ตอนที่ 375 ข้าหยุดไม่ได้จริงๆ (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 375 ข้าหยุดไม่ได้จริงๆ (1)

ทัณฑ์สวรรค์ครั้งสุดท้ายใช้เวลาครึ่งชั่วยาม

ทัณฑ์สวรรค์นั้นมีความไม่เต็มใจเล็กน้อยหลังจาก ‘ดำเนินการผิดปกติ’ และแทบรอไม่ไหวที่จะรีดพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์ครั้งสุดท้ายออกมาเพื่อสังหารผู้ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ที่กล้าหลบหนีจากทัณฑ์สวรรค์…

ทว่าบัดนี้ มันไม่เหลือแม้แต่นิดเดียวจริงๆ…

หลี่ฉางโซ่วนั่งขัดสมาธิบนทะเลสาบหินหนืดในอากาศ ร่างของเขาเต็มไปด้วยแสงเซียนแรงกล้า ปราณวิญญาณของเขายังคงอยู่ในตำแหน่งเดียวกับร่างเต๋าของเขา และในขณะนั้น มันก็เต็มไปด้วยแสงสีทองและเผยให้เห็นอักขระเต๋าลึกลับ

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ตรีศูลเหล็กกล้าขนาดเล็กของเทพแห่งท้องทะเล แค่กๆ สมบัติพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพแห่งท้องทะเลที่ด้านข้างนั้นดูมืดมนไปมาก การเอาชนะทัณฑ์สวรรค์และการได้รับอายุยืนยาวเป็นการระเหิดของเต๋าวิถีเซียนของหลี่ฉางโซ่ว มันไม่เกี่ยวข้องกับเต๋าเทพ

ร่างเงาของดอกบัวเขียวระดับสิบสองทั้งสามดอกปรากฏขึ้นที่หน้าอก หน้าท้อง และหน้าผาก จากนั้นพวกมันก็ค่อย ๆ ลอยอยู่ข้างหลังเขา แล้วรวมตัวกันอยู่เหนือศีรษะของเขา ผลิบาน และหมุนช้าๆ หัวใจของหลี่ฉางโซ่วว่างเปล่า เต๋าของเขาเปลี่ยนจากสิ่งที่ไม่ปรากฏให้เห็นและแผ่ขยายออกไปในระหว่างสวรรค์และปฐพีอย่างต่อเนื่อง…

มันราวกับว่ามีกำแพงกั้นอยู่ในระหว่างสวรรค์และปฐพี และมีนามมากมายนับไม่ถ้วนถูกทิ้งไว้บนนั้นตั้งแต่สมัยโบราณ และในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วยังได้สลักนามของเขาเอาไว้บนนั้นด้วยเช่นกัน

ลมปราณห้าสีที่หน้าอกของหลี่ฉางโซ่วโคจรอีกครั้ง แล้วเปลี่ยนเป็นลมปราณห้าธาตุบริสุทธิ์ คืนกลับไปยังส่วนต่างๆ ในร่าง เพื่อทำให้ร่างเต๋าและปราณวิญญาณของเขาผสมผสานเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

บุปผาสามดอกคือ ลมปราณ จิตวิญญาณ และร่างของเขา มารวมกันที่ด้านบน และลมปราณทั้งห้าก็กลับคืนสู่ต้นกำเนิด

นี่คือเซียนจินใช่หรือไม่? ร่างเต๋าของเขาเบาและไร้ตัวตน ราวกับว่ามันจะถูกพัดปลิวลอยไปตามสายลมและปราณวิญญาณของเขานั้นก็ดูประหนึ่งถูกแกะสลักจากหยกอมตะ สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาค่อย ๆ แผ่ขยายออกไปช้าๆ และตรวจจับได้ไกลนับหมื่นลี้แล้ว

โลกอยู่ใกล้ข้าและทุกสรรพสิ่งอยู่กับข้า

โชคชะตาของข้าไม่ได้ผูกมัดข้า และเต๋าอันยิ่งใหญ่ก็สะท้อนกับข้า

ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ได้กระโดดออกมาจากสังสารวัฏ และนามของเขาก็ไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ในตำราแห่งชีวิตมรรตัย ธาตุทั้งห้า หยินและหยาง ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกัน มันกระจ่างชัดยิ่งนัก หลี่ฉางโซ่วสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสงบในใจ เขาถึงกับ… ซาบซึ้งจนแสบจมูกเล็กน้อย

ในที่สุด เขาก็กลายเป็นเซียนจินแล้ว

แม้ในโลกบรรพกาล เขาจะไม่มีความสามารถที่จะป้องกันตนเองหรือเครื่องมือเวทอันทรงพลังที่จะปกป้องตัวเองได้ เขามีเพียงพลังเวทและวิชาเวทเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ทำให้รับมือกับการต่อสู้ง่ายๆ ได้

อย่างไรก็ตาม เขามีผลเต๋าอายุยืนแล้ว และมีคุณสมบัติที่จะกลายเป็นเครื่องมือเวทมนุษย์ของจอมปราชญ์เทพอย่างเป็นทางการ…

หากเขาพยายามให้หนักขึ้นอีกสักหน่อย และหามุมหลบซ่อน เขาย่อมจะสามารถเอาตัวรอดได้

การทะยานขึ้นสู่เซียนก็เป็นดั่งมดที่ติดปีก ด้วยอายุขัยยืนยาว ในที่สุดเขาก็มีร่างมนุษย์ที่ดีและนับได้ว่าเป็นปรมาจารย์ระดับสามในโลกบรรพกาล…

มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่เขาจะมาไกลได้ถึงเพียงนี้

ทุกวัน เขากังวลว่า เขาจะถูกจอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมบดขยี้จนตาย เขากังวลว่า เขาจะเข้าไปพัวพันกับภัยพิบัติ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงวางแผนและอุบายต่างๆ อย่างสุดกำลังโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง และเขาก็เกาะต้นขาใหญ่[1]ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินไว้แน่น

ข้าจะไม่พูดมาก

ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจ!

นี่คือรูปหัวใจดวงน้อยสำหรับจอมปราชญ์เทพและปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ของข้าเอง!

ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็พ่นโอสถทองคำเก้าแปรเปลี่ยนในปากออกมา ทว่าเมื่อใคร่ครวญดีๆ แล้ว เขาก็กลืนมันกลับไป

ไม่ต้องรีบ อดใจรออีกสักหน่อยเถิด หากในครั้งนี้ เขาใช้มันไม่ได้จริงๆ เขาก็ยังเช็ดมันแล้วมอบให้หลิงเอ๋อร์เอาไว้ใช้ในช่วงข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ขึ้นสู่เซียน

อย่างไรเสีย เขาก็เก็บมันไว้เอง!

ผู้ฝึกบำเพ็ญเริ่มฝึกบำเพ็ญเต๋าของพวกเขา พวกเขาต้องแสวงหาเต๋าของตัวเองก่อนจะกลายเป็นเซียน และเมื่อพวกเขากลายเป็นเซียนแล้ว พวกเขาก็ก้าวเข้าสู่เต๋าของตนเอง เมื่อพวกเขาไปถึงเซียนเทียนสมบูรณ์แบบ ผลเต๋าของพวกเขาก็ “สุกเต็มที่” แล้ว และพร้อมที่จะได้รับการทดสอบจากเต๋าสวรรค์…

หลังจากผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจินไปแล้ว ก็ย่อมพิสูจน์ได้ว่า เต๋าของพวกเขานี้ สามารถยืนหยัดในระหว่างสวรรค์และปฐพีได้ และผู้ฝึกบำเพ็ญสามารถคงชีพอยู่ได้ตลอดไปด้วยเต๋าของพวกเขาเอง

เข้าสู่โลกบรรพกาล กลายเป็นศิษย์ ฝึกบำเพ็ญนิรกรรม และบรรลุการตรัสรู้… ภาพต่างๆ ได้ผุดขึ้นมาในใจของหลี่ฉางโซ่ว และในขณะนี้ ความทรงจำที่เขาเก็บไว้ในวิญญาณแท้ของเขาก่อนที่เขาจะเข้าสู่โลกบรรพกาล ก็ค่อยๆ กระจ่างชัดเจนขึ้น

หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาลืมไป บัดนี้ได้สะท้อนอยู่ในหัวใจของเขาผ่านเต๋าอันยิ่งใหญ่ การรู้แจ้งในหัวใจของเขาค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อย และประตูแห่งความอัศจรรย์ทั้งหมดที่เปิดให้หลี่ฉางโซ่วก่อนหน้านี้ ก็เปิดเผยให้เห็นรอยแยกหนึ่งต่อหน้าต่อตาของหลี่ฉางโซ่วอีกครั้ง

ต่อไป ตราบใดที่เขาก้าวไปข้างหน้า เขาย่อมจะสามารถก้าวต่อไปอีกก้าวเล็กๆ ได้หลังจากที่กลายเป็นเซียนจิน…

ทว่าในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วไม่รีบเร่งผลักประตูเปิดเข้าไป

เขากำลังรออยู่…

ในขณะนั้น เมฆทัณฑ์สวรรค์ที่แตกสลายในท้องฟ้าได้กลายเป็นพลังวิญญาณมากมายไร้ที่สิ้นสุดและรวมตัวกัน ตรงไปที่หลี่ฉางโซ่ว

ปราณวิญญาณดวงเล็ก ๆ อ้าปากออก ดูดพลังวิญญาณบริสุทธิ์เหล่านี้ให้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างเต๋า ของหลี่ฉางโซ่วแล้วกลืนเข้าไปเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของเขาในภายหลัง

ในขณะนั้น ดวงสุริยาได้สาดแสงเข้าปกคลุมทุกสรรพสิ่งภายในพื้นที่รัศมีพันลี้ทั้งหมด และพิรุณแสงสีทองอร่ามก็โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า สรรพชีวิตทั้งหมดที่ได้สัมผัสสายพิรุณแสงเหล่านี้ ล้วนหายจากโรคภัยไข้เจ็บและภัยพิบัติ ผู้ที่กำลังจะตาย ก็เต็มไปด้วยพลังชีวิต

ท่ามกลางสายพิรุณแสงสีทองที่โปรยปรายลงมา เหล่าเทพธิดา ชายชรา และแม่ทัพสวรรค์ได้ปรากฏขึ้น เหล่าเทพธิดาต่างร่ายรำ ชายชราแสดงความยินดีเฉลิมฉลองให้พวกเขา และแม่ทัพสวรรค์ก็กำลังฝึกซ้อมรูปแบบการต่อสู้บนท้องฟ้า

นอกจากนี้ยังมีกระเรียนเซียนที่แสดงถึงสัญลักษณ์มงคล และหงส์ทอง มังกรเงินหลายตัวที่กำลังโบยบินวนเวียนอยู่บนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง เมฆขนาดหนึ่งหมู่[2]เข้ามารองรับร่างหลี่ฉางโซวให้ลอยขึ้นอย่างช้าๆ และมีเจดีย์ดอกบัวที่ค่อยๆ หล่นลงมาจากฟากฟ้า ราวกับว่ากำลังสวมมงกุฎให้หลี่ฉางโซ่ว

อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วก็ยังคงรออยู่ เขาไม่รีบเร่งจะเปิดประตูและเข้าสู่ห้วงแห่งการตรัสรู้เต๋า… เขาไม่กลัวว่าจะตกอยู่ในอันตรายหลังจากเข้าสู่ห้วงแห่งการตรัสรู้เต๋า เพราะมีปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อยู่ไม่ไกล

เขากำลังรอ รอ…

มันมาแล้ว!

ทันใดนั้น ก็มีเมฆสีเทาปรากฏขึ้นมาจากอากาศบาง ๆ แล้วบีบตัวเข้าไปในหมู่ปรากฏการณ์ต่างๆ มันกดหลี่ฉางโซ่วให้หยุดลอยอยู่ที่ความสูงพันจั้ง

เหนือเมฆสีเทานี้ ใบหน้าของชายชราได้ก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง และมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว ในขณะนั้น ปรากฏการณ์บนท้องฟ้ายังคงดำเนินต่อไป แต่หลี่ฉางโซ่วก็ยังอดรู้สึกกังวลไม่ได้ เขาครุ่นคิดในใจว่าควรจะพูดอะไร…

ห่างออกไปร้อยลี้ บัดนั้น เหล่าผู้สังเกตการณ์การข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้ลุกขึ้นยืน

เดิมทีพวกเขาคิดจะก้าวไปแสดงความยินดีกับหลี่ฉางโซ่ว แต่เมื่อเห็นเมฆสีเทาปรากฏขึ้น พวกเขาทั้งหมดก็หยุดลงทันที

ฉยงเซียวขมวดคิ้วและเอ่ยถามว่า “ยังมีทัณฑ์สวรรค์อีกหรือ?” “ศิษย์ผู้นี้กำลังฝึกบำเพ็ญเพื่ออายุขัยยืนยาว แล้วจำเป็นต้องให้เต๋าสวรรค์ทำให้ยากเพียงนี้เลยหรือ?”

อวิ๋นเซียวพลันตำหนิว่า “อย่าพูดมาก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นโอกาสสำหรับสหายเต๋าเทพแห่งท้องทะเล”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูถือแผนภาพไทจี๋เอาไว้ในมือและทำมุทราหยั่งรู้เพื่อคำนวณ ในไม่ช้า เขาก็แย้มยิ้มพลางกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ไม่เป็นไร นี่เป็นเพราะฉางโซ่วฝึกบำเพ็ญได้ก้าวหน้าเร็วเกินไป ซึ่งไม่สอดคล้องกับตรรกะของเต๋าสวรรค์ ดังนั้น จึงจงใจกำหนดโทษทัณฑ์สวรรค์ แต่การลงทัณฑ์นี้ มีขึ้นเพียงเพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้เขา และจะไม่ฆ่าเขา”

ทันทีที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูกล่าวจบ ใบหน้าของชายชราเหนือเมฆสีเทาก็สลายหายไป แล้วสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์สีม่วงก็ฟาดลงมาจากฟากฟ้า! ทันใดนั้น ก็มีแสงสีเขียวกะพริบรอบๆ ร่างหลี่ฉางโซ่ว แล้วก่อตัวขึ้นเป็นรังไหม… จากนั้นเขาก็ใช้พลังเซียนในขอบเขตเซียนจินที่ได้รับการยกระดับขึ้นมาใหม่ในทันที!

อย่างไรก็ตาม เมื่อสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ฟาดลงมา มันก็ไม่ได้ทำลายปรากฏการณ์ที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า และไม่สนใจพลังเซียนป้องกันของหลี่ฉางโซ่ว และฟาดเข้าที่หน้าอกของหลี่ฉางโซ่วโดยตรง และฉีกผิวหนังและเนื้อของเขาขาดออกจากกันเป็นชิ้น ๆ และเกิดรอยแผลที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นที่หน้าอกของเขา!

อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บนั้นไม่ร้ายแรง และปราณวิญญาณของหลี่ฉางโซ่วก็ปลอดภัยดี “ขอบคุณเต๋าสวรรค์ลงทัณฑ์ขอรับ!”

หลี่ฉางโซ่วร้องตะโกนเสียงดัง ทั้งที่ร่างโซเซ แต่เขาก็ยังยึดมั่นที่จะทำการคารวะเต๋าให้

มันสมบูรณ์แบบ หากบรรลุผลโดยไม่มีการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ขั้นสุดท้าย เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป และในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกสบายใจ…

เอ๋? ไฉนเมฆสีเทายังไม่สลายไป? ใช่แล้ว มันน่าจะโจมตีข้าสองครั้ง

เมื่อได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้และได้ยินเช่นนั้น ทั้งปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ และเทพธิดาซานเซียวต่างก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ และอวิ๋นเซียว พยักหน้าพร้อมเผยรอยยิ้มในขณะที่ปี้เซียวและฉยงเซียวล้วนงุนงง

ที่ด้านข้างของหลี่ฉางโซ่ว สายฟ้าทัณฑ์สวรรค์อีกสายหนึ่งก็ฟาดลงมา และทำให้หลี่ฉางโซ่วกระอักเลือดออกมาสามเซิง[3] ทันใดนั้น เขาก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงกลางอากาศ “ขอบคุณเต๋าสวรรค์… ที่ลงทัณฑ์ข้า!”

หลี่ฉางโซ่วตะโกนเสียงดัง จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและมองดูเมฆสีเทาบนท้องฟ้า ฟาดเขาสองครั้งแล้ว ไฉนยังไม่สลายไป?

ด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จึงได้ร้องขอใช้พลังแห่งแผนภาพไท่จี๋ เขาทำมุทราหยั่งรู้และทำนาย และกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “นี่เป็นการลงโทษเขาที่หลบหนีเข้าสู่ทัณฑ์สวรรค์ในช่วงที่ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ครั้งก่อน”

………………………………………………………………..

[1] สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ยิ่งใหญ่หรือประจบประแจงผู้ยิ่งใหญ่

[2] หน่วยวัดพื้นที่ของจีน 1 หมู่ ราว 1/15 เฮกต้าร์ หรือ 0.416667 ไร่

[3] เซิงคือหน่วยวัดปริมาณลิตร นอกจากนี้ กระอักเลือดออกมาสามเซิงโดยทั่วไปจะใช้บรรยายถึงอารมณ์โกรธจัด เดือดจัด