกลับซั่วหยาง ข้าได้ยินว่าบรรดาเด็กๆ จากหมู่บ้านใกล้เคียงถูกลักพาตัวไป อีกทั้งมีชาวบ้านเห็นว่าโจรป่าบุกลงมาจับตัวเด็กไปกับตาของตัวเอง”

ไป๋ชิงผิงพยักหน้า “มีข่าวลือเช่นนี้ขอรับ ดังนั้นช่วงนี้ข้ากับสหายเยี่ยนฉงจึงเร่งฝึกซ้อมกันอย่างเข้มงวด บางทีอีกครึ่งเดือนพวกเราอาจลองไปปราบโจรป่าได้ขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ครั้งนี้ฝ่าบาทพระราชทานเงินทองให้ไม่น้อย เดี๋ยวคุณชายเสิ่นไปตรวจนับดู นำมาใช้การในฝึกซ้อมชาวบ้านทั้งหมดเลย”

เมื่อเสิ่นเยี่ยนฉงได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนให้เขาไปนับของพระราชทานของฮ่องเต้ ลำคอของเขาร้อนผ่าว สัมผัสได้ว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้เห็นเขาเป็นคนนอกจึงรีบพยักหน้ารัว

“ถงหมัวมัวพาคุณชายเสิ่นไปตรวจของและทำรายการบันทึก ไป๋ชิงผิงอยู่ต่อก่อน…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

เสิ่นเยี่ยนฉงมองไปทางไป๋ชิงผิงอย่างแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นทำความเคารพแล้วเดินตามถงหมัวมัวไปนับของ

“ท่านพี่อยากถามเรื่องท่านแม่ของข้าใช่หรือไม่ขอรับ” ไป๋ชิงผิงกำมือแน่น รู้สึกลำบากใจ

“ได้ยินว่าแม่ของเจ้ากลับไปตระกูลฝั่งมารดา อีกทั้งก่อนไปยังอาละวาดยกใหญ่อย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาเป่าไอร้อน จากนั้นจิบเล็กน้อย

“ไม่ปิดบังท่านพี่ ท่านแม่ของข้าเลอะเลือนถึงขนาดกล้าส่งคนไปสืบการเดินทางของท่าน ท่านพ่อของข้าโมโหจนต้องการหย่าร้างกับท่านแม่ ท่านแม่ของข้าจึงเก็บของกลับไปอยู่ตระกูลท่านยายขอรับ” ไป๋ชิงผิงเอ่ยถึงมารดาของตนอย่างรู้สึกผิดและละอายใจต่อไป๋ชิงเหยียนมาก

“สืบการเดินทางของข้าไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ท่านพ่อของเจ้าไม่จำเป็นต้องลงโทษนางหนักถึงเพียงนั้น ขอเพียงท่านแม่ของเจ้าไม่ทำเกินขอบเขตเกินไป ข้าจะไว้หน้านางในฐานะภรรยาของประมุขตระกูลไป๋” ไป๋ชิงเหยียนลูบถ้วยชาอย่างแผ่วเบา “บัดนี้เจ้ากำลังฝึกซ้อมชาวบ้านในค่ายทหาร จะเสียสมาธิเพราะเรื่องเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด”

ไป๋ชิงเหยียนไม่สนใจว่ามารดาของไป๋ชิงผิงจะอาละวาดเพียงใด นางกลัวแค่ว่าจะส่งผลกระทบต่อไป๋ชิงผิงเท่านั้น

“ท่านพี่ไม่ต้องห่วงขอรับ ชิงผิงรู้แยกแยะได้ ไม่มีทางทำการใหญ่เสียเรื่องเพราะเรื่องส่วนตัวแน่นอนขอรับ…” ไป๋ชิงผิงลุกขึ้นยืนโค้งคำนับให้ไป๋ชิงเหยียน “ท่านพี่เพิ่งกลับมาจากสงครามที่เป่ยเจียง ควรพักผ่อนให้มาก ชิงผิงกำลังทำรายงานสรุปสถานการณ์ในค่ายให้ท่าน เมื่อทำเสร็จแล้วจะนำมาให้ท่านพี่อ่านขอรับ”

“ไม่ต้องหรอก พี่ไว้ใจให้เจ้าฝึกฝนชาวบ้าน” ไป๋ชิงเหยียนยิ้มให้ไป๋ชิงผิง “ไปช่วยเสิ่นเยี่ยนฉงตรวจของพระราชทานเถิด เจ้ารู้ดีว่าควรรับชาวบ้านเพิ่มอีกเท่าใด”

“ขอรับ!” ไป๋ชิงผิงโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม

ไป๋ชิงเหยียนพบเฉิงซ่านหรูก่อนทานอาหารเย็น หลังจากเฉิงซ่านหรูรายงานสถานการณ์ของเหมืองให้ไป๋ชิงเหยียนฟังเสร็จ ไป๋ชิงเหยียนเรียกองครักษ์ไป๋ซึ่งปลอมตัวเป็นคนของอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนและองครักษ์สองคนซึ่งเหลียงอ๋องคิดว่าเสียชีวิตไปแล้วมาพบ สั่งให้พวกเขาติดตามรับใช้เฉิงซ่านหรูตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

เฉิงซ่านหรูรีบกล่าวขอบคุณ เขานึกถึงเรื่องที่เกิดในเหมืองวันนี้ขึ้นมาได้จึงกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่ขอรับ เมื่อวานผู้ดูแลหวังจิ่วโจวพาชายหนุ่มคนหนึ่งไปที่เหมืองขอรับ เขามีท่าทีนอบน้อมต่อคนผู้นั้นมาก ทว่า ไม่ได้บอกข้าว่าคนผู้นั้นคือผู้ใดขอรับ”

จู่ๆ ไป๋ชิงเหยียนก็นึกถึงเซียวหรงเหยี่ยนขึ้นมา เอ่ยถามเฉิงซ่านหรู “ชายคนนั้นมีองครักษ์ที่ดูโผงผางมุทะลุติดตามไปด้วยใช่หรือไม่”

เฉิงซ่านหรูพยักหน้ารัว “ใช่ขอรับ ดูเหมือนว่าองครักษ์ผู้นั้นจะมีนามว่าสืออันใดสักอย่างขอรับ คุณหนูใหญ่รู้จักหรือขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า เป็นเซียวหรงเหยี่ยนจริงๆ ด้วย นึกไม่ถึงเลยว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะมาถึงซั่วหยางก่อนนางก้าวหนึ่งเช่นนี้

“คุณหนูใหญ่…” ถงหมัวมัวเดินเข้ามาในศาลา มองบุตรชายของตัวเองแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “ฮูหยินให้ฉินหมัวมัวมาเชิญคุณหนูใหญ่ไปรับประทานอาหารเจ้าค่ะ วันนี้คุณหนูใหญ่และคุณหนูสี่กลับมา คุณหนูตระกูลต่งก็มาเยี่ยมเยียน ฮูหยินให้ทุกคนไปทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันเจ้าค่ะ ฮูหยินสั่งให้จัดโต๊ะอาหารที่เรือนเสาหวาซึ่งบรรยากาศดีที่สุดในจวนไป๋เจ้าค่ะ”

“ได้!” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เฉิงซ่านหรูรีบร้อนมาที่นี่คงหิวแล้วเช่นกัน ถงหมัวมัวเตรียมอาหารและอยู่ทานเป็นเพื่อนเขาเถิด ชุนเถาตามข้าไปก็พอ”

รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการให้นางและบุตรชายมีเวลาอยู่ด้วยกัน ถงหมัวมัวจึงรับคำยิ้มๆ “เจ้าค่ะ!”

เรือนเสาหวาตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจวนไป๋ ตัวเรือนล้อมรอบด้วยต้นไม้เก่าแก่ต้นสูงใหญ่ ได้ยินว่าต้นไม้เก่าแก่เหล่านี้มีอยู่ก่อนแล้ว บรรพบุรุษตระกูลไป๋สร้างภูเขาจำลองและขุดทะเลสาบขึ้นภายหลัง จากนั้นสร้างเรือนเสาหวาซึ่งมีสามชั้นขึ้นที่นี่ ด้านบนสุดมีเสาไม้สีแดงเคลือบน้ำมันตั้งอยู่ทั้งสี่มุม มีม่านไม้ไผ่ห้อยประดับลงมาครึ่งหนึ่ง จากนั้นแขวนทับด้วยผ้าม่านผืนบางเพื่อกันแมลงบินเข้ามารบกวนด้านใน มองเห็นบรรยากาศด้านในตัวเรือนได้ลางๆ เป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก

ดวงอาทิตย์หายลับไปจากขอบฟ้าทางทิศตะวันตก ภายในเรือนเสาหวาจุดไฟสว่างจ้าราวกับเป็นเวลากลางวัน โคมไฟนกเฟิ่งหวง[1] สีเงินตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างทางเดินสองข้างทางซึ่งปูด้วยหินกรวด เปลวไฟสะบัดไปมา สะท้อนไปยังดอกไม้ใบหญ้า เป็นบรรยากาศที่งดงามมาก

ต่งถิงเจินมาที่จวนบรรพบุรุษไป๋ที่ซั่วหยางเป็นครั้งแรก หญิงสาวเพิ่งรับรู้ว่าตระกูลที่เก่าแก่และเจริญรุ่งเรืองมาช้านานจริงๆ เป็นเช่นไรกันแน่ เดิมทีนางคิดว่าตระกูลต่งถือเป็นตระกูลที่มั่งคั่งมากแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าตระกูลต่งของนางสู้ตระกูลไป๋ไม่ได้เลยสักนิด

ตอนที่ตระกูลไป๋เผชิญปัญหาใหญ่ ตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงล้วนตีตัวออกห่างตระกูลไป๋ มีเพียงตระกูลต่งที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ทุกคนในตระกูลไป๋ไม่เคยลืมบุญคุณในครั้งนี้ บรรดาท่านอาสะใภ้ของไป๋ชิงเหยียนจึงรักและเอ็นดูต่งถิงเจินประหนึ่งหลานสาวแท้ๆ คนหนึ่ง

ต่งถิงเจินเห็นคุณหนูแปดไป๋หว่านชิงซึ่งตัวอ้วนกลม แก้มยุ้ย ผิวนุ่มลื่นน่าสัมผัสบนโต๊ะอาหารก็หลงรักเป็นอย่างมาก อุ้มไม่ยอมปล่อย ทว่า ไป๋หว่านชิงกลับปัสสาวะรดมือของต่งถิงเจิน ต่งถิงเจินทำตัวไม่ถูก ได้แต่ขอตัวไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย

[1] นกเฟิ่งหวง คือ นกฟีนิกซ์ หรือ หงส์จีนโบราณ