ตอนที่ 509 ข่าวฉาวจะเที่ยวพูดไปทั่วไม่ได้

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 509 ข่าวฉาวจะเที่ยวพูดไปทั่วไม่ได้

หลินเว่ยเว่ยเข้าใจในจุดมุ่งหมายของอีกฝ่ายทันที นางแสร้งยิ้มแล้วทูลว่า “องค์ชายเจ็ดและหมินอ๋องซื่อจื่อมาเยือน ย่อมเป็นเกียรติของหม่อมฉันและยินดีต้อนรับมากเพคะ…”

องค์ชายเจ็ดวางเศษเงินในพระหัตถ์ลงแล้วดำเนินออกมาด้วยความพอพระทัย…ต่อไปนี้ก็มีสถานที่ให้เสวยขนมเพิ่มแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาแต่คิดถึงขนมร้านหนิงจี้ !

หลังจากรอให้องค์ชายเจ็ดเสด็จออกไปแล้ว บุตรหลานตระกูลขุนนางที่อยู่โดยรอบก็อดไม่ได้ที่จะพุ่งเข้ามา พวกเขาไม่กล้าพูดกับเด็กสาวอย่างหลินเว่ยเว่ย จึงหันไปถามเจียงโม่หานที่มีใบหน้างดงามและดูเย็นชาแทน “ไม่ทราบว่าพี่ชายท่านนี้มีนามว่าอะไร บ้านเกิดอยู่แห่งหนใดหรือ ? ”

ขณะมองทายาทขุนนางที่ดูคุ้นหน้าบ้างและแปลกหน้าบ้าง เจียงโม่หานก็ยังคงเป็นคนพูดน้อยเหมือนเดิม “เจียงโม่หาน เขตเริ่นอัน เมืองจงโจว”

เมืองจงโจว ? พวกเขารู้จัก เป็นเมืองหนึ่งที่อยู่ใกล้ชายแดนของภาคเหนือ แต่เขตเริ่นอันคือที่ใดกัน ? บุตรขุนนางที่เติบโตในเมืองหลวงเหล่านี้ก็ไม่รู้จักมากกว่านั้นแล้ว

“จริงสิ หมินอ๋องซื่อจื่อที่กำลังกลับมาพร้อมชัยชนะก็ไปเฝ้ารักษาการณ์อยู่ที่เมืองจงโจวไม่ใช่หรือ ? ได้ยินว่า เพราะสงครามครานั้นทำให้การสอบเซียงชื่อของเมืองจงโจวต้องถูกยกเลิก บัณฑิตในเมืองจงโจวจึงต้องไปสอบเซียงชื่อที่เมืองเหอโจวแทน” บุตรขุนนางผู้ชาญฉลาดคนหนึ่งเข้ามาพูดกับสหาย

สหายของเขาเริ่มใช้สมองบ้าง “องค์ชายเจ็ดก็เคยเสด็จไปช่วยเหลือเรื่องเสบียงบรรเทาทุกข์จากภัยแล้งที่ภาคเหนือ หรือจะได้เจอกันตอนนั้น ? นอกจากหมินอ๋องซื่อจื่อแล้ว องค์ชายเจ็ดก็ไม่คบหาบุตรหลานขุนนางคนไหนอีก คนผู้นี้มีสิ่งใดพิเศษ ถึงขั้นทำให้พระองค์หันมามองได้ ? ”

แต่บุตรขุนนางอีกคนหันไปมองหลินเว่ยเว่ยที่กำลังเก็บกวาดแผงขายขนมอยู่ด้านข้างแล้วพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า “เมื่อครู่ ตั้งแต่ต้นจนจบ องค์ชายเจ็ดก็สนทนาอยู่กับเด็กสาวผู้นั้นคนเดียว แถมท่าทางยังดูอ่อนโยนและเป็นกันเองสุด ๆ เจ้าคิดว่า…พระองค์ชอบนางหรือเปล่า ? ”

“พี่จางโปรดระวังคำพูดด้วย ! ” เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับองค์ชายเจ็ดเท่านั้น ทว่าเกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของสาวน้อยด้วย ข่าวฉาวจะเที่ยวพูดไปทั่วไม่ได้เด็ดขาด เพราะหากทำให้องค์ชายเจ็ดขุ่นเคือง พวกเราได้ลำบากแน่

“บัณฑิตน้อย พวกเราไปเดินเล่นในงานวัดกันเถิด ! ได้ยินว่ามีคณะกายกรรมด้วยล่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะมีการแสดงทุบหินบนหน้าอกหรือเปล่า ! ” หลินเว่ยเว่ยดึงแขนเสื้อเจียงโม่หานด้วยความตื่นเต้นและพาเขาไปยังจุดที่มีคนพลุกพล่านที่สุด

ซัวถัวเก็บโต๊ะยาวและเก้าอี้ขึ้นรถม้า จากนั้นก็หันมาพูดกับภรรยาว่า “หยาเอ๋อร์ เจ้าไปเดินเล่นกับพวกเจ้านายเถิด ประเดี๋ยวข้าอยู่ดูแลทรัพย์สินที่นี่เอง”

หยาเอ๋อร์ใช้ผ้าเช็ดคราบสกปรกบนใบหน้าให้เขาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คนเบียดเสียดกันมาก มีอะไรให้น่าดู ? ข้าอยู่เอง ท่านไปเดินเล่นเถิด”

ไฉนเลยซัวถัวจะให้ภรรยาอยู่คนเดียว ? แม้ว่าเขาอยากเดินชมงานวัดมากเพียงใด แต่ก็เลือกอยู่กับภรรยาโดยไม่ลังเล หยาเอ๋อร์รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาทันที

หลินจื่อเหยียนเบียดเข้าไปในฝูงชนแล้วยังเบียดออกมาเรียกพวกหลินเว่ยเว่ย “พี่รอง ท่านรีบเข้ามาดูกายกรรมลิงเร็วเข้า ! ”

หลินเว่ยเว่ยเปิดทางข้างหน้าแล้วพาบัณฑิตน้อยเบียดเข้าไปในฝูงชนอย่างง่ายดาย นักกายกรรมลิงอยู่ในชุดของลิงน้อยและกำลังทำท่าทางต่าง ๆ อยู่ มีการตีลังกากลับหัว ไต่เสาหรือทรงตัวอยู่บนท่อนซุง…

เพื่อเพิ่มสีสันให้การแสดง นักกายกรรมลิงยังจงใจทำตัวเป็นเจ้าลิงน้อยหัวกบฏ ทำให้เสื้อผ้าและผมของตนเลอะเทอะ เล่นจนเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้มากกว่าเดิม

เจ้านกหงส์แดงก็เข้าไปแย่งความสนใจจากลิงน้อยด้วยความไม่พอใจ มันบินไปอยู่เหนือศีรษะลิงตัวหนึ่งแล้วร้องเสียงสูง “พี่ลิง พี่ลิง ท่านช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ แม้แต่หุบเขาอันยิ่งใหญ่ก็กักขังท่านไม่ได้ ต้องโผล่ออกมาเล่นบทซุนอู๋คง (ซุนหงอคง) พี่ลิง พี่ลิง ท่านช่างลำบากจริง ๆ บทสวดดังก้อง บทซุนอู๋คงก็ไม่อาจเปลี่ยนได้อีกต่อไป…”

เสียงของมันกระจ่างใส ทั้งยังร้องได้น่าฟัง แถมยังจงใจแกล้งให้เจ้าลิงน้อยกระโดดจับ ผู้ชมที่อยู่รอบๆ คิดว่านี่เป็นสิ่งที่นักกายกรรมลิงเตรียมมาแสดง จึงตะโกนว่า “ดี ดีมาก ! ” กันให้ทั่ว และยังมีคนบอกว่า “เอาอีก ! ” หลังจากเจ้านกน้อยร้องจบแล้ว

“เสวียนจั้ง (พระถังซัมจั๋ง) ขี่ม้ากับกับ ด้านหลังตามมาด้วยซุนอู๋คง ซุนอู๋คงวิ่งเร็ว จูปาเจี้ย (ตือโป๊ยก่าย) ตามมาข้างหลัง จูปาเจี้ยจมูกยาว ต่อมาเป็นชาอู้จิ้ง (ซัวเจ๋ง)…” เมื่อมีฝูงชนรุมล้อม เจ้านกน้อยก็เกิดคึกคะนองขึ้นมาทันที มันบินไปพลางร้องเพลงกล่อมเด็กไปด้วย เพลงนี้เป็นเพลงที่หลินเว่ยเว่ยร้องให้เจ้าหนูน้อยฟัง คาดไม่ถึงว่าเจ้านกฉลาดจะเรียนรู้จนร้องเป็น

ในยุคนี้ก็มี ‘การเดินทางสู่ทิศตะวันตก’ เหมือนกัน และยังเป็นเรื่องราวที่ได้รับความนิยมที่สุดของนักเล่านิทานด้วย สามารถพูดได้ว่านิยมกันจนเล่าไปทั่ว

ผู้ชมที่อยู่โดยรอบคิดว่าเจ้านกน้อยถูกฝึกมาโดยนักกายกรรมลิง จึงดูสดใหม่กว่ากายกรรมลิงแบบดั้งเดิมมาก ดังนั้นตอนที่ลิงเฒ่าถือถาดออกมาขอรางวัล ผู้ชมจึงให้เงินกันอย่างใจกว้าง นักกายกรรมลิงเห็นคนให้เงินมากกว่าปกติเกือบเท่าตัวจึงยิ้มหน้าบานทันที

เจ้านกน้อยไม่สบอารมณ์ขึ้นมา มันบินไปหานักกายกรรมลิง “เงินค่าแรงของข้า ? มีส่วนหนึ่งเป็นเงินของข้า…”

นักกายกรรมลิงไม่รู้ว่านกน้อยมีเจ้าของหรือเปล่า จึงพูดด้วยน้ำเสียงราวกับคนที่กำลังจะลักพาตัวเด็กน้อย “เจ้านกน้อย เจ้ามาติดตามข้าสิ ต่อไปข้าจะจ่ายค่าแรงเจ้าเอง…”

“ช่วยด้วย ! ลักพาตัว ! โจรลักพาตัว ! ลักพาเด็กโดยเฉพาะ ! ” หงส์แดงแหกปากร้องตะโกน ผู้ชมที่ได้ยินต่างหัวเราะกันทันที…วันนี้นักกายกรรมแสดงได้ดีจริง ๆ

นักกายกรรมลิงเห็นเจ้านกน้อยฉลาดถึงขนาดนี้จึงมีความคิดอยากครอบครองมากกว่าเดิม “เจ้านกน้อย เจ้านายของเจ้าอยู่ที่ใด ? ถ้าไม่มีล่ะก็ วันหน้ามาติดตามข้าเถิด ไม่ว่าจะข้าวโพดหรือเมล็ดแตงโม ข้าก็มีให้เจ้ากินทั้งนั้น…”

“เจ้านาย รีบออกมาเร็ว ! มีคนเลวกำลังจะลักพาตัวข้า ! ” เจ้านกน้อยตะโกนพลางบินไปทางหลินเว่ยเว่ย “นกหนึ่งตัวไม่มีนายสองคน ข้าเป็นแค่นกที่มีความภักดีและมีเอกลักษณ์ ! ความมั่งคั่งไม่อาจสั่นคลอน ความยากจนไม่หวั่นเกรง โดนขู่จะยอมไม่ได้ ถึงจะเรียกว่าลูกผู้ชาย ! ”

หลินเว่ยเว่ยรีบเข้าไปซ่อนในฝูงชน นางไม่รู้จักเจ้านี่…น่าขายหน้าชะมัด ! หงส์แดงเห็นนายหญิงเดินหนีได้จากตอนอยู่บนท้องฟ้า แต่มันก็ยังบินวนอยู่เหนือถาดเงินด้วยความอาลัยอาวรณ์ ท้ายที่สุดมันก็หันไปมองเหรียญทองแดงในมือนักกายกรรมลิงแล้วทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ว่า “โชคช่วยเจ้าแล้ว ! ” จากนั้นก็กระพือปีก บินไล่ตามนายหญิงไป !

กระทั่งถึงตอนนี้ผู้ชมจึงได้เข้าใจว่าแท้จริงนี่ไม่ใช่สิ่งที่นักกายกรรมลิงจัดเตรียมไว้ ! ทว่าได้มาดูการแสดงอันยอดเยี่ยมแบบบังเอิญนี้ ก็ถือว่าโชคดีไม่น้อย

นักกายกรรมลิงรู้ว่านกน้อยมีเจ้าของ คนที่สามารถฝึกนกให้พูดจาได้คล่องแคล่วแบบนี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดา แม้รู้สึกอิจฉาเพียงใดก็ได้แต่ยอมแพ้…ในเมืองหลวงแห่งนี้ มีใครหลายคนที่เขาไม่อาจผิดใจได้ !

เจ้านกน้อยลงมาเกาะที่ไหล่หลินเว่ยเว่ยแล้วใช้ตัวถูไถใบหน้าของนางอย่างเอาอกเอาใจ “นายหญิง ท่านไม่ต้องการหงส์แดงที่เชื่อฟัง น่ารักและฉลาดเฉลียวแล้วหรือ ? ”

“ไม่ต้องการแล้ว ใครอยากได้ก็เอาไปเถิด ! ” หลินเว่ยเว่ยเห็นด้านหน้ามีคนมุงดูอีกกลุ่มหนึ่งและยังมีเสียงโห่ร้องดังขึ้นเป็นครั้งคราว นางจึงลากเจียงโม่หานเข้าไปดู

“ว้าว ! มีการแสดงกายกรรมอีกแล้ว ! ” หลินเว่ยเว่ยเห็นเด็กสาวสองคนวางชามไว้บนศีรษะ หลังจากยืนอยู่บนเก้าอี้พักหนึ่งแล้วก็พลิกตัวลงมาใช้มือยันพื้นไว้แทน จากนั้นก็เริ่มดัดร่างกายให้เป็นท่าทางน่าทึ่ง…ไม่ว่าจะทำท่าไหน ชามบนศีรษะก็ไม่ร่วงลงมา นางจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ดี ! ” แล้วปรบมือให้

หงส์แดงก็ร่วมสนุกด้วย “ดี ! เอาอีก ! ”

เด็กสาวที่กำลังแสดงอยู่ก็เห็นเจ้านกน้อยบินมาตรงเบื้องหน้าแล้วพูดว่า ดี นางจึงแทบจะทำชามบนศีรษะหล่นลงมาทันที หลินเว่ยเว่ยยกมือปิดหน้าแล้วรีบเรียกเจ้าตัวก่อเรื่องกลับมา