ตอนที่ 377 มีบางสิ่งที่ยากจะเข้าใจได้เสมอ (1)
วันแห่งการฝึกบำเพ็ญเต๋านั้นรวดเร็วมากเสมอ หลายปีผ่านไปในพริบตาเดียว
เมื่อหลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างไม่ตั้งใจเมื่อบอกว่าเขาจะเข้าปิดด่านเป็นเวลาสิบสองปี
เป็นเรื่องยากที่เขาจะอยู่ในสภาวะทะยานสู่สวรรค์นานเกินไป เพราะในท้ายที่สุด มันยากยิ่งนักที่ผู้ฝึกบำเพ็ญจะได้สัมผัสกับเต๋าอันยิ่งใหญ่โดยตรง ซึ่งหลี่ฉางโซ่วก็คาดว่า อย่างมากที่สุดเขาจะอยู่ได้เพียงไม่เกินสามถึงสี่ปีเท่านั้น
นั่นก็เป็นสิ่งที่หาได้ยากมากแล้ว
ทว่าสิ่งที่หลี่ฉางโซ่วไม่คาดคิดก็คือ การสะสมของเขาก่อนการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ในครั้งนั้น…มันท่วมท้นล้นเหลือยิ่ง
สถานะที่ทะยานขึ้นสู่เซียนของเขานั้น ใช้เวลานานถึงเจ็ดปี!
ในปีแรกของการปิดด่าน เขาบรรลุความคาดหวังของเขา และก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนจินขั้นแรกสู่ขั้นที่สอง จากนั้นเขาก็เข้าสู่การตรัสรู้อีกครั้งและไม่อาจหยุดได้อีกเป็นเวลานาน
เต๋าคืออะไร?
แน่นอนว่า นั่นย่อมไม่ใช่สิ่งที่อธิบายได้ง่ายๆ ด้วยคำว่า ‘กฎแห่งธรรมชาติ’
ในเวลานี้ สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วต้องเข้าใจมากที่สุด คือคำถามที่ง่ายที่สุด
โชคดีที่เขายังพอรู้เรื่องผลประโยชน์ของมรดกเต๋าของจอมปราชญ์เทพอยู่บ้างว่า ในวิธีฝึกบำเพ็ญนั้น จะได้สะท้อนให้ประจักษ์อย่างเต็มที่หลังจากขอบเขตเซียนจิน และเส้นทางข้างหน้าจะได้รับการชี้แนะจากองค์ไท่ชิง!
นอกจากนี้ หลี่ฉางโซ่วยังอาจใช้วิธีการอื่นเพื่อ ‘โจมตีทางอ้อม[1]’ และ ‘พิสูจน์ประเด็นผ่านการโต้แย้งโดยอ้อม’
หลี่ฉางโซ่วยังรู้สึกประทับใจในทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์บางอย่างที่เขาได้เรียนรู้ในชีวิตก่อนหน้านี้อยู่บ้าง เช่น ปฏิสัมพันธ์ของอนุภาคบางตัวที่ไม่อาจสังเกตได้โดยตรงกับอนุภาคที่สามารถสังเกตได้อื่น ๆ …
ความจริงแล้ว ความคิดเช่นนี้ก็นำมาใช้ในการทำความเข้าใจเต๋าได้เช่นกัน
หลี่ฉางโซ่วไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นภายนอกถังทองฮุ่นหยวน แต่ก็ยังคงรักษาความเชื่อมโยงในระดับที่แน่นอนกับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขาผ่านปราณวิญญาณของเขาได้…
ยอดเขาหยกน้อยน่าจะสบายดีเฉกเช่นเดียวกับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ซ่อนอยู่ข้างๆ ศิษย์น้องหญิงและอาจารย์ของเขา
แม่ทัพตงมู่และอ๋าวอี่น่าจะเห็นป้ายข้อความที่เขาเขียนทิ้งไว้เบื้องหลัง ศาลสวรรค์และวังมังกรจึงไม่ได้รบกวนการฝึกบำเพ็ญของเขา
อย่างไรก็ตาม ยิ่งเขาเข้าปิดด่านนานเท่าใด ตัวแปรที่อาจปรากฏขึ้นภายนอกก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
แน่นอนว่า ช่วงระยะเวลาสิบสองปีที่หลี่ฉางโซ่วกำหนดไว้สำหรับตัวเขาเอง ย่อมอาจลากยาวให้ล่าช้าไปได้
เก้าปีผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว…
หลี่ฉางโซ่วได้รับข้อมูลเชิงลึกทั้งหมดหลังจากผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน และผลเต๋าที่เกิดจากฐานเต๋าไร้ขีดจำกัดของเขานั้น เรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์ยิ่ง
เขายังอายที่ได้อยู่ กิน ดื่ม และนอนโดยไม่จ่ายอะไรเลยในเครื่องมือเวทของเทพธิดาอวิ๋นเซียว แม้ว่าการอยู่ที่นี่จะปลอดภัยและสะดวกสบาย แต่ก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาว
ดังนั้นเขาจึงเริ่มเข้าใจเวทสงบลมปราณเต่าขั้นสูงที่เขาสร้างขึ้นมาเอง
มันไม่เหมาะที่จะยังคงเรียกว่าเป็นฉบับปรับปรุงต่อไป
ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วได้พัฒนาวิธีการฝึกบำเพ็ญที่สร้างขึ้นเองซึ่งซ่อนและจำลองกลิ่นอายลมปราณให้ก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก และเขาก็ยังเปลี่ยนชื่อของมันเป็น “เวทสงบลมปราณเต่าทอง”!
ใช่แล้ว ประเด็นหลักคือ การเน้นคำว่า ‘สงบ’
หลังจากเข้าสู่ขอบเขตเซียนจินแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะพัฒนาการฝึกบำเพ็ญเช่นนี้ เพราะมันเป็นวิธีที่เยี่ยมยอดมากอยู่แล้ว ยามเมื่อเขาเป็นเซียนเทียน เขาก็สามารถซ่อนตัวจากการตรวจจับของเซียนจินธรรมดาได้แล้ว
แต่ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วทุ่มเทความคิดอย่างหนักเต็มที่ เขาก็ได้ผุดแนวคิดเพิ่มเติมขึ้นมาอีกเล็กน้อยและผลักดันการฝึกบำเพ็ญนี้ให้ก้าวข้างหน้าขึ้นไปอีกครั้ง…
หลักการของ “สงบลมปราณเต่า” ในฉบับระดับเซียนเทียนนั้น เป็นเพียงการจำลองกลิ่นอายลมปราณและความผันผวนที่แตกต่างกันจากร่างเต๋าและปราณวิญญาณเพื่อทำให้ศัตรูและพันธมิตรสับสน
แต่สำหรับปรมาจารย์อย่างปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และเทพธิดาอวิ๋นเซียวที่สามารถมองทะลุผ่านเต๋าของเขาได้ในทันที การอำพรางตัวนั้นก็ดุจดั่งชั้นกระจกใส ต่อให้เห็นไม่ชัด แต่ก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็ว
ขณะนี้หลี่ฉางโซ่วเริ่มต้นด้วยเต๋า แล้วใช้ขอบเขตเซียนจินเพื่อทำความเข้าใจเต๋าอันยิ่งใหญ่ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และซ่อนเต๋าของเขาเอาไว้อย่างสุดกำลัง!
ส่วนผลกระทบนั้น หลี่ฉางโซ่วสามารถถามเรื่องนี้กับผู้อาวุโสอวิ๋นเซียวเมื่อออกจากถังทองฮุ่นหยวนได้
พื้นหลังคืออะไร?
สิ่งที่ซ่อนเร้นเรียกว่าพื้นหลังและสิ่งที่เปิดเผยต่อสายตาผู้อื่นควรเรียกว่าประวัติย่อ
ในสถานที่อย่างโลกบรรพกาลที่เต็มไปด้วยอันตรายและโอกาส หากทุกคนรู้เรื่องนี้แล้ว เขาย่อมจะอยู่ไม่ไกลจากความตาย
แน่นอนว่า บนพื้นฐานนี้ หลี่ฉางโซ่วยังต้องเก็บไพ่ไม้ตายให้มากพอเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่จะซับซ้อนขึ้นในอนาคต…
กล่าวสรุปสั้นๆ ได้ว่า ในยามนี้ ความสามารถในการป้องกันตัวของหลี่ฉางโซ่วโดยทั่วไปแล้วนั้น ได้พัฒนาขึ้นมากจริงๆ ใช่แล้ว มันเป็นการก้าวกระโดดเชิงคุณภาพอย่างแท้จริงสำหรับอัตราการอยู่รอดของจอมปราชญ์เทพหรือผู้ยิ่งใหญ่ที่จะเพิ่มจากหนึ่งในพันเป็นหนึ่งในร้อย…
เจ็ดปีแห่งการทะยานขึ้นสู่เซียน สองปีแห่งการสรุป
ในอีกสามปีต่อมา หลี่ฉางโซ่วได้มุ่งทุ่มเทให้กับ “สงบลมปราณเต่าทอง” และใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาสุดท้ายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสองเวทหลบหนี
แน่นอนว่า เวทหลบหนีที่ได้รับการจัดลำดับความสำคัญย่อมเป็นหลีกลี้ปฐพีซ่อนกายและหลีกลี้วารีเร้นกาย
ตัวอย่างเช่น หลีกลี้สายฟ้าที่มีส่วนช่วยเหลือมหาศาลในช่วงข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์นั้น ไม่มี ‘ความเป็นสากล’ และความถี่ในการใช้งานก็ไม่สูงนัก ย่อมจะดีกว่ามาก หากให้ความสำคัญกับการปรับปรุงหลีกลี้ปฐพีซ่อนกายและหลีกลี้วารีเร้นกายก่อน เพื่อเพิ่มอัตราการเอาชีวิตรอดของร่างหลักและตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์
แน่นอนว่า เขาต้องทำ และยึดหลักหนีก่อนเป็นสำคัญ ต่อให้ผ่านไปหลังจากนี้อีกหมื่นปี เขาก็สั่นคลอนไม่ได้!
นอกจากนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยังมีเวทหลบหนีเฉียนคุน หลี่ฉางโซ่วก็ยังจำใส่ใจได้เช่นกัน
ในอีกสักพักต่อมา หากเขาช่วยงานมากขึ้นและสร้างผลงานให้ตัวเองได้อีก และปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ต้องการให้รางวัลตอบแทนเขา เขาย่อมจะได้รับวิธีการฝึกบำเพ็ญและมีความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีก
ในเมื่อเขาเป็นเซียนจิน เขาจึงต้องแสวงหาสิ่งที่แตกต่างออกไป!
เฉียนคุนนั้น เข้าใจได้ง่าย ๆ ว่าเป็น ‘ช่องว่าง’ แน่นอนว่า คำอธิบายนี้ค่อนข้างผิวเผิน
เวทหลบหนีเฉียนคุนเป็นการปล่อยให้คนเดินทางผ่านช่องว่างและเคลื่อนย้ายไปในทิศทางที่กำหนดแน่นอน แม้แต่เซียนจินธรรมดาก็ยังพบว่ายากที่จะฝึกฝนได้
เหตุผลที่ในโลกบรรพกาลเต็มไปด้วย “รูปแบบมาตรฐาน” นั่นเป็นเพราะพลังเวทระดับสูงนั้นหายากและยากที่จะปรับแต่ง สมบัติวิญญาณธรรมดาถูกหลอมขึ้นมาได้บ้าง และอาจถูกโยนออกไปเพื่อสำแดงพลังได้เล็กน้อย พวกมันเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด… ครั้นเมื่อครบสิบสองปี หลี่ฉางโซ่วก็ตัดสินใจออกจากการปิดด่าน เขาไม่อาจอยู่ในถังทองฮุ่นหยวนต่อไปได้
ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็ยังอ่อนแอมากในถังทองฮุ่นหยวน เขาจึงไม่สบายใจหากจะอยู่ที่นี่ตลอดเวลา…
ก่อนออกไป หลี่ฉางโซ่วก็ปรับ “สงบลมปราณเต่าทอง”
การอำพรางตัวขั้นล้ำลึกอยู่ที่เซียนจินขั้นสอง
การอำพรางตัวขั้นกลางอยู่ที่เซียนเทียนขั้นต้น
การอำพรางตัวแบบผิวเผินอยู่ที่เซียนเสิ่นขั้นกลาง
การอำพรางตัวชั้นนอกอยู่ที่เซียนหยวนขั้นสอง
ในขณะนี้ ตัวตนของศิษย์เซียนหยวนธรรมดาแห่งสำนักตู้เซียนยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อหลี่ฉางโซ่ว
เพราะในท้ายที่สุด ไม่ว่าเขาจะกลายเป็นเซียนจินหรือไม่ก็ตาม เมื่อจอมปราชญ์เทพบดขยี้เขาด้วยเพียงนิ้วเดียวเท่านั้น ก็จะถูกหยั่งรู้ได้ ก่อนที่เขาจะกลายเป็นเซียนจิน บางที เขาอาจไม่รู้สึกอะไรมากนักเมื่อจอมปราชญ์เทพกดนิ้วลง
บัดนี้…
เขาคาดว่ามันยากเล็กน้อยอยู่แล้ว ก่อนที่เขาจะมีความสามารถป้องกันตัวเอง ตัวตนทั้งสามของเขาคือ ตัวตนของเขาที่เป็นศิษย์ของสำนักตู้เซียน ปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และเทพแห่งท้องทะเลจะต้องถูกแยกออกจากกันเอาไว้ต่างหากโดยที่ปรมาจารย์เต๋าน้อยและเทพแห่งท้องทะเลได้ปกปิดตัวตนที่เป็นศิษย์สำนักตู้เซียน
เขาตรวจสอบสภาพของตัวเองอีกสามครั้ง และตรวจสอบชิ้นส่วนหยก เหรียญทองแดง และสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ อื่นๆ ที่เขาสวมเมื่อไม่กี่ปีก่อน จากนั้นเขาก็ซ่อมแซมตำราลับของเผ่าเวทที่ปรากฏบนร่างเต๋าของเขา…
ในทำนองเดียวกัน เขาก็ละเลยงานคาดการณ์ไว้ข้างหลังไม่ได้เช่นกัน
หลังจากทำเช่นนี้ หลี่ฉางโซ่วก็ร้องตะโกนออกไปรอบกายเขา “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือขอรับ! ศิษย์ยังต้องขอให้ผู้อาวุโสโปรดช่วยปล่อยศิษย์ออกไป ศิษย์ไม่เป็นไรแล้วขอรับ! ”
“สบายดีหรือไม่?” เสียงอ่อนโยนของเทพธิดาอวิ๋นเซียวดังขึ้น หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกมีพลังและสบายขึ้นไปทั่วทั้งร่างทันที
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก็มีลำแสงปรากฏขึ้นในที่มืด หลี่ฉางโซ่วพลันสัมผัสได้ถึงเสี้ยวพลังเซียนที่อ่อนโยนล้อมรอบตัวเขาและดึงเขาออกมาจากสถานที่นั้น… ลมทะเลที่เค็มเล็กน้อยพัดโชยมา เสียงคลื่นซัดสาด กระทบแนวปะการังและเสียงนกนางนวลสยายปีกช่างไพเราะจริงๆ
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกอบอุ่นใจนักเมื่อสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยขณะที่มองดูทะเลสีฟ้า ท้องฟ้าสีคราม และเมฆสีขาวที่อยู่เบื้องหน้าเขา
เขาหันกลับมาทันทีและเผชิญหน้ากับเทพธิดาอวิ๋นเซียว ซึ่งกำลังยืนอยู่บนเบาะนั่งสมาธิก่อนจะโค้งคำนับให้นางอย่างซาบซึ้ง… หลี่ฉางโซ่วอดจะรู้สึกไม่ได้ว่า เทพธิดาอวิ๋นเซียว และถังทองฮุ่นหยวนอยู่ในฐานะเป็นสหายกัน เขานั่งอยู่บนชายหาด เฝ้าชมสุริยาผงาดฟ้าและจันทราลาลับ ทำให้เขารู้สึกประทับใจยิ่ง
………………………………………………………………..
[1] พูดอ้อมค้อมย้อนยอกหรือพูดเปรียบเปรยคือ พูดเรื่องอื่นก่อนจะวกมาพูดเรื่องที่ต้องการ